Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Beer Blog
•
ติดตาม
30 เม.ย. เวลา 03:56 • การศึกษา
“เรียนฟรีทิพย์-เหลื่อมล้ำซ้อน: ภาพลวงตาการศึกษาที่เด็กไทยต้องจ่ายเอง”
แม้คำว่า “เรียนฟรี 15 ปี” จะถูกยกเป็นนโยบายหลักมานานหลายปี แต่ในปี 2568 ความจริงที่ประจักษ์ชัด คือครอบครัวไทยยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเปิดเทอมที่สูงขึ้นอย่างรุนแรง โดยตัวเลขเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 25,000–28,000 บาท สูงกว่าปีก่อนเกือบสองเท่า ขณะที่หน่วยงานรัฐเพียงแค่ขานนโยบาย แต่ไร้การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ
“เรียนฟรี” แต่เด็กยังต้องควักจ่ายเอง
แม้งบประมาณ “เรียนฟรี” ถูกจัดสรรผ่านโครงการต่าง ๆ แต่เงินส่วนใหญ่กลับไม่ถึงมือเด็กอย่างแท้จริง
• ส่วนหนึ่งถูกใช้ในงานบริหารและโครงการเสริมที่ไม่ตอบโจทย์การเรียนโดยตรง
• เงินอุดหนุนที่ควรใช้กับค่าอุปกรณ์เรียน อาหารกลางวัน และการเรียนจริง ๆ ถูกจำกัดวงงบ หรือกระจายแบบไม่ทั่วถึง
ผลคือ ผู้ปกครองยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เช่น
• ค่าเครื่องแบบ
• ชุดลูกเสือ-เนตรนารี
• อุปกรณ์การเรียน
• ค่าหนังสือเรียน
• ค่าเดินทาง
• ค่าเรียนเสริม และกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ
แม้จะมีมาตรการลดภาระ เช่น ผ่อนปรนข้อกำหนดเกี่ยวกับชุดลูกเสือ แต่ผลลัพธ์ที่ได้สามารถลดภาระได้เพียง ไม่เกิน 6% ซึ่งไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับภาระรวม
โรงเรียนใหญ่แออัด - โรงเรียนเล็กขาดโอกาส
โรงเรียนขนาดใหญ่ในตัวเมืองมีนักเรียนล้นเกินมาตรฐาน
• มีนักเรียน 45–55 คนต่อห้อง
• ครูหนึ่งคนต้องดูแลนักเรียนจำนวนมาก จนไม่สามารถพัฒนาเด็กได้อย่างลึกซึ้ง
ขณะเดียวกัน โรงเรียนขนาดเล็กในต่างอำเภอหรือชนบท
• มีนักเรียนเพียงไม่กี่สิบคนต่อระดับชั้น
• ต้องเปิดสอนครบทุกชั้น แต่มีครูไม่พอ
• ครูหนึ่งคนต้องสอนหลายชั้นปีพร้อมกัน เช่น สอนรวมชั้น ป.1-3 ในห้องเดียว
นอกจากนี้ โรงเรียนขนาดเล็กยังขาดสื่อการเรียนรู้ที่สำคัญ เช่น
• แล็ปวิทยาศาสตร์ไม่ครบชุด เด็กไม่สามารถลงมือทดลองจริง
• ห้องคอมพิวเตอร์มีเครื่องไม่เพียงพอ หรือใช้งานไม่ได้จริง
โรงเรียนสอนไม่พอ แต่เด็กต้องสอบยากขึ้น
แม้ระบบการสอบวัดผล เช่น สอบกลาง O-NET และการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะมีระดับความยากเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การสอนในโรงเรียนกลับไม่สามารถเตรียมเด็กให้พร้อมได้
เด็กจำนวนมากจึงต้อง
• พึ่งพาเรียนพิเศษเพิ่มเติมด้วยค่าใช้จ่ายส่วนตัว
• แบกรับภาระทางการเงินที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระบบเช่นนี้ตอกย้ำ “ความเหลื่อมล้ำเชิงโอกาส” อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ครูถูกใช้จนหมดแรง แต่ไม่สามารถสอนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ครูไทยจำนวนมากในระบบรัฐ ถูกภาระงานนอกเหนือการสอนครอบงำ เช่น
• งานกิจกรรมภายในโรงเรียน
• งานเอกสารที่ซ้ำซ้อน
• การรับแขกมาเยือนโรงเรียน
• การประกวดโครงการต่าง ๆ
ผลคือ
• เวลาเตรียมการสอนถูกบีบจนไม่พอ
• เวลาสอนจริงถูกลดทอน
• ครูไม่มีเวลาติดตามพัฒนาการของเด็กอย่างใกล้ชิด
แม้ครูจำนวนมากมีเจตนาที่ดี แต่โครงสร้างระบบที่เน้นภาระงานเกินความจำเป็น เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการสอนเชิงคุณภาพอย่างชัดเจน
ความเหลื่อมล้ำซ้อน: ยิ่งห่าง ยิ่งไกลโอกาส
• โรงเรียนขนาดใหญ่ในเมืองมีโครงการพิเศษ งบเสริม และการเชื่อมโยงเครือข่ายมหาวิทยาลัย
• โรงเรียนขนาดเล็กในชนบทแทบไม่มีทรัพยากรเพียงพอ และขาดโอกาสเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาใด ๆ
สิ่งนี้ทำให้เด็กชนบทเสียโอกาสตั้งแต่ก่อนเข้าสู่สนามแข่งขันจริง
งบประมาณที่ไม่ถึงมือเด็ก
แม้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาในจำนวนไม่น้อย แต่
• งบส่วนใหญ่ถูกใช้ใน “งานระบบ” มากกว่าการสนับสนุนการเรียนรู้ที่แท้จริง
• เงินที่ควรถึงเด็ก เช่น อาหารกลางวัน อุปกรณ์เรียน ทุนเสริมการศึกษา ถูกกระจายอย่างไม่ทั่วถึง หรือมีการตัดทอนในกระบวนการงบประมาณ
เด็กจึงไม่ได้รับประโยชน์จากงบประมาณเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่ควรจะเป็น
สรุป
ในปี 2568 การศึกษาไทยเผชิญกับความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างอย่างลึกซึ้ง
• “เรียนฟรี” มีเพียงในนาม แต่ไม่ฟรีจริง
• งบประมาณไม่ลงถึงเด็กอย่างเต็มที่
• โรงเรียนแตกแยกออกเป็นสองโลก คือโลกของโรงเรียนขนาดใหญ่ที่แออัด และโลกของโรงเรียนขนาดเล็กที่ร้างคุณภาพ
• เด็กต้องแบกรับภาระทั้งค่าใช้จ่ายและความไม่เท่าเทียมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากรัฐยังคงเพิกเฉย หรือแก้ไขเพียงผิวเผิน โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณและการบริหารระบบการศึกษาอย่างแท้จริง เด็กไทยจะเป็นผู้แบกรับราคาของความเหลื่อมล้ำนี้ไปอีกยาวนาน
ข่าวรอบโลก
การศึกษา
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย