1 พ.ค. เวลา 08:15 • ข่าวรอบโลก

สหรัฐ-ยูเครน ปิดดีล ลงนามข้อตกลงแร่ธาตุหายาก ตั้งกองทุนฟื้นฟูประเทศ

ยูเครน-สหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงแร่ธาตุหายากที่ทรัมป์ผลักดัน ตั้งกองทุนร่วมลงทุนฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม ยูเครนคงอำนาจควบคุมการทำเหมือง ไม่มีภาระหนี้สิน พร้อมรักษาอธิปไตยเหนือทรัพยากรแร่ 22 ชนิดที่อุดมสมบูรณ์ หวังสร้างความร่วมมือระยะยาวลดการพึ่งพาจีน
1 พ.ค. 2568 – ยูเครนและสหรัฐอเมริกาลงนามข้อตกลงด้านแร่ธาตุที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันอย่างหนัก หลังจากอุปสรรคในการเจรจาและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด
ข้อตกลงนี้จะมอบสิทธิพิเศษให้สหรัฐฯ ในการเข้าถึงข้อตกลงแร่ธาตุใหม่ของยูเครน พร้อมจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังสงครามที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปี โดยเป็นกองทุนที่ทั้งสองประเทศมีสัดส่วนการลงทุนและอำนาจบริหารเท่าเทียมกัน
ข้อตกลงดังกล่าวลงนามที่กรุงวอชิงตัน ดีซี หลังการเจรจาที่ยาวนานและมีความตึงเครียด โดยก่อนหน้านี้ยังมีความไม่แน่นอนจนถึงนาทีสุดท้าย ทั้งนี้ สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และยูเลีย สวีรีเดนโก รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งของยูเครน เป็นผู้ลงนามในข้อตกลง
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงนี้ "ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลทรัมป์ที่มีต่อยูเครนที่เสรี มีอธิปไตย และเจริญรุ่งเรือง"
กองทุนร่วมลงทุนและความช่วยเหลือใหม่
นายกรัฐมนตรีเดนีส ชมีฮัล ของยูเครนอธิบายว่า ข้อตกลงนี้เป็น "ข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนหุ้นส่วนการลงทุน" โดยเน้นย้ำว่าเป็น "ข้อตกลงระหว่างประเทศที่เท่าเทียมและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับการลงทุนร่วมในการพัฒนาและฟื้นฟูยูเครนระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และยูเครน"
รองนายกฯ สวีรีเดนโกเปิดเผยว่า ข้อตกลงนี้เปิดทางให้วอชิงตันมีส่วนร่วมสนับสนุนกองทุน "นอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงินโดยตรง อาจมีการให้ความช่วยเหลือใหม่ เช่น ระบบป้องกันทางอากาศสำหรับยูเครน" อย่างไรก็ตาม ทางสหรัฐฯ ยังไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้โดยตรง
นายกฯ ชมีฮัลยังเน้นย้ำว่า "ฝ่ายอเมริกันอาจนับความช่วยเหลือทางทหารใหม่ ผมขอเน้นย้ำว่าเป็นความช่วยเหลือใหม่ ให้กับยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนกองทุนนี้"
นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนทางทหารรายใหญ่ที่สุดของยูเครน โดยให้ความช่วยเหลือมากกว่า 64,000 ล้านยูโร (หรือประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์) ตามข้อมูลจากสถาบันคีล ในเยอรมนี
ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำก่อนการลงนามว่า สหรัฐฯ ควรได้รับผลประโยชน์จากความช่วยเหลือที่มอบให้เคียฟ จึงมีความพยายามที่จะทำข้อตกลงเพื่อเข้าถึงแหล่งแร่หายากที่มีอยู่มากมายในยูเครน
ยูเครนควบคุมการทำเหมืองและคลังแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์
รองนายกฯ สวีรีเดนโกยืนยันว่า ข้อตกลงดังกล่าวอนุญาตให้ยูเครน "กำหนดว่าจะขุดเจาะอะไรและที่ไหน" และพื้นดินใต้ผิวโลกยังคงเป็นของยูเครน
ยูเครนอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีแหล่งแร่ 22 ชนิดจากทั้งหมด 50 ชนิดที่สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ จัดว่าเป็นแร่สำคัญ รวมถึงแร่หายากที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบอาวุธบางประเภท
ปัจจุบันการทำเหมืองแร่หายากและวัสดุที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั่วโลกมีจีนเป็นผู้ครองตลาด ทำให้ชาติตะวันตกมองหาแหล่งทางเลือกอื่น รวมถึงยูเครน ซึ่งกำลังอยู่ในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากทรัมป์เพิ่มภาษีศุลกากรอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ ยูเครนยังมีแหล่งสำรองเหล็ก ยูเรเนียม และก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่
ยูเครนได้มีข้อตกลงลักษณะคล้ายกันกับสหภาพยุโรปแล้วตั้งแต่ปี 2564 ขณะที่ข้อตกลงกับสหรัฐฯ ฉบับนี้ต่อยอดจากบันทึกความเข้าใจที่เตรียมไว้ภายใต้รัฐบาลไบเดนเมื่อปีที่แล้ว
รองนายกฯ สวีรีเดนโกกล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ ยูเครนไม่มีภาระหนี้สินต่อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาที่ยาวนานระหว่างสองประเทศ
ข้อตกลงนี้ยังสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของยูเครนและการรณรงค์เพื่อเข้าร่วมสหภาพยุโรปของยูเครน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในจุดยืนการเจรจาของยูเครน
"สิ่งสำคัญคือ ข้อตกลงนี้ส่งสัญญาณถึงพันธมิตรทั่วโลกว่าความร่วมมือระยะยาวกับยูเครน - ตลอดหลายทศวรรษ - ไม่เพียงแต่เป็นไปได้แต่ยังน่าเชื่อถืออีกด้วย" สวีรีเดนโกกล่าวบนแพลตฟอร์ม X
แหล่งแร่ธาตุที่สำคัญของยูเครน
ตามข้อมูลยูเครนมีแร่ธาตุสำคัญประมาณ 5% ของโลก ซึ่งรวมถึงแกรไฟต์ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่พิสูจน์แล้วประมาณ 19 ล้านตัน
ยูเครนมีแหล่งไทเทเนียม 7% ของแหล่งไทเทเนียมในยุโรป ซึ่งเป็นโลหะน้ำหนักเบาที่ใช้ในการก่อสร้างทุกอย่างตั้งแต่เครื่องบินไปจนถึงโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในสามของแหล่งลิเธียมทั้งหมดในยุโรป ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่ปัจจุบัน
ธาตุอื่นๆ ที่พบในยูเครนรวมถึงเบริลเลียมและยูเรเนียม ซึ่งทั้งคู่มีความสำคัญสำหรับอาวุธนิวเคลียร์และเครื่องปฏิกรณ์ แหล่งทองแดง ตะกั่ว สังกะสี เงิน นิกเกิล โคบอลต์ และแมงกานีสก็มีนัยสำคัญเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แหล่งแร่บางส่วนถูกรัสเซียยึดครอง ตามข้อมูลของรองนายกฯ สวีรีเดนโก ทรัพยากรมูลค่า 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (277 พันล้านปอนด์) ยังคงอยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครองในปัจจุบัน
ในปี 2565 บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ SecDev ซึ่งตั้งอยู่ในแคนาดา ได้ทำการประเมินซึ่งพบว่า รัสเซียได้ยึดครองเหมืองถ่านหินของยูเครน 63% รวมทั้งแหล่งแมงกานีส ซีเซียม แทนทาลัม และแร่หายากครึ่งหนึ่ง
ทำไมสหรัฐฯ จึงต้องการแร่ธาตุของยูเครน
แร่ธาตุที่สำคัญเป็นกุญแจสำคัญสำหรับพลังงานหมุนเวียน การใช้งานทางทหาร และโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรม และมี "บทบาทเชิงยุทธศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์"
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกระตือรือร้นที่จะทำข้อตกลงสำหรับทรัพยากรแร่ธาตุของยูเครนเพราะต้องการลดการพึ่งพาจีน ซึ่งควบคุมแหล่งแร่หายาก 75% ของโลก หบังจากจีนได้ห้ามการส่งออกแร่หายากบางชนิดไปยังสหรัฐฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้จำกัดการส่งออกแร่ไปยังสหรัฐฯ ในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้จีนได้บังคับใช้การควบคุมการส่งออกแร่หายากเพิ่มเติมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ
ตามข้อมูลของ World Economic Forum ยูเครนมีแหล่งแร่ประมาณ 20,000 แหล่งครอบคลุม 116 ประเภท แต่มีเพียง 15% ของพื้นที่เท่านั้นที่มีการใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในช่วงเวลาที่รัสเซียรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2565
ตัวอย่างเช่น แหล่งลิเธียมขนาดใหญ่ของประเทศยังคงไม่ได้รับการพัฒนาเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกัน แหล่งแร่หายากที่ทราบว่ามีอยู่ แต่ยังไม่มีการทำเหมืองเนื่องจากขาดการลงทุน
ทรัมป์ยังแนะนำว่าการมีอยู่ของผู้รับเหมาสหรัฐฯ ในยูเครนจะเป็นการรับประกันความมั่นคงเพื่อยับยั้งการรุกรานของรัสเซียในอนาคต แต่ยูเครนและผู้นำยุโรปยืนยันว่านั่นยังไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม การลงนามข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ และยูเครน และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นจากรัฐบาลทรัมป์ที่มีต่อยูเครน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตความช่วยเหลือทางทหารแก่ประเทศที่ตกอยู่ในภาวะสงคราม
ที่มา: รอยเตอร์, บีบีซี
โฆษณา