28 เม.ย. เวลา 12:06 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🛍️ ทำไมเราถึงใช้เงินเก่งตอนเครียด 🧠💸

เคยไหมคะ? วันนี้ที่ทำงานแย่มาก รู้สึกเหนื่อยหน่าย ท่วมท้นไปหมด แล้วจู่ๆ การไถหน้าจอในแอปช้อปปิ้งร้านโปรดก็รู้สึกเหมือนเป็น สิ่งเดียว ที่ช่วยเยียวยาใจได้? ถ้าเคย ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณไม่ได้เป็นคนเดียวแน่นอน! อาการแบบนี้เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่หลายคนใช้การซื้อของเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
พฤติกรรมแบบนี้แหละค่ะที่เราเรียกว่า “Emotional Spending” หรือ การใช้จ่ายตามอารมณ์ พูดง่ายๆ ก็คือ การปล่อยให้ความรู้สึกของเรา (ไม่ว่าจะเครียด เศร้า เบื่อ หรือแม้กระทั่งมีความสุข!) มาเป็นตัวนำในการใช้จ่าย แทนที่จะคิดถึงความจำเป็นจริงๆ 1 หลายคนอาจจะเรียกติดปากว่า “Retail Therapy” หรือ ช้อปปิ้งบำบัด ซึ่งก็คือการซื้อของเพื่อบรรเทาความรู้สึกแย่ๆ นั่นเอง
ในบทความนี้ เราจะมาคุยกันแบบสบายๆ เจาะลึกถึง สาเหตุ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความอยากช้อปตอนอารมณ์ไม่ดี โดยไม่มีการตัดสินใดๆ ทั้งสิ้น! พร้อมทั้งสำรวจวิธีง่ายๆ ที่ใจดีกับตัวเอง ในการจัดการทั้งเงินและอารมณ์ เพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้นอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ความสุขชั่ววูบแล้วจบไป มาเริ่มกันเลยค่ะ!
🧠 เจาะลึกเบื้องหลัง: ทำไมสมองถึงรักการช้อปปิ้งบำบัด
ทำไมการซื้อของถึงช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ โดยเฉพาะเวลาที่กำลังเครียด? จริงๆ แล้วมีคำอธิบายทางจิตวิทยาและชีววิทยาอยู่เบื้องหลังค่ะ มาดูกันทีละข้อนะคะ
🤗 ความสุขชั่ววูบ: สวัสดี โดปามีน!
เคยรู้สึกฟินสุดๆ ตอนกดจ่ายเงินซื้อของที่อยากได้ไหมคะ? นั่นเป็นเพราะสมองของเราหลั่งสารเคมีชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า โดปามีน (Dopamine) ออกมาค่ะ โดปามีนเปรียบเสมือน "สารแห่งความสุข" หรือ "รางวัล" ที่สมองมอบให้ ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข และพึงพอใจ... แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
ความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นนี้เองที่ทำให้การช้อปปิ้งกลายเป็นสิ่งเย้ายวนใจ เพราะมันช่วยลดความเครียดและความรู้สึกแย่ๆ ได้ทันที แต่ความสุขนี้มักอยู่ไม่นานค่ะ และนี่คือจุดที่ต้องระวัง เพราะเมื่อสมองเรียนรู้ว่าการซื้อของ = ความสุข มันก็จะเรียกร้องหาสิ่งนั้นอีกเรื่อยๆ
การพึ่งพาโดปามีนจากการช้อปปิ้งบ่อยๆ อาจทำให้สมองเริ่มชินชา เราอาจต้องซื้อของมากขึ้น หรือบ่อยขึ้น เพื่อให้ได้ความรู้สึกดีเท่าเดิม ซึ่งนี่เป็นกลไกที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ หรือที่เรียกว่า "การเสพติดการช้อปปิ้ง" ได้ในที่สุด
มันจึงเป็นเหมือนดาบสองคม ที่ให้ความสุขชั่วคราว แต่ก็แฝงความเสี่ยงในระยะยาว
💪🏻 ฉันขอควบคุมสิ่งนี้เอง: ความต้องการควบคุม
ชีวิตช่วงนี้วุ่นวายจัง? งานก็เครียด ความสัมพันธ์ก็มีปัญหา? เวลาที่เรารู้สึกว่าควบคุมสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ได้ การซื้อของกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่เรา ควบคุมได้ ค่ะ
การได้เลือกสินค้าเอง การตัดสินใจซื้อ การกดปุ่ม 'ยืนยันคำสั่งซื้อ' มันทำให้เรารู้สึกมีอำนาจ มีอิสระในการตัดสินใจ เหมือนเป็นการบอกตัวเองเบาๆ ว่า "ถึงอย่างอื่นจะคุมไม่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ควบคุมสิ่งนี้ได้นะ"
ความรู้สึกว่าได้ควบคุมสถานการณ์นี่แหละค่ะที่เป็นแรงขับเคลื่อนทางจิตวิทยาที่ทรงพลังมาก บางครั้งอาจสำคัญกว่าความสุขที่ได้จากตัวสินค้าเสียอีก มันคือการพยายามสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบและมีอำนาจขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางความรู้สึกวุ่นวายหรือไร้อำนาจจากสถานการณ์อื่นในชีวิต
การช้อปปิ้งจึงเป็นเหมือนทางลัดในการตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่อยากรู้สึกปลอดภัยและควบคุมสิ่งต่างๆ ได้นั่นเองค่ะ
🙈 ทางลัดรับมืออารมณ์: เบี่ยงเบนความสนใจและหลีกหนี
บางครั้ง การใช้เงินซื้อของก็เป็นเพียงวิธีง่ายๆ ในการกดปุ่ม 'Pause' ให้กับความรู้สึกยากๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์กำลังรู้สึกเศร้า กังวล หรือแค่เบื่อสุดๆ?
การเดินเข้าร้านค้าหรือไถหน้าจอช้อปปิ้งออนไลน์สามารถช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาหรืออารมณ์เหล่านั้นได้ดีเลยทีเดียว มันเหมือนเป็นการพักสมองชั่วคราวจากการคิดเรื่องเครียดๆ แล้วหันมาจดจ่อกับการเลือกหาสิ่งของแทน
การใช้จ่ายในลักษณะนี้จัดเป็น กลไกการรับมือแบบมุ่งเน้นที่อารมณ์ (Emotion-focused coping mechanism)
ซึ่งก็คือ เน้นจัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น มากกว่าจะไปแก้ที่ต้นตอของปัญหาโดยตรง แม้ว่าการเบี่ยงเบนความสนใจนี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ในระยะสั้น แต่มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่ทำให้เราเครียดตั้งแต่แรก
หากเราพึ่งพาวิธีนี้บ่อยๆ อาจทำให้เราละเลยการพัฒนาทักษะการรับมือกับปัญหาที่ต้นเหตุ (Problem-focused coping) เช่น การวางแผนการเงิน การจัดการหนี้สิน หรือการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์หรือเรื่องงาน ซึ่งสุดท้ายแล้ว การใช้จ่ายเพื่อหนีปัญหาอาจวนกลับมาสร้างปัญหาทางการเงินที่ทำให้เครียดยิ่งกว่าเดิมได้ค่ะ
🚩 สัญญาณเตือน: เมื่อช้อปปิ้งบำบัดกลายเป็นปัญหา
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการ "ให้รางวัลตัวเอง" ของเราเริ่มจะกลายเป็นปัญหาแล้ว? จริงๆ แล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราซื้อ อะไร มากเท่ากับ ทำไม เราถึงซื้อ และมันส่งผลกระทบอย่างไรต่อชีวิตเราค่ะ ลองมาเช็คสัญญาณเตือนเหล่านี้กันดูนะคะ
✅ ซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือไม่เคยใช้: เปิดตู้เสื้อผ้ามาเจอแต่ป้ายราคาห้อยอยู่เต็มไปหมด? ซื้อของมาแล้ววางทิ้งไว้เฉยๆ?
✅ ช้อปเพื่อรับมือกับอารมณ์: สังเกตว่าตัวเองมักจะช้อปปิ้งเฉพาะตอนที่รู้สึกเศร้า เครียด กังวล หรือเบื่อหน่ายเป็นพิเศษหรือเปล่า?
✅ รู้สึกฟินตอนซื้อ แต่ผิดหวังทีหลัง: มีความสุขสุดๆ ตอนกดจ่ายเงิน แต่พอของมาส่งหรือผ่านไปสักพัก กลับรู้สึกผิด ละอายใจ หรือเสียดายเงิน?
✅ ซ่อนของหรือโกหกเรื่องค่าใช้จ่าย: ต้องแอบเอาของเข้าบ้าน หรือไม่กล้าบอกคนรัก/ครอบครัวเกี่ยวกับราคาของที่ซื้อมา?
✅ ใช้จ่ายเกินตัว: การช้อปปิ้งเริ่มทำให้การเงินติดขัด มีหนี้บัตรเครดิต หรือกระทบกับเงินเก็บ?
✅ คิดถึงแต่การซื้อครั้งต่อไป: หมกมุ่นอยู่กับการวางแผนว่าจะซื้ออะไรชิ้นต่อไปดี?
✅ กระทบชีวิตด้านอื่น: การช้อปปิ้งเริ่มส่งผลเสียต่องาน ความสัมพันธ์ หรือความรับผิดชอบอื่นๆ?
✅ หลีกเลี่ยงความจริงทางการเงิน: ไม่กล้าเช็คยอดเงินในบัญชี ไม่เปิดดูใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต หรือไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย?
หากสัญญาณเหล่านี้ฟังดูคุ้นเคยมากๆ และรู้สึกว่าควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ อาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีแนวโน้มไปทาง "โรคเสพติดการช้อปปิ้ง" (Shopaholism หรือ Compulsive Buying Disorder) ซึ่งถือเป็นปัญหาพฤติกรรมที่ควรได้รับการดูแล ดังนั้นหากรู้สึกว่าเข้าข่าย ควรลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดูนะคะ
การยอมรับว่าอาจมีปัญหาเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญค่ะ เพราะบางครั้ง สัญชาตญาณแรกของเราคือการหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธความจริง แต่การเผชิญหน้ากับมันอย่างซื่อสัตย์ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นค่ะ
สำหรับแอดแล้ว แอดไม่ได้ชอปปิ้งเก่งตอนเครียด แต่แอดชอปปิ้งเก่งทุกตอน 🤭
โฆษณา