Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SCB Thailand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
1 พ.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สะสมพอยท์บัตรเครดิตอย่างฉลาด: แลกของฟรีได้ ไม่ต้องเป็นหนี้
ลองนึกดูว่าทุกครั้งที่เรารูดบัตรเครดิตซื้อของ เรากำลังสะสม “พอยท์” ไว้แลกของฟรีอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ร้านกาแฟ บัตรชมภาพยนตร์ สินค้าและบริการอื่นๆอีกมากมาย พอยท์เหล่านี้คือแต้มสะสมที่ธนาคารให้เรามาฟรีๆ จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งสามารถเก็บไว้แลกรางวัลหรือสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ในอนาคต เรียกได้ว่า “รูดวันนี้ สบายวันหน้า” ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าพอยท์บัตรเครดิตมีประโยชน์แค่ไหน และจะใช้บัตรเครดิตอย่างไรให้เก็บพอยท์ได้คุ้มสุดโดยไม่เป็นหนี้กวนใจ
ประโยชน์ของการสะสมพอยท์จากบัตรเครดิต
การสะสมพอยท์ก็เหมือนการหยอดกระปุกออมสินแบบหนึ่ง แต่เปลี่ยนจากเหรียญเป็นแต้มในระบบดิจิทัล ข้อดีคือเราสามารถนำแต้มเหล่านี้ไปแลกของรางวัลหรือส่วนลด ได้หลากหลายตามใจชอบ ทำให้การใช้จ่ายแต่ละครั้งมีการคืนกลับมาหาเราเล็กๆ น้อยๆ เสมอ ยกตัวอย่างเช่น บัตรเครดิตบางใบให้เราแลกคะแนนเป็นส่วนลดร้านอาหารได้ หรือแลกเป็นบัตรกำนัลรับประทานอาหารฟรี, ใช้แต้มแลกส่วนลดช้อปปิ้งห้างดังๆ ได้ หรือแม้แต่เปลี่ยนคะแนนเป็นไมล์สะสมสายการบินเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินฟรีก็ยังได้
นอกจากนี้คะแนนสะสมยังเปิดประสบการณ์พิเศษที่เงินซื้อไม่ได้ง่ายๆ เช่น สิทธิ์เข้าห้องรับรองพิเศษในสนามบิน หากบัตรนั้นมีโปรแกรมพิเศษรองรับไว้ เรียกได้ว่าการสะสมพอยท์ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับทุกการใช้จ่ายของเรา ทำให้เงินที่จ่ายไปมีความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าการจ่ายด้วยเงินสดเฉยๆ
ที่สำคัญ พอยท์ยังช่วยให้เราประหยัดเงินได้ในระยะยาวจริงจัง สมมติปีที่แล้วคุณใช้บัตรเครดิตซื้อของต่างๆ จนได้คะแนนมาสัก 10,000 แต้ม แทนที่จะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ คุณอาจนำแต้มเหล่านั้นมาแลกรับเครดิตเงินคืน หรือส่วนลดค่าซื้อสินค้าต่างๆ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินก็อาจเทียบเท่าได้หลายพันบาท ถือเป็นการคืนกำไรให้กับตัวเองจากสิ่งที่เราต้องจ่ายอยู่แล้วโดยปริยาย
นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมควรใส่ใจพอยท์ – เพราะมันคือ สิทธิพิเศษและเงินออมแฝง ที่หลายคนมองข้ามเทคนิคสะสมพอยท์แบบฉลาดอยากเก็บพอยท์ให้ได้เยอะๆ แต่ไม่อยากเป็นหนี้สินท่วมหัว? ลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ที่จะช่วยให้คุณสะสมพอยท์ได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัย:
1. จ่ายค่าใช้จ่ายประจำผ่านบัตร แล้วรีบจ่ายคืนทันที – ค่าใช้จ่ายประจำอย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือค่าบัตรโดยสารรถไฟฟ้า เป็นรายการที่เราต้องจ่ายอยู่แล้วทุกเดือน ลองเปลี่ยนมาจ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อเก็บพอยท์จากสิ่งเหล่านี้ดูสิ (บางบัตรให้คะแนนพิเศษกับค่าใช้จ่ายบางประเภทด้วย) จากนั้นก็ดูยอดและจ่ายคืนเต็มจำนวนทันทีหรือภายในรอบบิล อย่าปล่อยให้ค้างจนเสียดอกเบี้ย เทคนิคนี้ทำให้เราได้แต้มจากรายจ่ายประจำโดยไม่สร้างภาระหนี้เพิ่ม และพอยท์ก็เพิ่มพูนต่อเนื่องทุกเดือน
2. เลือกบัตรที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ – บัตรเครดิตแต่ละใบมีจุดเด่นและหมวดคะแนนสะสมต่างกัน เลือกใช้บัตรที่เหมาะกับการใช้จ่ายของตัวเองจะช่วยให้ได้พอยท์ไวขึ้น เช่น หากคุณเป็นสายกินเที่ยวชอบร้านอาหาร ก็อาจเลือกบัตรที่ให้คะแนน x2 ในหมวดร้านอาหาร; ถ้าชอบท่องเที่ยวก็ควรเลือกบัตรที่สะสมไมล์ได้เร็ว; หรือถ้าช้อปออนไลน์เก่ง เลือกบัตรที่มีโปรร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์บ่อยๆ เป็นต้น การปรับบัตรให้เข้ากับพฤติกรรมจะทำให้ทุกยอดใช้จ่ายของคุณได้รับคะแนนในอัตราที่คุ้มค่าที่สุด
3. ใช้งบประมาณอย่างมีแผน ไม่รูดเกินตัว – การสะสมพอยท์จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราไม่ก่อหนี้เกินความสามารถของตัวเอง ตั้งงบประมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในแต่ละเดือนให้ชัดเจน เช่น กำหนดว่าจะรูดบัตรไม่เกินกี่บาทต่อเดือน และติดตามรายการใช้จ่ายของตัวเองสม่ำเสมอ อย่ารูดเพลินเพียงเพราะอยากได้คะแนนจนลืมยอดหนี้ที่จะตามมา เทคนิคนี้ช่วยให้คุณสนุกกับการเก็บแต้มโดยที่ยังควบคุมการเงินได้อยู่หมัด ไม่ใช้จ่ายเกินกำลังของตัวเอง
4. จ่ายเต็มจำนวนตรงเวลาทุกเดือน – กฎเหล็กของคนใช้บัตรเครดิตคือ ห้ามค้างชำระ จ่ายยอดบัตรให้เต็มจำนวนภายในกำหนดทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ย การจ่ายขั้นต่ำอาจฟังดูเย้ายวนให้เราผ่อนผันได้ แต่รู้ไหมว่าพอจ่ายขั้นต่ำแล้วที่เหลือจะถูกคิดดอกเบี้ยทันที แถมทำให้หนี้ยืดยาวออกไปโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้บางธนาคารมีเงื่อนไขว่าถ้าเราค้างชำระหรือจ่ายล่าช้า คะแนนสะสมที่อุตส่าห์เก็บมาอาจถูกยึดหรือหมดอายุไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นจ่ายให้ตรงเวลาเสมอ นอกจากจะไม่เสียดอกเบี้ยแล้ว ยังอุ่นใจว่าแต้มไม่หาย และเครดิตทางการเงินของเราก็ยังดีอยู่ด้วย
5. ใช้วงเงินอย่างมากไม่เกิน 30% ของวงเงินบัตร – อีกหนึ่งกลยุทธ์ป้องกันหนี้คือพยายามอย่าใช้วงเงินจนเต็มเพดาน สมมติบัตรคุณมีวงเงิน 100,000 บาท ก็ควรใช้ต่อเดือนสักไม่เกิน 30,000 บาท (30%) การใช้วงเงินไม่สูงเกินไปจะช่วยให้เราควบคุมการจ่ายคืนได้ง่าย ไม่หน้ามืดตามัวใช้จ่ายจนเกินความสามารถของรายได้ตัวเอง
ตรงกันข้าม หากรูดจนวงเงินใกล้เต็มบ่อยๆ หรือมีหลายใบแล้วใช้เต็มเกือบทุกใบ นั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายว่าหนี้เริ่มเกินตัวแล้ว ดังนั้นรักษาวินัยการใช้วงเงินไว้ ไม่ใช้เกินความจำเป็น ก็จะสะสมพอยท์ได้อย่างสบายใจมากขึ้นกลยุทธ์แลกพอยท์ให้คุ้มค่า
การมีพอยท์เยอะๆ ติดมืออย่างเดียวอาจยังไม่พอ ถ้าเราไม่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณแลกคะแนนสะสมได้อย่างคุ้มที่สุด:
• เกาะติดโปรโมชั่นพอยท์พิเศษ – คอยเช็กข่าวสารหรือประกาศจากธนาคารและแอปสะสมคะแนนต่างๆ เพราะบ่อยครั้งจะมีช่วง “เรทพิเศษ” หรือ Flash Deal ให้แลกคะแนนได้คุ้มเกินปกติ ยกตัวอย่างกรณีแอป PointX ที่เคยจัดโปรแลก e-Coupon ในอัตรา 1 พอยท์ = 1 บาท (ซึ่งปกติอาจต้องใช้ 10 พอยท์ต่อ 1 บาท) ใครแลกช่วงนั้นก็ฟินไปตามๆ กัน เพราะใช้แต้มเท่านี้แต่ได้มูลค่าของรางวัลกลับมาสูงกว่าปกติหลายเท่า ดังนั้นถ้าเห็นโปรโมชั่นแลกแต้มเมื่อไหร่ อย่าลืมคว้าโอกาสทองนั้นไว้
• เปรียบเทียบความคุ้มค่าก่อนแลก – ของรางวัลแต่ละอย่างให้ความคุ้มค่าต่อคะแนนไม่เท่ากัน ลองคำนวณคร่าวๆ ก่อนว่าแลกแบบไหน “ได้บาทต่อแต้ม” คุ้มที่สุด เช่น ใช้ 1,000 แต้ม แลกรับบัตรกำนัล 100 บาท (เท่ากับ 1 แต้ม = 0.1 บาท) เทียบกับใช้ 1,000 แต้ม แลกรับเครื่องใช้ไฟฟ้าราคา 500 บาท (เท่ากับ 1 แต้ม = 0.5 บาท) แบบหลังจะคุ้มกว่ามาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราด้วย
บางคนอาจให้ค่ากับเงินคืนเข้าบัตรเครดิต ขณะที่บางคนอยากได้ของที่จับต้องได้มากกว่า ไม่ว่าจะกรณีไหน การเปรียบเทียบก่อนแลก จะช่วยให้เราใช้แต้มได้เต็มมูลค่าที่สุด ไม่เผลอแลกอะไรที่ไม่คุ้มค่า
• ตั้งเป้าหมายของรางวัลที่อยากได้ – การมีเป้าหมายจะช่วยให้เรามีกำลังใจสะสมแต้มมากขึ้น ลองคิดดูว่าคุณอยากแลกพอยท์เป็นอะไรที่สุด แล้วเช็กดูว่าต้องใช้กี่คะแนน จากนั้นวางแผนเก็บพอยท์ตามเป้า เช่น ต้องใช้บัตรเครดิตเท่าไหร่ภายในกี่เดือนถึงจะได้แต้มครบ การมีเป้าหมายชัดเจนทำให้เราไม่ไขว้เขวแลกแต้มเล็กๆ น้อยๆ ไปกับของที่ไม่ได้อยากได้จริง และยังเป็นแรงกระตุ้นให้บริหารการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างมีวินัยเพื่อพิชิตของรางวัลในฝัน
สัญญาณอันตรายในการใช้บัตรเครดิต (ที่ไม่ควรมองข้าม)
แม้การใช้บัตรเครดิตจะมีข้อดีมากมาย แต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจนำไปสู่หนี้สินก้อนโตได้ เรามาเช็กกันหน่อยว่ามี สัญญาณอันตราย อะไรบ้างที่บ่งบอกว่าเรากำลังใช้งานบัตรเครดิตไม่ถูกทาง จนอาจเสี่ยงเป็นหนี้ท่วมหัว:
• เริ่มจ่ายแค่ยอดขั้นต่ำทุกเดือน – หากคุณพบว่าตัวเองชำระค่าบัตรเครดิตเพียงยอดขั้นต่ำ (เช่น 5-10% ของยอดทั้งหมด) อย่างต่อเนื่อง นั่นคือสัญญาณว่าคุณอาจไม่มีเงินพอจ่ายหนี้เต็มจำนวน และหนี้จะเริ่มพอกพูนเพราะดอกเบี้ยจะถูกคิดทันทีจากยอดที่เหลือ การจ่ายขั้นต่ำเป็นประจำยังทำให้ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะปลดหนี้หมด แถมเสียดอกเบี้ยไปเปล่าๆ โดยไม่จำเป็น
• ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน – ตามหลักการบริหารเงิน เราไม่ควรมีภาระหนี้บัตรเครดิตเกิน 10-20% ของรายได้ต่อเดือนของเรา หากลองคำนวณดูแล้วพบว่ายอดรูดบัตรแต่ละเดือนของคุณสูงเกิน 40% ของเงินเดือน นั่นแสดงถึงภาระหนี้ที่หนักหน่วงและการขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างชัดเจน ควรรีบปรับลดการใช้จ่ายผ่านบัตรลง มิฉะนั้นอาจไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ และเสี่ยงต่อการจ่ายหนี้ไม่ไหว
• มีบัตรหลายใบและใช้เต็มเกือบทุกใบ – การมีบัตรเครดิตหลายใบไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าคุณใช้จ่ายจนวงเงินเต็มหรือใกล้เต็มในบัตรแทบทุกใบ นั่นหมายความว่าคุณกำลังก่อหนี้สูงกว่าที่ตัวเองจ่ายไหว เพราะวงเงินรวมของบัตรเหล่านั้นอาจมากกว่าเงินเดือนหลายเท่าตัว การรูดจนเต็มพิกัดบ่อยๆ ถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่งว่าหนี้สินกำลังท่วมหัวคุณแล้ว ทางที่ดีควรชะลอการใช้จ่ายและหาวิธีเคลียร์หนี้บางส่วน ก่อนที่จะสะสมเพิ่มขึ้นไปอีก
• กดเงินสดหรือหมุนหนี้ไปมาระหว่างบัตร – หากคุณเริ่มกดเงินสดจากบัตรใบหนึ่งมาจ่ายหนี้อีกใบ หรือสมัครบัตรเครดิตใบใหม่เพื่อใช้วงเงินนั้นมาหมุนจ่ายหนี้ใบเก่า นี่เป็นสัญญาณขั้นวิกฤตที่บอกว่าคุณกำลังเข้าสู่ภาวะหนี้สินไม่ไหวแล้ว เพราะเท่ากับเอาหนี้ก้อนใหม่มาโปะหนี้ก้อนเดิมไม่รู้จบ สุดท้ายหนี้จะพอกขึ้นเรื่อย ๆ และอาจหลุดการควบคุมได้
สัญญาณเหล่านี้เเตือนให้เราต้องทบทวนการใช้บัตรเครดิตของตัวเอง อย่าลืมว่าเป้าหมายของเราคือการใช้บัตรเพื่ออำนวยความสะดวกและสะสมพอยท์ให้ได้ประโยชน์ ไม่ใช่สร้างภาระหนี้ ดังนั้นหากเริ่มเห็นสัญญาณแบบนี้ ควรรัดเข็มขัดและปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายทันที
ทริคเสริม: ใช้บัตรเครดิตให้คุ้มและปลอดภัยยิ่งขึ้น
นอกจากเทคนิคหลักๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเคล็ดลับเสริมอีกเล็กน้อยที่จะช่วยให้การใช้บัตรเครดิตของคุณทั้งคุ้มค่าและปลอดภัยไปพร้อมกัน:
• ระวังค่าสมาชิกบัตรเครดิต – บัตรเครดิตหลายใบจะมีค่าแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี (Annual Fee) ซึ่งถ้าเราไม่ทันได้ใช้สิทธิประโยชน์ให้คุ้ม หรือไม่ได้สนใจคะแนนสะสมจริงๆ ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจกลายเป็นภาระเสียเปล่าได้
• ใช้แอปรวมพอยท์เพื่อรวบแต้มจากหลายแหล่ง – สำหรับคนที่มีหลายบัตรหรือมีคะแนนสะสมจากหลายโปรแกรม การต้องคอยเช็กทีละที่อาจทำให้พอยท์บางส่วนถูกลืมหรือหมดอายุไป
แอปอย่าง PointX ถือเป็นตัวช่วยที่น่าสนใจ เพราะถูกออกแบบมาเป็นแพลตฟอร์มรวมทุกคะแนนสะสมไว้ในที่เดียว ทำให้เราสามารถโอนคะแนนจากบัตรเครดิตหลายใบเข้ามารวมกันได้ และนำพอยท์เหล่านั้นไปใช้จ่ายแทนเงินสดตามร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือช้อปดีลพิเศษต่างๆ ได้ในแอปเดียวเลย ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถใช้พอยท์ใน PointX สแกนจ่ายค่าอาหารในร้านที่มีสัญลักษณ์ PointX แทนเงินสดได้ทันที หรือจะเก็บไว้แลกคูปองส่วนลด/สินค้าราคาพิเศษในหมวด Flash Deal ของแอปก็ทำได้สะดวกมาก ไม่ต้องปวดหัวจำหลายบัญชีแต้มอีกต่อไป
• เช็กเงื่อนไขและวันหมดอายุของคะแนน – หมั่นตรวจสอบเงื่อนไขของคะแนนสะสมที่คุณมีอยู่เสมอ แต่ละธนาคารอาจมีกติกาต่างกัน บางที่คะแนนไม่มีวันหมดอายุ ในขณะที่บางที่กำหนดอายุไว้ 2-3 ปีแล้วจะหมดอายุถ้าไม่ใช้ ถ้าไม่แน่ใจควรถาม Call Center หรือหาอ่านในแอปให้เข้าใจ เพื่อที่คุณจะได้วางแผนใช้คะแนนก่อนที่มันจะหายไปเฉยๆ นอกจากนี้การรู้เงื่อนไขจะช่วยป้องกันการพลาดโอกาสดีๆ เช่น ช่วงนี้มีโปรโอนคะแนนข้ามไป PointX ได้คะแนนเพิ่ม 20% ถ้าเราไม่รู้ก็อาจปล่อยผ่าน แต่ถ้ารู้ทันก็จะได้ใช้สิทธิ์คุ้มขึ้น เป็นต้น
การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดสามารถเปลี่ยนทุกการรูดให้กลายเป็นของรางวัลและประสบการณ์ดีๆ ได้ โดยไม่ต้องกลัวเรื่องหนี้สินจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย เพียงแค่เรารู้จักวางแผนและมีวินัยในการใช้จ่าย ตอนนี้ลองไปเช็กดูสิว่าคุณมีพอยท์สะสมอยู่เท่าไหร่ อาจจะเจอแต้มก้อนโตที่ลืมไปแล้วก็ได้ แล้วนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปลองใช้ดู เผลอๆ อีกไม่นานคุณอาจได้แลกของรางวัลชิ้นใหญ่ที่เล็งไว้แบบฟรีๆ ด้วยพอยท์ที่สะสมมากับมือก็ได้นะ!
1 บันทึก
6
3
1
6
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย