ที่มาคือคำว่า "Dick" ในภาษาเยอรมันแปลว่า "หนา" (Thick) แต่พอคนที่พูดอังกฤษมาเห็นคำว่า "Extra Dick" ก็อดขำไม่ได้ เพราะในภาษาอังกฤษ "Dick" เป็นคำสแลงหมายถึง…อย่างที่เรารู้กันนั่นแหละครับ! 🥩
เลยกลายเป็นมุกว่า:
"Thanks but do ya have any dickless burger?"
(ขอบคุณนะ แต่มีเบอร์เกอร์แบบไม่มี…นี้มั้ย?)
ความฮามาจาก:
• การแปลตรงตัวข้ามภาษาแบบไม่ตั้งใจ
• การตีความคำว่า "Dick" ในแบบภาษาอังกฤษแสลง
• ความขัดแย้งระหว่างความตั้งใจของผู้ผลิต กับสายตาผู้บริโภคต่างชาติ
เรียกว่าฮาแบบ "Translation Fail" คลาสสิกเลยครับ!
🦜นกกระซิบ: ในทางแบรนด์แล้วถือเป็นบทเรียนสำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าแบรนด์มีแผนจะขยายสู่ตลาดต่างประเทศ หรือแค่มีโอกาสถูกแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียระดับสากล
ทำไมต้องระวังเรื่องนี้ในมุมของแบรนด์?
✅ 1. ภาษา = บริบท ไม่ใช่แค่คำแปล
คำว่า "Dick" ในเยอรมัน = "หนา"
แต่ในภาษาอังกฤษ = สแลงที่ส่อไปทางลามก/หยาบคาย
แม้เจตนาดี แต่เมื่อเข้าสู่บริบทใหม่ มันอาจส่งผล ลบต่อภาพลักษณ์แบรนด์ทันที
✅ 2. แบรนด์ที่ขยายสู่ตลาดโลก ต้องคิดแบบ Global-Ready
ถ้าคุณเป็นแบรนด์ที่ ต้องการขายสินค้าไปยังตลาดนานาชาติ หรือแม้แต่แค่ถูกพูดถึงบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก คุณควร:
- ตรวจสอบชื่อสินค้า/บรรจุภัณฑ์ในหลายภาษา
- ระวังคำที่อาจ มีความหมายล่อแหลมหรือกลายเป็นมุกโดยไม่ตั้งใจ
- ใช้บริการ Localization ที่เข้าใจทั้งภาษาและบริบททางวัฒนธรรม
✅ 3. ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของแบรนด์
แม้จะมีคนแชร์เพราะตลก แต่สิ่งที่ตามมาคือ:
- ลูกค้าอาจไม่จริงจังกับสินค้า
- คู่แข่งอาจใช้เป็นช่องโจมตีแบรนด์
- ทำให้แบรนด์ดู "ไม่ใส่ใจ" หรือเป็นแค่ "สมัครเล่น"
ตัวอย่างจริงที่คล้ายกัน:
- Mitsubishi Pajero: ในภาษาสเปน (บางประเทศ) "Pajero" เป็นคำหยาบ
- Pepsi ในจีน เคยแปลสโลแกน "Come alive with Pepsi" ว่า "Pepsi brings your ancestors back from the grave."
สรุป: 🚨
มุก "Extra Dick" อาจขำสำหรับคนดู แต่สำหรับแบรนด์คือสัญญาณเตือนว่า ชื่อ คำ โปรโมชัน หรือแม้แต่คำบนบรรจุภัณฑ์ — ต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองทางภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมก่อนสื่อสารเสมอ
Credit: David AK, Writers, Readers and Genteel
เกร็ดเล็กๆ ของแบรนด์ by Nok Creative Branding