Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นครเชียงรายนิวส์ - Nakorn Chiang Rai News
•
ติดตาม
30 เม.ย. เวลา 06:30 • ข่าว
วิกฤตการท่องเที่ยวไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติร้องราคาแพง ระบบล้าหลัง และปัญหากัญชา
กระทบภาพลักษณ์เชียงรายและจุดหมายอื่นๆ
เชียงราย, 30 เมษายน 2568 – อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของชาติ กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติแสดงความไม่พอใจต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอย่างเชียงราย กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาหลัก 4 ประการ
ได้แก่ ราคาที่พุ่งสูงเกินเหตุ ระบบราคาสองมาตรฐาน ระบบการท่องเที่ยวที่ล้าหลัง และผลกระทบจากกลิ่นกัญชาที่แพร่กระจายในแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยว แต่ยังทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความรุ่งเรืองและความท้าทายของการท่องเที่ยวไทย
ประเทศไทยเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ “คุ้มค่า” ที่สุดในโลก ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชายหาดที่สวยงาม อาหารรสเลิศ และการต้อนรับที่อบอุ่น จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดร่องขุ่น แม่น้ำโขง และชุมชนชาติพันธุ์ที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรม ได้กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาประสบการณ์ที่แตกต่างจากเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเริ่มเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 การเพิ่มขึ้นของราคาค่าบริการ ระบบที่ล้าสมัย และปัญหาใหม่ๆ เช่น การแพร่กระจายของกัญชาในที่สาธารณะ ได้จุดกระแส “คนต่างชาติไม่เที่ยวไทย” ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดีย
โดยเฉพาะจากโพสต์ของเพจ Bangkok Post Learning ที่มีชื่อว่า Thailand faces lower tourist numbers ซึ่งได้รับความคิดเห็นเกือบ 2,000 ข้อความ ส่วนใหญ่สะท้อนถึงความไม่พอใจต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน
สี่ปัญหาหลักที่ทำลายความน่าสนใจของการท่องเที่ยวไทย
จากการสำรวจของ กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งคัดเลือกความคิดเห็นประมาณ 800 ข้อความจากโพสต์ดังกล่าว และใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดกลุ่มปัญหา พบว่ามี 4 ปัญหาหลักที่นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเองแสดงความกังวล ดังนี้:
1. ราคาที่พุ่งสูงเกินเหตุ
นักท่องเที่ยวจำนวนมากระบุว่า ประเทศไทยไม่ใช่จุดหมายที่ “คุ้มค่า” อีกต่อไป โดยเฉพาะราคาที่พักและอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นักท่องเที่ยวชาวยุโรปรายหนึ่งเล่าว่า โรงแรมที่เกาะสมุยที่เขาเคยพักในราคาคืนละ 2,000 บาทเมื่อ 5 ปีก่อน ขณะนี้มีราคาสูงถึง 6,000 บาทต่อคืน อีกคนระบุว่า ค่ารับประทานอาหารเย็นสำหรับสองคนในพัทยาสูงถึง 7,000 บาท โดยไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ ค่าตั๋วเครื่องบินก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความกังวล นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกล่าวว่า เขาเคยจ่ายเพียง 300 ดอลลาร์สำหรับตั๋วไปไทย แต่ปัจจุบันต้องจ่ายเกือบ 1,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษต้องจ่ายถึง 1,200 ปอนด์ (ประมาณ 54,000 บาท) สำหรับตั๋วเครื่องบินในปีนี้
คนไทยเองก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ชายไทยรายหนึ่งระบุว่า “แม้แต่คนไทยอย่างผมยังไม่สามารถเที่ยวในประเทศตัวเองได้ ราคาที่พักสูงเกินไป โดยเฉพาะช่วงวันหยุด” หญิงไทยอีกคนเสริมว่า “เป็นคนไทยแท้ๆ แต่ฉันยังแทบไม่มีปัญญาซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมดีๆ ไปเที่ยวชายหาดทางภาคใต้”
2. ระบบราคาสองมาตรฐาน
ระบบ “ราคาไม่มีมาตรฐาน” ที่แบ่งแยกระหว่างคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเล่าว่า เขาต้องจ่าย 200 บาทเพื่อเข้าอุทยานแห่งชาติ ขณะที่แฟนของเขาจ่ายเพียง 40 บาทเพราะหน้าตาคล้ายคนไทย “นี่คือการเลือกปฏิบัติชัดๆ” เขากล่าว ปัญหานี้ยังขยายไปถึงร้านอาหารและบริการขนส่ง ซึ่งมักเรียกเก็บราคาสูงจากชาวต่างชาติ
3. ระบบที่ล้าหลังและยุ่งยาก
ระบบวีซ่าและการเข้าเมือง เช่น ระบบ Thailand Digital Arrival Card (TDAC) และการลงทะเบียนออนไลน์ที่ต้องทำล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทาง ถูกมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันระบุว่า “มันเป็นความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี” การลดระยะเวลาวีซ่าท่องเที่ยวจาก 60 วันเหลือ 30 วันยังสร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวระยะยาว
4. ปัญหากัญชาและภาพลักษณ์
การเปิดเสรีกัญชาในประเทศไทยถูกมองว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว คุณแม่ชาวออสเตรเลียเล่าว่า “ครอบครัวเราไม่สนุกกับการได้กลิ่นกัญชาทุกที่ที่เราไป โดยเฉพาะกับลูกเล็ก” นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเสริมว่า “มันไม่ใช่ประเทศไทยที่ผมจำได้ ตอนนี้มีคนเมากัญชาอยู่ทั่วไป” ปัญหานี้ถูกมองว่าดึงดูด “นักท่องเที่ยวไม่มีคุณภาพ” และทำลายบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยว
ความพยายามแก้ไขและโอกาสในการฟื้นฟู
เพื่อตอบสนองต่อปัญหาเหล่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เริ่มดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ
นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การลดลงของนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักอย่างจีน ซึ่งลดลงเฉลี่ย 17% ในไตรมาสแรกของปี 2568 สร้างความกังวลอย่างมาก เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่สร้างรายได้สำคัญให้กับไทย อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าวิกฤตนี้เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยเฉพาะการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรป เช่น สวีเดน ซาอุดีอาระเบีย ออสเตรีย และสหราชอาณาจักร ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสที่สองของปี 2568
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ได้ดำเนินแคมเปญเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ สวัสดี หนีห่าว ที่ใช้ศิลปินชื่อดังอย่างหลัวอวิ๋นซีเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดงานฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี นอกจากนี้ ททท. ยังสนับสนุนนโยบาย เที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งรัฐบาลจะสมทบค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 50% เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เสนอว่า ประเทศไทยควรพิจารณานโยบายคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติในลักษณะเดียวกับจีนและญี่ปุ่น ซึ่งสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่จีนอนุญาตให้คืนภาษี 13% และญี่ปุ่นมีระบบช้อปปิ้งปลอดภาษีที่ฟื้นตัวถึง 219% ในปี 2568 เป็นตัวอย่างที่ไทยควรศึกษา
นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว เช่น การจัดการขยะและมลพิษ รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางเท้าและระบบขนส่งสาธารณะ จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว การควบคุมการใช้กัญชาในที่สาธารณะและการกำหนดมาตรฐานราคาที่เป็นธรรมจะเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของไทย
7 เหตุผลหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยว “เชียงราย” น้อยลง
ทางนครเชียงรายนิวส์ได้ เปิดโอกาสให้โลกโซเชียลได้ลองแสดงความเห็นการท่องเที่ยงในจังหวัดเชียงรายว่ามองเห็นในด้านไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มองเป็นเรื่องการขาดการจัดการและวิสัยทัศน์อย่างเป็นระบบ
หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ฟื้นฟูธรรมชาติ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างแผนประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงโลก เชียงรายจะกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศได้อีกแน่นอน โดยพบ 7 เหตุผลหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยว “เชียงราย” น้อยลง ดังนี้
1. เที่ยวได้แค่ฤดูหนาว ไม่มีกิจกรรมตลอดปี
จังหวัดเชียงรายยังคงพึ่งพา “ฤดูหนาว” เป็นจุดขายหลัก งานเทศกาลดอกไม้ ลอยกระทง หรือกิจกรรมที่จัดขึ้นมักมีแค่ช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ฤดูกาลอื่นแทบไม่มีการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นักท่องเที่ยวต่างชาติจึงไม่เห็นความคุ้มค่าในการเดินทางมาเที่ยวตลอดทั้งปี
2. ขนส่งสาธารณะไม่เอื้ออำนวย
จากสนามบินไปตัวเมือง หรือจากในเมืองไปแหล่งท่องเที่ยว ขนส่งสาธารณะขาดประสิทธิภาพ รถสองแถวมีน้อย รถแท็กซี่แทบไม่มี ตุ๊กตุ๊กราคาแพง รถเช่าก็ไม่ครอบคลุม ทำให้การเดินทางต้องพึ่งพารถส่วนตัวเป็นหลัก นักท่องเที่ยวที่ไม่มีข้อมูลหรือไม่มีคนพาไป จะรู้สึกว่า “เชียงรายเที่ยวยาก”
3. สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและไร้การดูแล
หมอกควัน PM2.5 น้ำเสียจากการจัดร้านอาหารริมแม่น้ำ การรุกพื้นที่ป่าเพื่อสร้างคาเฟ่หรือรีสอร์ต รวมถึงอากาศเป็นพิษจากไฟป่า ล้วนทำลายความงามของธรรมชาติแบบดั้งเดิม นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเที่ยวเชิงอนุรักษ์จึงเบือนหน้าหนี
4. ไม่มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่
สถานที่ที่ยังคงได้รับความนิยม เช่น วัดร่องขุ่น บ้านดำ สิงห์ปาร์ค หรือดอยตุง ถูกกล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีจุดขายใหม่ๆ เพิ่มเติม ในขณะที่จังหวัดอื่นอย่างเชียงใหม่หรือแม่ฮ่องสอนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ตลอดเวลา เชียงรายกลับยังย่ำอยู่กับที่
5. ขาดการประชาสัมพันธ์และความเข้าใจการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
หลายงานในพื้นที่ไม่มีการโปรโมตที่ดี ชาวบ้านบางคนไม่รู้แม้แต่ว่ามีกิจกรรมจัดขึ้น การสื่อสารไม่ทั่วถึง นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่รู้ว่าควรไปไหน ไม่มีภาษาอังกฤษประกอบ ไม่มีแพลตฟอร์มดิจิทัลรองรับการค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
6. ราคาสูง คุณภาพไม่ตามราคา
อาหารในหลายพื้นที่แพงเกินคุณภาพ โรงแรมบางแห่งราคาไม่สมเหตุสมผล อาหารไม่มีความโดดเด่นด้านรสชาติ ทำให้เกิดความรู้สึกว่า “ไม่คุ้มค่า” แม้ค่าที่พักจะถูกกว่าจังหวัดอื่นแต่ประสบการณ์โดยรวมกลับไม่ประทับใจ
7. ระบบราชการขาดวิสัยทัศน์และความจริงใจในการพัฒนา
หน่วยงานราชการที่ควรจะเป็นตัวขับเคลื่อนกลับขาดเป้าหมาย ขาดรสนิยม และไม่มีความเข้าใจจริงต่อการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่กลับถูกทำลาย หรือพัฒนาแบบผิดทิศผิดทาง เช่น การสร้างร้านอาหารในแม่น้ำ แพอาหารในน้ำตก โดยไม่คำนึงถึงระบบนิเวศ
บทสรุป การฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชียงราย ต้องเริ่มที่ราก
เชียงรายมีศักยภาพด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่นไม่แพ้จังหวัดใดในประเทศ แต่วิธีคิด การบริหารจัดการ และการเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นล้าหลังเกินไป
หากต้องการให้เชียงรายกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก รัฐต้องลงมาจัดการจริงจัง ประชาชนต้องร่วมขับเคลื่อน และภาคธุรกิจต้องมีความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ
มิฉะนั้น “เชียงราย” จะกลายเป็นเพียงความทรงจำในหน้าหนาว…ที่ไม่มีใครอยากกลับมาอีก
ความท้าทายและโอกาส
ปัญหาที่นักท่องเที่ยวหยิบยกขึ้นมาสะท้อนถึงความท้าทายที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ:
มิติด้านเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของราคาค่าบริการเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกและต้นทุนที่สูงขึ้นหลังโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การที่ราคาเพิ่มขึ้นเกินกว่าอัตราเงินเฟ้อปกติอาจทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ หรือกัมพูชา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
มิติด้านภาพลักษณ์ การแพร่กระจายของกัญชาและระบบราคาสองมาตรฐานทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าไม่เป็นมิตรกับครอบครัวและนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง การที่นักท่องเที่ยวเปรียบเทียบไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งมีบริการที่สะอาด ปลอดภัย และมีมาตรฐานสูงกว่า สะท้อนถึงความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว
มิติด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบวีซ่าและการลงทะเบียนที่ยุ่งยาก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย เช่น ทางเท้าที่ชำรุดและชายหาดที่สกปรก เป็นอุปสรรคที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว
โอกาสในการฟื้นฟู การลดลงของนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นโอกาสให้ไทยหันไปเจาะตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและสนใจประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เน้นวัฒนธรรมและความยั่งยืน นโยบายคืนภาษีและการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง
ความกังวลของนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเองมีเหตุผลที่สมควรในการแสดงความไม่พอใจต่อราคาที่สูงเกินเหตุ ระบบที่ล้าหลัง และปัญหากัญชา ความคาดหวังของพวกเขาคือการได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าและสะดวกสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยเคยทำได้ดีในอดีต
ความพยายามของหน่วยงานไทย
หน่วยงานอย่าง ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แสดงถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาผ่านแคมเปญประชาสัมพันธ์และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น เที่ยวไทยคนละครึ่ง และการเจาะตลาดใหม่ การที่ไทยยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.5 ล้านคนในไตรมาสแรกของปี 2568 แสดงถึงศักยภาพที่ยังคงแข็งแกร่ง
ทัศนคติเป็นกลาง ความกังวลของนักท่องเที่ยวเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ ซึ่งหน่วยงานไทยควรใช้เป็นโอกาสในการปรับปรุงคุณภาพการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ความพยายามของหน่วยงานในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและพัฒนานโยบายใหม่เป็นก้าวที่ถูกต้อง การแก้ไขปัญหาจะต้องเน้นที่การสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความคุ้มค่าและการยกระดับคุณภาพ เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ
สถิติที่เกี่ยวข้อง
1. จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย: ในไตรมาสแรกของปี 2568 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน สร้างรายได้ 471,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% (ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2568)
2. การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน: ตลาดนักท่องเที่ยวจากจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเวียดนาม ลดลงเฉลี่ย 17% ในไตรมาสแรกของปี 2568 เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยและจำนวนเที่ยวบินที่ลดลง (ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2568)
3. มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว: การใช้จ่ายปลอดภาษีในญี่ปุ่นฟื้นตัว 219% ในเดือนมีนาคม 2568 เมื่อเทียบกับปี 2562 โดย 50% มาจากนักท่องเที่ยวจีน (ที่มา: Global Blue, 2568)
4. ผลกระทบของโครงสร้างพื้นฐานต่อการท่องเที่ยว: การสำรวจของ World Travel & Tourism Council (WTTC) ในปี 2567 พบว่า 65% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เช่น ระบบวีซ่าออนไลน์และการคมนาคมที่สะดวก (ที่มา: WTTC Global Tourism Report, 2567)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT), Global Blue, World Travel & Tourism Council (WTTC)
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย