29 เม.ย. เวลา 23:29

🫦 เมื่อ "แบรนด์" ตัดสินใจไม่พูดถึงตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว...

ไม่มีโลโก้
ไม่มีสีแบรนด์
ไม่มีแม้แต่ Tagline หรือ Signature
มีเพียงประโยคธรรมดาๆ ว่า...
"มันมาจากที่ไหนนะ?"
และ QR code เล็กๆ ที่ซ่อนคำตอบทุกอย่างเอาไว้
ผมจะยังไม่บอกว่า แคมเปญนี้มาจากแบรนด์ไหน? เพื่อให้เข้ากับไอเดียของบิลบอร์ดนี้เลย 🙂
นี่ไม่ใช่การลืมใส่ Branding — แต่นี่คือ กลยุทธ์ที่จงใจมาก จากเอเจนซี่ Mischief ที่เลือกใช้ "ความว่างเปล่า" เป็นเครื่องมือสร้างแรงดึงดูด
ผมสแกน QR code ด้วยตัวเองจากภาพบิลบอร์ด — มันเวิร์ค! แม้ผมจะอยู่ในประเทศที่ยังสั่งซื้อสินค้าจากแบรนด์นี้ไม่ได้
และนั่นแหละครับคือ "พลัง" ของงานชิ้นนี้
เพราะเมื่อเราตัดทุกอย่างที่ บอกว่าเป็นใคร ออกไป สิ่งที่เหลืออยู่คือ "แรงดึงดูดจากความไม่รู้" หรือพูดง่ายๆ คือ "มนุษย์เราเกลียดความคาใจ" 😠
การใช้ประโยคธรรมดาอย่าง "มันมาจากที่ไหนนะ?" แทนที่จะพูดว่า "ค้นพบความหรูหรารูปแบบใหม่" หรือ "แบรนด์ที่คนดังเลือกใช้"
"มันมาจากที่ไหนนะ?" คือการตั้งต้นด้วยเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voice / Human Insight) ทำให้แคมเปญดู ใกล้ชิด เป็นมิตร และไม่ขายของตรงๆ ซึ่งในยุคที่คนเบื่อโฆษณาแบบยัดเยียด ซึ่งไม่ใช่เสียงของแบรนด์ (Brand Voice) และนั่นแหละที่ทำให้คน อยากรู้
📍แต่แน่นอน ทุก Bold Idea ย่อมมี Trade-off
QR code คือจุดที่ต้อง หยุด - คิด - หยิบมือถือ - สแกน ถ้าภาพสินค้าที่ปรากฏอยู่ไม่โดนพอ คนก็อาจเดินผ่านไปเลยง่ายๆ
🦜นกกระซิบ: ในมุมมองของผม — นี่คือตัวอย่างของ "กลยุทธ์แบรนด์แบบไม่พูดชื่อแบรนด์" ที่เข้าใจมนุษย์ดีพอจะทำให้ความว่างเปล่ากลายเป็นแรงขับเคลื่อน
ในวันที่ข้อมูลล้นเกิน บางครั้ง "การไม่พูดอะไรเลย" ก็เป็นเสียงที่ ดังที่สุด ได้เช่นกัน! 🔊
Credit: Karthik Srinivasan
เกร็ดเล็กๆ ของแบรนด์ by Nok Creative Branding
โฆษณา