เมื่อวาน เวลา 05:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.64 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 33.33-33.67 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ล่าสุด ทางการของทั้งสองฝ่ายต่างให้ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน แนวโน้มของค่าเงินบาท
เรามองว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงวันก่อนหน้า จนถึงช่วงเช้าวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงภาวะความผันผวนสูงของตลาดค่าเงิน ดังจะเห็นได้จากการที่เงินบาทมีจังหวะทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนเข้าใกล้โซนแนวต้าน 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ในวันก่อนหน้า จากนั้นก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้โซนแนวรับ 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง สะท้อนถึงความจำเป็นในการใช้กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น อย่าง กลยุทธ์ Options ตามที่เราได้เน้นย้ำมาโดยตลอด
โดยเรามองว่า ความผันผวนของเงินบาทนั้น นอกเหนือจากผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ ทิศทางราคาทองคำก็ถือว่ามีผลกับเงินบาทพอสมควร โดยเราคงประเมินว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาท (THB) กับราคาทองคำยังคงเป็นบวกอยู่ (Positive Correlation) และหากราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways อยู่ในช่วงการพักฐาน ก็อาจทำให้ เงินบาทแกว่งตัวในกรอบ Sideways ได้เช่นกัน (แต่อาจมีจังหวะอ่อนค่าหรือแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาทองคำ)
อย่างไรก็ดี เรามองว่า เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างมีมุมมองเชิงลบต่อเงินดอลลาร์มากพอสมควร สะท้อนผ่านการเพิ่มสถานะ Short USD (มองเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง) ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ควรระวังการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่อาจเกิดขึ้น หากบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ พลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยง จากรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่อาจออกมาสดใสและดีกว่าคาด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงาน ที่อาจออกมาดีกว่าคาด เช่นกัน
ทั้งนี้ แม้ว่า เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน อีกทั้งบรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจยังเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ โดยรวมเรายังคงมองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจถูกจำกัดแถวโซนแนวต้าน 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ (โซนถัดไปจะอยู่แถว 33.80 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวรับยังคงอยู่แถว 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์)
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.50 บาท/ดอลลาร์
กรอบค่าเงินบาทวันนี้
  • กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.45 บาท/ดอลลาร์
  • เงินบาทกลับมาแข็งค่าเร็วจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าแรงหลังเลขสำรวจภาคการผลิตของ Dallas Fed ออกมาที่ -35.8 ต่ำกว่าคาดที่ -17
  • จีนประกาศนโยบายเพื่อสนับสนุนผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีของสหรัฐฯ โดยจะให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ พร้อมปฏิเสธว่ามีการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ
  • ตลาดคาดว่าสหรัฐฯ จะยังคงแผนการขายพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวต่อเนื่อง แม้ตลาดจะผันผวนในช่วงที่ผ่านมา
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา