เมื่อวาน เวลา 23:55 • ข่าวรอบโลก

ทรัมป์เบรกภาษีชิ้นส่วนรถ เดินเกมใหม่ เอาใจค่ายรถ-แรงงาน

โดนัลด์ ทรัมป์ ปรับเกมภาษีนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ ลดผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ ดึงใจค่ายรถ-แรงงานอเมริกัน ท่ามกลางความกังวลซัพพลายเชนสะดุด-ผู้บริโภคโดนขึ้นราคา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินหน้ารีเซ็ตยุทธศาสตร์ภาษีอุตสาหกรรมยานยนต์ครั้งใหญ่ โดยเตรียมออกมาตรการลดผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ในวันอังคารนี้ ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณยืดหยุ่นล่าสุดในนโยบายการค้าของทรัมป์ หลังจากก่อนหน้านี้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งในตลาดการเงิน ภาคธุรกิจ และซัพพลายเชนทั่วโลก
มาตรการใหม่นี้จะมุ่งบรรเทาภาระให้กับผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ด้วยการผ่อนปรนภาษีสำหรับชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบในรถที่ผลิตภายในสหรัฐฯ รวมถึงหลีกเลี่ยงการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อน เช่น ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่มีอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งจะมีการคืนภาษีที่ได้ชำระไปแล้วในบางกรณี
ฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ผ่านทำเนียบขาวว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศและแรงงานชาวอเมริกัน ความตกลงนี้เป็นชัยชนะสำคัญของนโยบายการค้าของประธานาธิบดี ที่ให้รางวัลกับบริษัทที่ผลิตในประเทศ พร้อมทั้งเปิดทางให้กับผู้ผลิตที่แสดงความมุ่งมั่นจะลงทุนและขยายกำลังการผลิตในอเมริกา”
รายงานจาก Wall Street Journal ซึ่งเป็นสื่อแรกที่เผยข้อมูลนี้ ระบุว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีจะไม่ต้องจ่ายภาษีอื่นเพิ่มเติม และจะได้รับการชดเชยหากได้จ่ายภาษีเหล่านั้นไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวก็ยืนยันข้อมูลนี้ พร้อมระบุว่าประกาศอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันอังคาร
การประกาศมาตรการครั้งนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับการเดินทางเยือนรัฐมิชิแกนของทรัมป์ เพื่อรำลึกครบ 100 วันของการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งมิชิแกนเป็นรัฐบ้านของ “ดีทรอยต์ ทรี” – 3 บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ได้แก่ General Motors, Ford และ Stellantis รวมถึงยังมีซัพพลายเออร์ยานยนต์รายใหญ่อีกนับพันแห่ง
แมรี บาร์รา ซีอีโอของเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) และจิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอของฟอร์ด ต่างแสดงความยินดีกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยบาร์ราระบุว่า “เราเชื่อว่าความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีช่วยสร้างสมดุลการแข่งขันให้กับบริษัทอย่าง GM และเปิดทางให้เราลงทุนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้มากยิ่งขึ้น” ขณะที่ฟาร์ลีย์กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยลดผลกระทบของภาษีที่มีต่อผู้ผลิตรถยนต์ ซัพพลายเออร์ และผู้บริโภค”
1
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ รวมตัวกันส่งจดหมายเปิดผนึกถึงทรัมป์ เรียกร้องไม่ให้เดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ในอัตรา 25% ตามแผนที่จะมีผลภายในวันที่ 3 พฤษภาคม โดยเตือนว่าการเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทั้งอุตสาหกรรม
ในจดหมายซึ่งส่งถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เจมิสัน เกรียร์, รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ และรัฐมนตรีพาณิชย์ ลัตนิค กลุ่มผู้ผลิตที่ประกอบด้วย GM, โตโยต้า, โฟล์กสวาเกน, ฮุนได และอีกหลายราย เตือนว่า “ซัพพลายเชนยานยนต์ทั่วโลกจะปั่นป่วน ราคารถยนต์จะพุ่งสูง ยอดขายจะลดลง และต้นทุนในการซ่อมบำรุงรถยนต์จะพุ่งขึ้นทั้งในแง่ราคาและความไม่แน่นอน”
จดหมายยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากไม่ได้มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายรายอยู่ในสภาวะเปราะบาง หากไม่สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การหยุดสายการผลิต เลิกจ้างงาน หรือแม้กระทั่งล้มละลาย โดยชี้ว่า “บางครั้ง แค่ซัพพลายเออร์เพียงรายเดียวล้ม ก็สามารถทำให้สายการผลิตของบริษัทรถยนต์ทั้งสายต้องหยุดชะงักได้”
การปรับเปลี่ยนนโยบายภาษียานยนต์ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของทรัมป์ในการสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายนโยบายการค้าแบบ “อเมริกาต้องมาก่อน” กับผลกระทบในโลกความจริงที่อาจย้อนกลับมาทำลายเศรษฐกิจและแรงงานในประเทศเองในระยะยาว
การเดินเกมของทรัมป์ในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องภาษี แต่นับเป็นจังหวะทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญต่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกัน รวมถึงบทบาทของสหรัฐฯ บนเวทีการค้าโลกในยุคที่เส้นแบ่งระหว่าง “การปกป้องภาคผลิตในประเทศ” กับ “การรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจโลก” เริ่มพร่าเลือนมากขึ้นเรื่อยๆ
โฆษณา