8 ชั่วโมงที่แล้ว • ข่าวรอบโลก

หรือนี่คือสาเหตุของ “ไฟดับ” ทั่ว “สเปน” และ “โปรตุเกส”

ตอนแรก “การโจมตีทางไซเบอร์” ต่อมา “สภาพอากาศแปรปรวน” หรือ สาเหตุสุดท้ายที่เป็นได้
เป็นเวลามากกว่าหนึ่งวันหลังจากเกิดไฟดับครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกส สาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงไม่ชัดเจน ในขณะเดียวกันหลายสาเหตุคาดการณ์ที่ถูกพูดถึงหลักในช่วงเวลาหลังเกิดเหตุดังกล่าวก็ถูกหักล้างไปแล้ว ตอนนี้เริ่มมีการพูดถึงยังไงกันบ้างที่เป็นสาเหตุอื่นที่เป็นไปได้มากสุด
  • เริ่มต้นที่ “การโจมตีทางไซเบอร์”
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากไฟดับทั่วประเทศ “มานูเอล คาสโตร อัลเมดา” รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาดินแดนของโปรตุเกสยอมรับว่าการโจมตีทางไซเบอร์อาจทำให้เกิดไฟดับในครั้งนี้ก็เป็นได้ เขาย้ำว่าเรื่องนี้ “ยังไม่ได้รับการยืนยัน” แต่ตั้งข้อสังเกตว่า “ความเป็นไปได้ดังกล่าวมีอยู่จริง” ในตอนแรกสำนักงานนาโตในกรุงบรัสเซลส์ไม่ได้ตัดประเด็นนี้ออกไป และในส่วนของตน สำนักงานได้เริ่มสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายของวันที่ 28 เมษายน ตามเวลาในท้องถิ่น ศูนย์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติของโปรตุเกสได้ออกมาแถลงว่า “ไม่มีหลักฐานใด” ที่บ่งชี้ว่าการโจมตีทางไซเบอร์เป็นสาเหตุของเหตุไฟฟ้าดับ ต่อมา “เทเรซา ริเบรา” โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกมาแถลงว่าแม้จะยังไม่มีการตัดประเด็นใดๆ ออกไปในระยะเริ่มต้น แต่ “ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ถึงต้นตอจากปัญหาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”
“เทเรซา ริเบรา” โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป เครดิตภาพ: BAHA
อย่างไรก็ตามศาลระดับประเทศของสเปนแถลงการณ์ว่า จะยังคงเปิดการสอบสวนภายในเพื่อพิจารณาว่าเหตุไฟดับดังกล่าวเป็น “การกระทำที่เกิดจากกลุ่มแฮกเกอร์เข้าโจมตีต่อระบบโครงสร้างคอมพิวเตอร์พื้นฐานที่สำคัญ” หรือไม่
แม้จะมีการปฏิเสธจากทางการหลายครั้ง แต่การโจมตีทางไซเบอร์ก็ยังคงเป็นเรื่องไวรัลแพร่กระจายไปบนโซเชียลมีเดีย WhatsApp และ TikTok โดยมีการเผยแพร่ข้อความที่มีการกล่าวหาว่า “กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากเครมลินเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์นี้”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ารัสเซียถูกกล่าวหาโดยตรงจากหัวหน้าคณะกรรมาธิการยุโรป “อัวร์ซูลา ฟอน เดอ เลเยน” ต่อมาบรัสเซลส์ต้องออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าเธอไม่ได้กล่าวหาเช่นนั้นเลย
เครดิตภาพ: France Médias Monde / France 24
  • หรือเป็นเพราะ “สภาพอากาศแปรปรวน”
เมื่อบ่ายวันที่ 28 เมษายน ตามเวลาในท้องถิ่นยุโรปตะวันตก สื่อหลายสำนักรวมถึง Sky News และ Reuters รายงานแถลงการณ์จาก REN ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโครงข่ายไฟฟ้าของโปรตุเกสว่า ไฟฟ้าดับเกิดจากความผิดพลาดของโครงข่ายไฟฟ้าของสเปน ซึ่งเชื่อมโยงกับ “ปรากฏการณ์บรรยากาศที่เกิดขึ้นได้ยาก”
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เฉียบพลันในสเปนส่งผลให้สายส่งไฟฟ้าแรงสูงเกิด “ความผันผวนอย่างผิดปกติ” ปรากฏการณ์ดังกล่าวซึ่งเรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงบรรยากาศที่เหนี่ยวนำ” ทำให้เกิดปัญหาในการซิงโครไนซ์ (ประสานการทำงาน) ระหว่างระบบต่างๆ และส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักทั่วทั้งโครงข่ายไฟฟ้าในยุโรป
อย่างไรก็ตามในเช้าวันที่ 29 เมษายน ตามเวลาในท้องถิ่น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสเปน หรือ AEMET ได้ตัดสินใจตัดประเด็นสภาพอากาศที่เป็นสาเหตุของไฟดับ โดยนักวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยาระบุว่าพวกเขาไม่ได้มีการบันทึกการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกะทันหันหรือ “ปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาหรือบรรยากาศที่ผิดปกติ” ในวันก่อนหน้านั้น
ไม่นานหลังจากนั้นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ REN กล่าวว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายงาน “ความผันผวนผิดปกติ” ที่เผยแพร่เมื่อวันก่อน REN ยืนยันว่าเราไม่ได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าว บริษัทกล่าวกับ AFP
เครดิตภาพ: Sky News
  • หรือเกิดจากการปรับเปลี่ยนมาใช้ “แหล่งพลังงานหมุนเวียน” ของยุโรป
ไฟดับครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งกินพื้นที่คาบสมุทรไอบีเรียทั้งหมด ในช่วงเวลาดังกล่าวระดับแหล่งจ่ายไฟของสเปนและโปรตุเกสลดลงถึง 60% ในคราวเดียว และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดถูกตัดกระแสไฟฟ้า
เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ 16 เมษายน 2025 สเปนประกาศความคืบหน้าเรื่องระบบพลังงานแห่งชาติของพวกเขาซึ่งสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% เป็นครั้งแรก
ในวันนั้นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมของสเปนผลิตได้กว่า 45% ของที่ผลิตได้ทั้งหมด พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตได้ 27% และโรงไฟฟ้าพลังน้ำผลิตได้อีก 23% เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2025 พลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ได้สร้างสถิติใหม่ สามารถผลิตไฟฟ้าได้ทันที 20.1 กิกะวัตต์ และตอบสนองความต้องการได้ 78%
แต่เริ่มเกิดสิ่งที่ผิดพลาดขึ้นคือ ระบบไฟฟ้าของสเปนเริ่มผันผวนอย่างรุนแรงจนตัดขาดจากเครือข่ายหลักของภาคพื้นทวีป ในระบบไฟฟ้าของยุโรปและโดยทั่วไปในเครือข่ายที่ซิงโครไนซ์กัน
มีข้อกำหนดที่เข้มงวดในการรักษาความถี่ของไฟฟ้ากระแสสลับให้เสถียรที่ 50 เฮิรตซ์ ความผันผวนภายใน ±0.1 – 0.2 เฮิรตซ์ถือว่ายังยอมรับได้ อย่างไรก็ตามในสเปนมีการบันทึกความถี่ที่ลดลงอย่างกะทันหันและรุนแรง ลงต่ำกว่า 49.5 เฮิรตซ์ และสิ่งนี้ทำให้เกิดกลไกปิดการทำงานฉุกเฉินโดยอัตโนมัติเพื่อปกป้องอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้า
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2023 มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาวิเคราะห์ความเสี่ยงในระบบไฟฟ้าของคาบสมุทรไอบีเรีย เนื่องจากมีการผสานรวมแหล่งพลังงานหมุนเวียนจำนวนมากเข้าด้วยกกัน โดยสังเกตว่าสถาปัตยกรรมปัจจุบันของแหล่งพลังงานเหล่านี้อาจคุกคามเสถียรภาพของระบบทั้งหมดได้ และนั่นก็เกิดขึ้นแล้วหรือไม่?
เครดิตภาพ: Turkic World
ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนนั้นไม่ได้ต้องการเพียงแค่การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และกังหันลมเท่านั้น แต่ยังต้องปรับปรุงสถาปัตยกรรมเครือข่ายทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วย ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บพลังงาน “เครือข่ายอัจฉริยะ” และความสามารถในการปรับสมดุลที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงที่ต้องลงทุนเพิ่ม
  • จะยังไงต่อไป?
จนถึงขณะนี้ทางการสเปนและโปรตุเกสยังไม่มีรายงานฉบับใดที่จะถือเป็นฉบับหลักได้ หน่วยงานกำกับดูแลบริการด้านพลังงานของโปรตุเกสยอมรับว่าไม่มีข้อมูลที่จะระบุสาเหตุที่เป็นไปได้ของเหตุการณ์ดังกล่าวหรือระบุผู้กระทำความผิดได้
“หลุยส์ มอนเตเนโกร” รักษาการนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสกล่าวว่า ทางการได้ขอความช่วยเหลือจากกรุงบรัสเซลส์ และขอให้หน่วยงานความร่วมมือของหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานของสหภาพยุโรปดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอิสระ “เราต้องการการสืบสวนหาสาเหตุของไฟฟ้าดับทั้งหมด เราต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วน” มอนเตเนโกร กล่าว
นายกรัฐมนตรี “เปโดร ซานเชซ” ของสเปน สัญญาว่าจะ “สืบหาต้นตอ” ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับรองว่าทางการสเปนจะได้ถอดบทเรียนที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าดับอีกในอนาคต ตามคำกล่าวของเขารัฐบาลสเปนจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ซานเชซยังกล่าวอีกว่า “ตอนนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ ที่น่าเชื่อถือที่จะบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย”
1
เครดิตภาพ: Europa Press
เรียบเรียงโดย Right Style
30th Apr 2025
  • อ้างอิง:
<ภาพปก: ภาพถ่ายในมาดริด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2025 เครดิต: Reuters Photo>
โฆษณา