เมื่อวาน เวลา 13:00 • ยานยนต์

หนี้ครัวเรือนพุ่ง รถจีนบุกประเทศคู่ค้า ปัจจัยกระทบยานยนต์ไทย Q1

บทสรุปอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไตรมาสแรกปี 68 ยอดผลิต - ขายในประเทศ - ยอดส่งออก ลดลง ส่องปัจจัยเสี่ยงกระทบตลาดที่นี่
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไตรมาสแรกปี 2568 (มกราคม -มีนาคม) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยตัวเลขการผลิตรถยนต์ รวมไปถึงยอดขายรถยนต์ในประเทศ และการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปยังต่างประเทศ โดยภาพรวมยังคงชะลอตัว อันเนื่องมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่มีอัตราโตต่ำ
ประกอบกับหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ต้องพบกับปัจจัยด้านสงครามการค้า ความเข้มงวดในการปล่อยคาร์บอน และอีกหนึ่งปัจจัยคือการเข้ามาของรถไฟฟ้าราคาถูกของจีนที่ส่งไปยังประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ภาพรวมอุตฯยานยนต์ไทยจะเป็นอย่างไร สามารถตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดได้ดังต่อไปนี้
  • ไตรมาสแรก 68 ไทยผลิตรถยนต์ลดลง 14.88 %
รถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - มีนาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 352,499 คัน ลดลง 14.88 % ขณะที่ยอดผลิตเดือนมีนาคม 2568 มีทั้งสิ้น 129,909 คัน ลดลง 6.09 % โดยมีปัจจัยมาจากผลิตเพื่อการส่งออกลดลง 9.36 % จากการผลิตรถยนต์นั่งลดลง 51.18 %  เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถบางรุ่นของรถยนต์นั่ง แต่ผลิตรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 35.01 % เพราะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV และ PHEV เพิ่มขึ้น แต่ผลิตรถกระบะลดลง 29.32 % ตามยอดขายรถกระบะยังคงลดลง
  • หนี้ครัวเรือน ศก.โตต่ำ ปัจจัยเสี่ยงกระทบยอดขายในประเทศ
เดือนมกราคม - มีนาคม 2568 รถยนต์มียอดขาย 153,193 คัน ลดลง 6.45 % ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนมีนาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 55,798 คัน ลดลง 0.54 % เนื่องจากรถกระบะที่ยังคงขายลดลง 7.84 %
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในประเทศที่ลดลง เป็นผลมาจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังกังวลหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในอัตราต่ำ ค่าครองชีพสูง
อย่างไรก็ตามเมื่อไปดูยอดขายเฉพาะกลุ่มที่เป็นยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงไตรมาสแรกพบว่ามีอัตราการเติบโต โดยรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า BEV มียอดขายรวม 22,737 คัน เพิ่มขึ้น 18.85 % ส่วนรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก หรือ PHEV มียอดขายรวม 2,458 คัน เพิ่มขึ้น 336.59 %
  • รถไฟฟ้าจีนบุกตลาดคู่ค้า กระทบตลาดส่งออก
เดือนมกราคม – มีนาคม 2568 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 220,139 คัน ลดลง 18.63 % ขณะที่เดือนมีนาคม 2568 ส่งออกได้ 80,914 คัน ลดลง 14.91 % เนื่องจากมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น และจากการเข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนของบางประเทศ รวมไปถึงการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีนในบางประเทศคู่ค้า จึงส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ อย่างไรก็ตามไทยส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
  • ยานยนต์ไฟฟ้า BEV -PHEV ยอดจดทะเบียนพุ่ง
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนมกราคม - มีนาคม 2568
เดือนมกราคม - มีนาคม 2568 มียานยนต์ไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 31,991 คัน เพิ่มขึ้น 7.66 %โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 25,397 คัน เพิ่มขึ้น 14.47 %
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 82 คัน ลดลง 44.59 %
  • รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 5 คัน ลดลง 28.57 %
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 6,401 คัน ลดลง 11.17 %
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 47 คัน เพิ่มขึ้น 2.17 %
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 59 คัน ลดลง 51.24 %
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนมีนาคม 2568
เดือนมีนาคม 2568 มียานยนต์ไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่จำนวน 9,905 คัน เพิ่มขึ้น 33.20 %  โดยแบ่งเป็น
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 7,839 คัน เพิ่มขึ้น 57.31%
  • รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 18 คัน ลดลง 14.29 %
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 3 คัน เท่ากับเดือนมีนาคม 2567
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,998 คัน ลดลง 15.55 %
  • รถโดยสารมีทั้งสิ้น 37 คัน เพิ่มขึ้น 428.57%
  • รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 10 คัน ลดลง 82.14 %
  • ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568
ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 258,982 คัน เพิ่มขึ้น 60.51 % โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 184,556 คัน เพิ่มขึ้น 65.02%
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 953 คัน เพิ่มขึ้น 121.63 %
  • รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 1,026 คัน เพิ่มขึ้น 14.13 %
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 68,653 คัน เพิ่มขึ้น 51.58 %
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,833 คัน เพิ่มขึ้น 14.88 %
  • รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 946 คัน เพิ่มขึ้น 156.37 %
โฆษณา