3 พ.ค. เวลา 23:55 • ความคิดเห็น

ไม่มีแล้วนะ “ยัยโง่"

หลายวันก่อนฉันหาข้อมูลบางอย่างแล้วเจอไดอารี่เล่มเก่าที่เขียนถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันเคยหลงรัก ฉันอ่านแล้วทั้งสงสารตัวเองทั้งอาย ทำไมฉันถึงได้หลงรักคนคนนึงและตั้งหน้าตั้งตารอเขาได้ขนาดนั้น เราคุยกันได้สักพักก็กลายเป็นฉันคุยกับเขามากกว่า ในช่วงเวลานั้นฉันไม่เข้าใจคำว่า “หนักขวา” เลย
สิ่งที่ทำให้ฉันเชื่อว่าเขาก็คงชอบฉันเหมือนกัน เพราะเขามักชอบพูดว่าอยากเจอฉัน จะพาฉันไปกินข้าวไปเที่ยว แต่พอนัดวันกันจริง ๆ จัง ๆ เขามักบ่ายเบี่ยงเสมอ จนในที่สุดหลังจากโควิด เขาก็ยอมมากินข้าวกับฉันและมารับฉันถึงที่บ้านแม้ระยะทางจะห่างกันหลายร้อยกิโล
หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็ยื่นกล่องหนึ่งมาให้ฉัน มันเป็นนาฬิกาข้อมือที่ฉันอยากได้ ฉันเซอร์ไพร้ส์มากไม่คิดว่าเขาจะซื้อให้ เพราะราคามันหลายพันบาทก็ถือว่าแพงสำหรับฉัน เขาใส่นาฬิกาให้ฉันและบอกว่า “สำหรับมิตรภาพดี ๆ ที่ผ่านมา” แต่ใจฉันเต้นตูมตามและไม่ได้คิดว่าแค่มิตรภาพเลย หลังจากวันนั้นเขาก็เงียบ ๆ ไป จนฉันไปรู้ความจริงว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย ฉันเสียใจมากและต่อว่าเขาไปยาวเหยียดเพราะเขาไม่ยอมรับสาย
มันดูเหมือนคนแพ้แล้วพาลใช่ไหม…แล้วฉันก็ตัดใจ
นาฬิกาข้อมือที่ฉันเคยดีใจในวันที่ได้รับกลายเป็นของแสลงใจ ฉันจะส่งคืนเขาแต่เพื่อน ๆ บอกว่าทำแบบนั้นมันเด็ก ๆ แล้วเพื่อนฉันก็พูดขำ ๆ ว่า “คิดซะว่าเป็นค่าเสียเวลาปีครึ่งของมึงก็แล้วกัน” ฉันก็เลยเก็บไว้และก็ยังใส่อยู่จนถึงวันนี้ในฐานะที่มันเป็นนาฬิกาที่ฉันชอบและมันก็ทำหน้าที่บอกเวลาให้ฉันอย่างซื่อตรงมาตลอด
ฉันเสียใจทั้งอายและโกรธ ฉันรู้สึกว่าตัวเองโง่มากและต่ำต้อย ฉันโง่เพราะคิดว่าเขาชอบฉันจริง ๆ โง่ที่ช่วยงานเขาทั้งที่เขาไม่ได้ขอ ช่วงเวลานั้นของฉันสดใสมาก ฉันแต่งตัวสวย พยายามพัฒนาตัวเองให้เหมาะสมกับเขา หน้าตาฉันก็สดใสมาก แต่ฉันก็ไม่ได้บอกใครมีแค่เพื่อนสนิท 2-3 คนเท่านั้นที่รู้ คนในครอบครัวฉันยังไม่บอกให้รู้เลย (จนถึงตอนที่กำลังเขียนนี้ฉันก็ยังไม่ได้บอก)
ฉันระบายความรู้สึกผิดหวังทั้งหมดลงไดอารี่ และกับเพื่อนสนิทเท่านั้น และเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจเงียบ ๆ ฉันพยายามให้อภัยและเดินหน้าต่อไปตามปกติ
ในวันที่เจอไดอารี่เก่ามันกระตุ้นความรู้สึกเก่า ๆ กลับมา เหมือนยังมีเศษซากอารมณ์ที่ยังนอนก้นอยู่ในใจนิด ๆ เมื่อได้อ่านเพียงไม่นาน ฉันรู้สึกว่า “ยัยโง่” กลับมาอีกแล้ว
เมื่อวานหลังจากคุยเล่นก้บ ChatGPT ตามปกติ อยู่ ๆ เราก็คุยกันถึงเรื่อง “การปลดปล่อยอารมณ์เก่า ๆ” และ "การก้าวไปข้างหน้า” ไม่ว่าจะเศร้า เสียใจ หรือรู้สึกผิด มันไม่ติดค้างในใจเท่าเดิมแล้ว ไม่ต้องกลับไปแก้ไขอดีต แค่ “ยอมรับอดีต” ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็คือบทหนึ่งของชีวิต…
ฉันอ่านซ้ำอยู่หลายรอบ แล้วอยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยอ่านในหนังสือพัฒนาตัวเองหลายเล่มที่พูดถึงเรื่อง “การปลดปล่อยตัวเองในอดีต” อย่างเช่น หากเรามีความทรงจำไม่ดีในตอนเด็กและเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในห้องครัว แม้จะโตขึ้นแต่เรากลับยังรู้สึกถึงเหตุการณ์นั้นเสมอ เป็นเพราะเด็กน้อยคนนั้น (ตัวเราในปัจจุบัน) ยังไม่รู้ว่าจะออกจากห้องครัวนั้นยังไง เราต้องกลับไปที่ห้องครัวนั้น แล้วพาเด็กน้อยคนนั้นออกมา บอกเขาว่าทุกอย่างมันไม่เป็นไรแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องครัวนั้นแล้ว
เวลาฉันอ่านอะไรทำนองนี้ฉันจินตนาการถึงตัวเองในอดีตแต่ก็ปลดปล่อยตัวเองไม่เคยได้เลย เหมือนฉันได้แค่คิดตาม แต่ไม่ได้ทำในระดับจิตวิญญาณจริง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือฉันอาจจะเข้าไม่ถึง ไม่ได้เชื่อมต่อกับความรู้สึกนั้น
แต่เมื่อวานฉันคิดว่าน่าจะคล้าย ๆ กัน ฉันต้องกลับไปปลดปล่อยตัวฉันที่เคยผิดหวังในความรัก อาจแค่กลับไปบอกตัวฉันในวันนั้นว่า "เธอทำดีแล้วนะริน เธอเป็นคนที่จริงใจ ไม่เป็นไรหรอกที่จะไม่สมหวังกับคนไม่จริงใจ" ไม่ใช่เธอไม่ดีพอ หรือโง่เกินไป แต่เขาไม่ใช่คนที่เห็นค่าความจริงใจของเธอต่างหาก…
พอได้พูดแบบนั้นกับตัวเองฉันรู้สึกใจเบาขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ฉันเคยคิดอยากจะเขียนเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้เขียนเพราะคิดว่ามันไม่มีประโยชน์กับใคร แต่วันนี้ฉันอยากเขียนเพื่อปลดปล่อยตัวเอง มันอาจไม่มีประโยชน์กับใครนอกจากเป็นประโยชน์กับตัวฉันเอง พอเขียนเสร็จฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
ไม่มีแล้วนะ “ยัยโง่” 😊
English version on Medium :
โฆษณา