หลังสงครามสิ้นสุด บริษัทก็กลับมาบูรณะวัดและศาลเจ้า ที่ถูกทำลายไปในสงครามขึ้นมาใหม่
และเริ่มหันมาใช้คอนกรีตเป็นวัสดุก่อสร้างแทนไม้ เนื่องจากเห็นว่า ไม้ไม่ทนทานต่อไฟไหม้ แผ่นดินไหว รวมถึงสงคราม
Kongō Gumi ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนาน มีการสืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่นถึง 40 รุ่น
โดยเลือกผู้นำธุรกิจ จากลูกหลานที่มีความสามารถ และเหมาะสมที่สุดให้มารับช่วงต่อ
ไม่ว่าจะเป็น ลูกชายคนเล็ก คนโต ผู้ชาย หรือผู้หญิง