29 เม.ย. เวลา 08:22 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Havoc (2025)

นึกว่าหลุดมาจากหนังมาเฟียฮ่องกง
Havoc (2025) ที่กำกับโดย แกเร็ธ อีแวนส์ ที่โด่งดังมาจากหนังบู๊อินโดนีเซีย The Raid ทั้งสองภาค ยังพาผู้ชมอยู่ในโลกของอาชญากรรม ด้วยสเกลที่ใหญ่ขึ้นพร้อมละทิ้งหมัดเท้ามาลุยกันด้วยปืนในสไตล์ที่พาให้นึกไปถึงหนังสาดกระสุนมาเฟียฮ่องกงยุค 1990 ผสมฟิล์มนัวร์
เรื่องราวติดตามตัวละครแพทริค วอล์คเกอร์ (รับบทโดยทอม ฮาร์ดี) ตำรวจสายสืบสายเทาที่ต้องตามหาลูกชายของนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญพัวพันคดียิงถล่มสังหารหมู่ลูกแก๊งแก๊งมาเฟียจีน อย่างไรก็ตามภารกิจนี้กลับนำวอล์คเกอร์เข้าไปพัวพันกับอาชญากรรม และการหักหักขนาดใหญ่ที่กินลึกลงไปในวงการตำรวจและนักการเมือง
Havoc ไม่ปิดบังแรงบันดาลใจจากหนังมาเฟียฮ่องกงในยุค 80–90 โดยเฉพาะผลงานของผู้กำกับจอห์น วูกับแนวทาง Bullet Ballet หนังจึงเต็มไปด้วยฉากยิงต่อสู้สาดกระสุนที่มีทั้งความรุนแรงและดิบ เถื่อน โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ที่เดินเรื่องอย่างต่อเนื่องผ่านฉากยิงกันที่อัดแน่นและดุดัน ให้ความรู้สึกคล้ายกับตอนจบของโหด เลว ดี และ Hard Boiled ซึ่งถือเป็นฉากในตำนานของวงการแอ็กชันสาดกระสุนแบบฮ่องกง ทั้งการใช้มุมกล้อง ตลอดจนท่าทางการยิงปืนที่ออกแบบจนรู้สึกเหมือนว่าทอม ฮาร์ดีเป็นโจวเหวินฟะได้สบายๆ
องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งคือการเลือกโลเคชันถ่ายทำในประเทศเวลส์ ซึ่งส่งผลให้ฉากหลังของเมืองมีบรรยากาศที่อึมครึม เย็นชา และกดดัน เป็นเมืองที่คล้ายจำลองแบบเมืองกอธแธมมาเลย เมืองที่เป็นสัญลักษณ์ของความเสื่อมโทรม อาชญากรรม และการขาดแคลนความยุติธรรม
สิ่งเหล่านี้เอื้อให้ Havoc แสดงลักษณะของฟิล์ม นัวร์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการที่ตัวเอกต้องรับบทเป็นตำรวจสายเท่าที่พยายามกลับตัว เขาอาจจะถูกสภาพแวดล้อมบีบบังคับให้กระทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับศีลธรรมส่วนตัว แต่เขาก็พร้อมจะไหลไปตามน้ำ และต้องถลำลึกลงในโลกอาชญากรรม สะท้อน “moral ambiguity” หรือความถูกผิดที่เบลอ
ทอม ฮาร์ดี ถ่ายทอดตัวละครได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการผสมผสานระหว่างความแข็งกร้าวภายนอกและความแตกสลายภายใน เขาสามารถแสดงออกถึงความขัดแย้งภายในจิตใจผ่านทั้งสายตาและกายภาพอย่างมีมิติ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอื่น ก็แสดงให้เห็นถึงการพยายามสอดแทรกชั้นเชิงดราม่าลงในโครงเรื่องแอ็กชัน แม้หนังจะเน้นฉากต่อสู้ แต่ก็ไม่ละเลยองค์ประกอบด้านอารมณ์ซึ่งมันก็คล้ายกับหนังมาเฟียฮ่องกงที่ถนัดดรามาแบบนี้
แต่พอเป็น Havoc กลับรู้สึกน่าขบขันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนกับเพื่อน หรือพ่อลูก แม่ลูก ตลอดจนตำรวจกับตำรวจ หรือความสัมพันธ์ระหว่างมาเฟียด้วยกัน มันดันไม่เวิร์กกับ Havoc มันvk00tอยู่บนโครงสร้างบทที่ซ้ำซาก น่าเบื่อเกินไป แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ผู้กำกับเน้นอยู่แล้ว
เพราะในภาพรวม Havoc คือการทดลองผสมผสานระหว่างหนังแอ็กชันตะวันออกแบบฮ่องกง และหนังนัวร์ตะวันตกยุคใหม่ โดยมีน้ำเสียงที่เฉพาะตัวและไม่ประนีประนอมกับอารมณ์อ่อนไหว ใส่ความรุนแรงมาแบบจัดเต็ม เพียงแต่มันไม่พิถีพิถันและเนื้องานหยายไปสักหน่อย โดยเฉพาะงานด้านภาพที่แทบจะไม่เห็นรายละเอียดของภาพเลย
6/10
โฆษณา