30 เม.ย. เวลา 16:13 • หุ้น & เศรษฐกิจ

CHAGEE

ในยุคที่ตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มมีการแข่งขันสูง ชื่อของ CHAGEE ก็โดดเด่นขึ้นมาในฐานะแบรนด์ชานมพรีเมียมที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากร้านชาเล็กๆ ในยูนนานสู่เครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีแผนรุกตลาดทั่วโลก เราจะพาไปเจาะลึกโมเดลธุรกิจ การเติบโตที่ผ่านมา และโอกาสในอนาคตที่อาจทำให้ CHAGEE เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนกันครับ
CHAGEE วางตำแหน่งตัวเองเป็นแบรนด์เครื่องดื่มชาพรีเมียมที่ให้บริการชาชงสดใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและอร่อย แรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ในปี 2017 มาจากความสำเร็จของร้านกาแฟระดับโลก อย่าง Starbuck ที่ทำให้การดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์และแนวคิดทางสังคมตั้งแต่ทศวรรษ 1970 CHAGEE เชื่อว่าการดื่มชาก็สามารถได้รับยอมรับในระดับนั้นได้เช่นกัน
“Managed franchise model” หัวใจสำคัญของการเติบโต
หัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจของ CHAGEE คือการดำเนินงานผ่าน เครือข่ายแฟรนไชส์ที่กว้างขวางและมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากร้านแฟรนไชส์ โดยในปี 2022, 2023 และ 2024 สัดส่วนรายได้ 83.5%, 94.7% และ 93.8% ตามลำดับ มาจากร้านแฟรนไชส์
รายได้จากร้านแฟรนไชส์แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก:
1.การขายผลิตภัณฑ์: บริษัทขายวัตถุดิบ (เช่น ใบชา นม) วัสดุบรรจุภัณฑ์ และอุปกรณ์สำหรับร้านชา (เช่น เครื่องชงชาอัตโนมัติ) ให้กับร้านแฟรนไชส์
2.ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์และบริการอื่นๆ: รวมถึงค่าสิทธิ์รายเดือน (คิดจากเปอร์เซ็นต์ของรายได้หรือกำไร), ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แรกเข้า และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแบรนด์รายปี นอกจากนี้ยังมีค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าฝึกอบรมพนักงานและค่าบริการระบบ IT ต่างๆ
สิ่งที่ทำให้โมเดลแฟรนไชส์ของ CHAGEE แตกต่างคือการใช้โมเดล "Managed franchise model" ที่เน้นการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวดจากส่วนกลาง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การจัดการซัพพลายเชน และการบริการลูกค้าเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งเครือข่าย บริษัทมีทีมคอยดูแลใน 32 มณฑลทั่วประเทศจีนเพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนแก่พาร์ทเนอร์แฟรนไชส์อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การเลือกทำเล การปรับปรุงร้าน การจัดการซัพพลายเชน ไปจนถึงการดำเนินงานขายผ่านออนไลน์เดลิเวอรี่ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการดำเนินงานของ CHAGEE บริษัทลงทุนในการทำให้การดำเนินงานหน้าร้านเป็นอัตโนมัติ โดยใช้เครื่องชงชาและอุปกรณ์อัตโนมัติเพื่อรับประกันคุณภาพและความสม่ำเสมอ การจัดการซัพพลายเชนก็ใช้ระบบดิจิทัลแบบ End-to-end ทำให้สามารถติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์และจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อัตราหมุนเวียนสินค้าคงคลังอยู่ที่ประมาณ 5.3 วันในปี 2024 ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาแบรนด์ชาชงสดใหม่ที่มีร้านมากกว่า 1,000 แห่งในจีน)
ในด้านผลิตภัณฑ์ CHAGEE มุ่งเน้นไปที่เมนูหลักที่ดึงดูดใจผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง **Signature Tea Latte** ที่ทำจากใบชาธรรมชาติและนมสด ผลิตภัณฑ์ชาลาเต้มีสัดส่วนถึงประมาณ 91% ของ GMV ในจีนในปี 2024 การมีเมนูหลักที่เรียบง่ายช่วยให้การจัดการซัพพลายเชนง่ายขึ้น และส่งเสริมการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
การเติบโตในอดีต: การขยายตัวอย่างก้าวกระโดด
CHAGEE เริ่มดำเนินงานครั้งแรกในยูนนาน ประเทศจีน ในเดือนพฤศจิกายน 2017 นับตั้งแต่นั้นมา เครือข่ายร้านชาก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในจีนและต่างประเทศ
จำนวนสาขา: สิ้นปี 2023 CHAGEE มีทั้งหมด 3,511 สาขา และในปี 2024 เพิ่มขึ้นเป็น 6,440 สาขา หรือเพิ่มขึ้นถึง 83.4% เลยทีเดียว(โหดมากๆครับ) ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด 32 จาก 34 มณฑลของจีน ถือเป็นแบรนด์ชาชงสดใหม่ระดับพรีเมียมที่มีเครือข่ายร้านใหญ่ที่สุดในจีนในแง่จำนวนร้านเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับ Luckin Coffee ที่มีสาขาในจีน 24,032 สาขา ก็ถือว่ายังพอมีโอกาสในจีนอยู่
GMV และรายได้: GMV (Gross Merchandise Value) รวมในจีนและต่างประเทศเพิ่มขึ้น 734% จาก RMB 1,293 ล้านในปี 2022 เป็น RMB 10,792 ล้านในปี 2023 และเพิ่มขึ้นอีก 173% เป็น RMB 29,457 ล้านในปี 2024 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ น่าจะไม่มีร้านชาเจ้าไหนที่สามารถเติบโตได้ในระดับนี้แล้วครับ
แต่….
การเติบโตเร็วแบบนี้ ก็มาพร้อมกับความน่ากังวลเช่นเดียวกัน เพราะยอด Same store GMV growth% ไตรมาส 4 2024 ติดลบไป 18% หลังจากที่โตต่อเนื่องมาโดยตลอด บริษัทบอกว่าเกิดการ Normalize ซึ่งมันก็น่าจะหมายถึงการเปิดร้านมากๆเข้า เริ่มมีบางสาขาที่กินยอดขายของสาขาเดิมนั้นเอง
เป็นตัวเลขที่น่าจับตามองมากๆครับ เพราะการที่ยอดขายสาขาเดิมต่อมาต่อเนื่องตลอด อาจเป็นความนิยมที่มากขึ้นๆจากการตามๆกันไปของคนในช่วงนั้น แต่วันนึงความนิยมกลับแปรเป็นความปกติธรรมดา หรืออาจมีแบรนด์ใหม่ๆที่น่าสนใจกว่า ก็อาจทำให้การเติบโตของสาขาเดิมลดลงได้ และนี้เป็นตัวเลขที่ต้องติดตามเลยสำหรับ CHAGEE
แต่ CHAGEE ยังมีโอกาสในอนาคตอีกมาก: การขยายสู่เวทีโลก
CHAGEE มีแผนกลยุทธ์เพื่อรักษาและส่งเสริมการเติบโตในอนาคต :
1.การขยายสาขา: ปัจจุบัน มีร้านในต่างประเทศเพียง 156 สาขา เท่านั้น บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในจีนและต่างประเทศ ด้วยโมเดลแฟรนไชส์ คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วพร้อมรักษาคุณภาพ แผนการในปี 2025 คือการเพิ่มร้านค้าอีก 1,000 ถึง 1,500 แห่งทั่วโลก โดยจะเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดเดิมอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย พร้อมสำรวจโอกาสในตลาดใหม่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา(สำคัญมากๆเลยครับประเทศนี้ ถ้าเข้าไปได้ ยังมีรันเวย์อีกยาว)
2.การลงทุนในเทคโนโลยี: CHAGEE จะยังคงลงทุนในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและดำเนินงาน รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของร้านค้า ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการจัดการที่ดีขึ้น เทคโนโลยีช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคได้ดีขึ้นผ่านโปรแกรมสมาชิกและ Mini Program
3.การสร้างแบรนด์และการตลาด: แผนการเติบโตยังรวมถึงการลงทุนในการสร้างแบรนด์และการตลาดเพื่อเพิ่มการรับรู้และรักษาฐานลูกค้า CHAGEE ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง RED (Xiaohongshu), Douyin, TikTok และ Weibo เพื่อสร้าง Engagement กับลูกค้าและเพิ่มอิทธิพลของแบรนด์
4.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: แม้จะเน้นเมนูหลัก แต่บริษัทก็ต้องพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (เปิดตัว 15 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2024 และปรับปรุงสูตรเครื่องดื่มเดิมอย่างต่อเนื่อง
5.การสร้างซัพพลายเชนในต่างประเทศ: มีแผนที่จะสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนในต่างประเทศเพื่อรองรับการขยายตัว
หัวเรือใหญ่ของ CHAGEE
คุณ Junjie Zhang ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการและซีอีโอ ซึ่งมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม F&B มากกว่า 13 ปี ที่สำคัญคือพึ่งอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น ไม่ได้จบจากสถาบันสูงๆ แต่มี Passion ในการทำธุรกิจมาก ปัจจุบันยังถือหุ้นอยู่ 53% แต่มี Voting right หรือสิทธิในการออกเสียงสูงถึง 89% เนื่องจากบริษัทมีรูปแบบหุ้น 2 Class เอาง่ายๆคือ CHAGEE ยังเป็นบริษัทที่มีเจ้าของที่มี Passion สูง และยังถือหุ้นบริษัทเยอะอีกด้วย
Valuation แบบง่ายๆเลย P/E ratio
CHAGEE 19x
Luckin Coffee 27x
Starbuck 27x
CHAGEE ที่โตได้หลัก 100% ต่อปี ต้องบอกว่ามันก็ไม่ได้แพงเลยนะครับ ถ้าอนาคตมันยังโตต่อได้
ความเสี่ยง
แม้จะมีปัจจัยบวกหลายอย่าง แต่การลงทุนใน CHAGEE ก็มีความเสี่ยงที่ควรพิจารณา เช่น การแข่งขันที่สูงในตลาดชาชงสดใหม่ ความสามารถในการจัดการการเติบโตที่รวดเร็ว ความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อบังคับในประเทศจีนที่เปลี่ยนแปลงได้ การเข้า Listed ที่อเมริกาซึ่งมีความเสี่ยงมากๆในช่วงนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ถึงขั้นถอดหุ้นออกหรอก และการเข้าตลาดอเมริกาเป็นการสร้าง Awareness ชั้นดีมากๆให้คนในประเทศนั้นได้รู้จักแบรนด์ CHAGEE มากขึ้น ทำให้การเข้าไปทำตลาดได้ง่ายขึ้นนั้นเอง
Key Metric ที่ต้องติดตามเลยคือ Same Store GMV Growth% ที่ ติดลบไปถึง 18% ในไตรมาส 4 จะต่อเนื่องไปในปีหน้าไหม
สรุปแล้วต้องบอกตรงๆว่าก่อนเข้ามาดูจริงจังแอดก็คิดว่ามันคือร้านชานมธรรมดาๆ ที่โตเร็ว แต่พออ่านข้อมูลไปเรื่อยๆ กลับมีแต่เรื่องให้ทึ้งตลอดทาง ทั้งการเติบโตของสาขา ยอดขาย รวมถึงเจ้าของที่น่าติดตามมากๆ CHAGEE ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในอดีตที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะการขยายสาขาและปริมาณ GMV ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
“Managed franchise model” หัวใจสำคัญของการเติบโต ผสานกับการใช้เทคโนโลยีและซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ เป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนการขยายสาขาของ CHAGEE แผนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในจีนและต่างประเทศ เป็นอะไรน่าติดตาม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาความเสี่ยงต่างๆด้วยนะครับ !!Not Financial Advice!!
โฆษณา