เมื่อวาน เวลา 05:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🤝 ”สหายทรัมป์ช่วยสร้างชาติ"? เมื่อสงครามการค้า ดันปลุกเลือดรัก สี ให้พลุ่งพล่าน!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เรามีเรื่องน่าสนใจมาคุยกันค่ะ ปกติเวลาพูดถึงสงครามการค้า โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับกำแพงภาษีที่เราได้ยินบ่อยๆ จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรามักจะนึกถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจใช่ไหมคะ
แต่เรื่องที่เราจะคุยวันนี้ มีมุมที่พลิกความคาดหมายอยู่ค่ะ เพราะดูเหมือนว่าการที่ทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจีนสูงลิ่ว กำลังส่งผลให้คนจีนหันกลับมาสนับสนุนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มากขึ้นซะอย่างงั้น!
เรื่องนี้มาจากรายงานของ Bloomberg News นะคะ เค้าสรุปไว้ว่า การขึ้นภาษีของทรัมป์เนี่ย กลายเป็นเหมือน "ศัตรูจากภายนอก" ที่ทำให้คนจีนรู้สึกว่าต้องรวมพลังกันสู้ ซึ่งสถานการณ์นี้กลับช่วยให้ สี จิ้นผิง ได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในประเทศ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาเองก็เจอกับเสียงวิจารณ์และความไม่พอใจอยู่บ้าง จากเรื่องล็อกดาวน์โควิด-19 ที่เข้มงวด เศรษฐกิจที่ชะลอตัว หรือนโยบายที่กระทบผู้ประกอบการ
🇨🇳 จากเสียงวิจารณ์สู่พลังชาตินิยม
แม้ว่าการจะวัดความคิดเห็นของคนจีนจริงๆ จะเป็นเรื่องยาก เพราะมีการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสัญญาณอะไรเลยนะคะ ปลายปี 2022 เราก็เคยเห็นการประท้วงตามท้องถนนที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก เพื่อต่อต้านนโยบายโควิดของสี จิ้นผิง จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมยกเลิกมาตรการคุมเข้มไป
แต่ตอนนี้ กระแสที่เกิดขึ้นกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามค่ะ จากการสัมภาษณ์ผู้คนหลายสิบคนในจีน ทั้งในแวดวงธุรกิจและรัฐบาล (หลายคนไม่ขอเปิดเผยชื่อ) พบว่ามีความเห็นตรงกันมากขึ้นว่า จีนต้อง "สู้กลับ" ต่อท่าทีของทรัมป์ที่ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนหลายรายการแบบก้าวกระโดดไปถึง 145% ซึ่งเป็นระดับที่อาจทำให้การค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจแทบจะหยุดชะงักไปเลย
น่าสนใจนะคะว่า แม้แต่กลุ่มนักลงทุน ผู้ผลิตแถบชายฝั่งตะวันออก เจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม้กระทั่งกลุ่มที่ไม่พอใจที่ สี จิ้นผิง รวบอำนาจ หรือผู้ประกอบการที่เคยได้รับผลกระทบจากนโยบายของเขา ก็ยังอยากให้ สี จิ้นผิง ยืนหยัดต่อสู้กับการโจมตีทางเศรษฐกิจครั้งนี้
คุณเจมส์ จาง (James Zhang) ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในเมืองหนิงโป ซึ่งมีรายได้ 60% มาจากสหรัฐฯ บอกว่า "ตอนนี้คนเห็นตรงกันจริงๆ ว่าจะไม่งอเข่า และจะสู้ให้ถึงที่สุด การยอมแพ้ไม่มีทางออก มีแต่ทางตัน"
🃏 ทำไมต้องสู้? มันเดิมพันสูงแค่ไหน?
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่สงครามการค้าธรรมดาๆ แล้วค่ะ สกอตต์ เคนเนดี (Scott Kennedy) ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจาก Center for Strategic and International Studies บอกว่า "สำหรับทรัมป์ นี่คือสงครามการค้าเพื่อโชว์ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่สำหรับจีน มันคือการเดิมพันความอยู่รอด"
เจ้าหน้าที่ในปักกิ่งกังวลว่า การยอมอ่อนข้อใดๆ อาจนำไปสู่ข้อเรียกร้องที่มากขึ้นจากทรัมป์ และอาจทำให้ สี จิ้นผิง ดูอ่อนแอได้ แถมการที่ทรัมป์คำนวณภาษีโดยดูแค่ตัวเลขขาดดุลการค้า และพยายามชวนประเทศอื่นมาร่วมวงกดดันจีน ยิ่งทำให้จีนเชื่อว่า เป้าหมายจริงๆ ของสหรัฐฯ คือการสกัดกั้นการผงาดขึ้นมาของจีนนั่นเอง
⚠️ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและปฏิกิริยาตอบโต้
แน่นอนว่ากำแพงภาษีระดับนี้ส่งผลกระทบรุนแรงแน่ๆ โดยทางด้าน Bloomberg Economics ประเมินว่า ภาษีในระดับปัจจุบัน (ณ วันที่รายงาน 29 เม.ย. 2025) อาจทำให้การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ หายไปกว่า 80% และอาจฉุด GDP ของจีนลงได้ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ หากโรงงานไม่สามารถหาตลาดใหม่มารองรับได้
แต่รัฐบาลจีนก็ดูมั่นใจว่าจะสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาชดเชยผลกระทบได้ เพราะควบคุมเศรษฐกิจได้ค่อนข้างเบ็ดเสร็จ และสามารถจัดการความไม่สงบได้ ขณะที่ทรัมป์เองก็เจอแรงกดดันจากนักลงทุนในวอลล์สตรีทและแม้แต่ ส.ส. รีพับลิกันบางส่วนที่กังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ในฝั่งจีนเอง ภาคเอกชนก็ขยับตัวช่วยผู้ส่งออกกันใหญ่ เช่น Alibaba ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ และจัดแคมเปญช่วยโปรโมทสินค้าส่งออก ส่วน JD.com ก็มีแผนจะซื้อสินค้าที่เน้นส่งออกมูลค่าอย่างน้อย 2 แสนล้านหยวนภายในหนึ่งปี เพื่อนำมาขายในประเทศแทน
🤝 ”สหายทรัมป์ช่วยสร้างชาติจีน"?
เรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ในโลกออนไลน์ของจีน มีการใช้คำว่า "สหายทรัมป์ช่วยสร้างชาติจีน" (Comrade Trump builds China) เพื่อสื่อว่าการกระทำของทรัมป์กำลังส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ เอง และยังมีการสร้างมีมหรือภาพ AI ล้อเลียนในแพลตฟอร์มอย่าง WeChat, Xiaohongshu และ TikTok เพื่อสร้างภาพว่าสหรัฐฯ สนับสนุนกำแพงภาษีและความรุนแรงต่อจีนที่สงบสุข
การกระทำของทรัมป์ยังช่วยเสริมความชอบธรรมให้กับเป้าหมายระยะยาวของสี จิ้นผิง ที่เรียกว่า "ความฝันของจีนในการฟื้นฟูชาติครั้งยิ่งใหญ่" ซึ่งรวมถึงการสร้าง "เส้นทางสู่ความทันสมัยแบบจีน" และการทวงคืนดินแดนอย่างไต้หวันอีกเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ตอนทรัมป์เริ่มสงครามการค้าครั้งแรกในปี 2019 ยังมีเสียงแตกในจีนอยู่บ้าง บางคนยังหวังว่าจะเจรจาหรือประนีประนอมกับสหรัฐฯ ได้ แต่คุณจาง ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ บอกว่า "ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องสงครามการค้าแล้ว" มันเป็นความรู้สึกร่วมกันว่าต้องสู้กลับมันชัดเจนขึ้นมาก
⚠️ ความท้าทายที่ยังรออยู่
อย่างไรก็ตาม กระแสชาตินิยมนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหนยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามค่ะ เพราะบททดสอบจริงๆ จะมาถึงเมื่อคนงานจีนเริ่มตกงานและเผชิญความยากลำบากทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของภาษี
นอกจากนี้ สี จิ้นผิง เองก็ยังมีความท้าทายอื่นๆ รออยู่ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืด การตามหลังสหรัฐฯ ในเรื่องเทคโนโลยีสำคัญอย่างชิปสำหรับ AI รวมถึงประเด็นการเมืองภายใน เช่น การกวาดล้างในกองทัพที่ดูเหมือนจะขยายวงกว้างขึ้น และคำถามเรื่องผู้สืบทอดตำแหน่งก่อนการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในปี 2027
🎯 บทสรุป ณ ตอนนี้
ผู้ผลิตของเล่นและสิ่งทอรายหนึ่งที่มีโรงงานทั้งในจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สรุปสถานการณ์ไว้น่าคิดว่า "ไม่กี่เดือนก่อน ผมไม่เคยเห็นคนไม่มีความสุขเท่านี้มาก่อน ทั้งเรื่องชีวิต เรื่อง สี จิ้นผิง ความกังวลเกี่ยวกับอนาคต แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว คนยังกังวลเรื่องงาน เรื่องรายได้มากๆ พวกเขายังไม่กล้าใช้จ่าย แต่ตอนนี้ศัตรูกลายเป็นสหรัฐฯ พวกเขาคือคนที่ต้องโทษสำหรับทุกอย่างที่ผิดพลาด"
นี่ก็เป็นมุมมองที่น่าสนใจนะคะเพื่อนๆ ว่าการเมืองระหว่างประเทศและการค้ามันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดและแรงสนับสนุนภายในประเทศได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
โฆษณา