1 พ.ค. เวลา 10:28 • ปรัชญา

watthakhanun

เมื่อพวกเราฝากกระเป๋าเสร็จ ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงของทางประเทศอินเดีย แม้ว่าเวลาจะช้ากว่าเมืองไทยชั่วโมงครึ่งก็ตาม แต่พวกเราก็หิวไส้แขวนไปตาม ๆ กัน จึงเดินไปหาศูนย์อาหาร รออยู่เป็นเวลาค่อนข้างนาน กว่าที่จะได้ผัดหมี่แบบอินเดียมา แต่ว่ารสชาติอร่อยใช้ได้ ส่วนไก่ทันดูรีนั้น ยกให้กับท่านพันแสน (พระอธิการธรรมชัย อคฺคธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดศิลาวาส (ปิงโค้ง) ไปฉันแทน
ส่วนท่านอาจารย์นิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตรนั้น ท่านฉันมังสวิรัติ ทำเอากระผม/อาตมภาพขำก๊ากไปเลย..! บอกว่ามาประเทศอินเดีย จะหาอาหารที่ไม่ใช่มังสวิรัตินั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก แต่ถ้าฉันมังสวิรัติกลับเป็นเรื่องที่หาได้ง่ายมาก ๆ
เมื่ออิ่มแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปดูที่จอแสดงประตูขึ้นเครื่อง ปรากฏว่าเที่ยวบินของเรานั้น ย้ายไปอยู่ที่ประตู 42C จากที่ตอนแรกเป็นประตู 27B จึงได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก ต้องลงบันไดไปถึง ๒ ชั้นด้วยกัน กว่าจะไปถึงหน้าประตูขึ้นเครื่อง รอแล้วรอเล่าจนได้เวลาเรียกขึ้นเครื่อง ก็ไม่เห็นมีคนมา จึงได้โทรไปหาน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ปรากฏว่าทั้งหมดไปรออยู่ที่ประตู
27B ตามที่เครื่องอัตโนมัติออกให้ จึงแจ้งให้ทุกคนมาเป็นการเร่งด่วน..!
แต่มาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ให้ลงมาประตูขึ้นเครื่อง เนื่องเพราะว่าตอนนี้ผู้โดยสารแออัดยัดเยียดกันแน่นไปหมด รอจนผู้โดยสารทางประตู 14A และประตู 14B ขึ้นเครื่องของตนไปเรียบร้อย มีที่ว่างให้หายใจแล้วถึงได้ปล่อยลงมา ลงมาถึงก็ได้เวลา
ขึ้นเครื่องของประตู 14C พอดี..!
พวกเรานั่งรถบัสไปเป็นเวลา ๑๐ กว่านาที ก็ไปขึ้นเครื่อง Air India ที่ทางหัวสนามบิน ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ? เพราะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจสอบบนเครื่องบิน ๒ รอบ ๓ รอบ แล้วเลยเวลาขึ้นเครื่องไปเกือบ ๕๐ นาที กว่าที่เครื่องจะ
taxi ออก จนกระทั่งบินไปได้ระยะหนึ่ง กระผม/อาตมภาพได้ยินประกาศว่า "อีกประมาณ ๑๐ กว่านาทีก็จะลงสู่สนามบิน" คิดว่าเป็นสนามบินอมฤตสาร์ แต่ปรากฏว่าลงมาแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ลงจากเครื่อง จึงได้ปรารภกับ ผศ.ดร.พระครูโรจน์ว่า ระยะนี้เรื่องก่อการร้ายเป็นเรื่องใหญ่ของทางประเทศอินเดีย คาดว่ามีผู้ต้องสงสัยขึ้น
เครื่องมา จึงต้องรอจนกว่าตำรวจจะมาเอาตัวไป..!
ครั้นถึงเวลาตำรวจมานำตัวผู้ต้องสงสัยลงไปทางประตูหลังแล้ว พวกเราที่นั่งร้อนอยู่ เพราะว่าเขาดับเครื่องปิดแอร์ไปด้วย นั่งเหงื่อตกกันอยู่ แต่ทุกคนก็อดทนไม่มีใครบ่นว่าอะไร จนกระทั่งแอร์โฮสเตสต้องเอาน้ำมาแจกเป็นการปิดปากไม่ให้พวกเราบ่นหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ..!?
จนเมื่อลงมาสัมผัสพื้นดินแล้วถึงได้รู้ว่า เครื่องบินวนกลับมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธีตามเดิม..! ทำเอาพวกเราเอ๋อรับปะทานกันไปตาม ๆ กัน ไม่แน่ใจว่าเกิดจากมีผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายขึ้นมา หรือว่าเครื่องบินมีปัญหากันแน่ เพราะกัปตันบอกว่า "เครื่องมีปัญหาเล็กน้อย"
พวกเราต้องนั่งรถบัสกลับเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า แล้วก็ต้องไปทำการผ่านด่านเอ๊กซเรย์ที่โคตรจะเข้มงวดอีกวาระหนึ่ง โดยที่จะต้องเอาข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่ถาดเพื่อให้เขาเอ็กซเรย์ตรวจสอบดู กว่าที่จะได้ถาดมาก็มีคนในคณะต้องอาศัยความสวยให้เป็นประโยชน์ ขอถาดจากเจ้าหน้าที่มาได้..!
ครั้นผ่านเข้ามาได้แล้ว ปรากฏว่าประตูขึ้นเครื่องที่เขาออกให้นั้นก็คือประตู 27B ที่เปลี่ยนไปเมื่อเช้านั่นเอง ทำเอาทุกคนหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก กลายเป็นว่าทุกคนต้องมานั่งรอ เพื่อที่จะขึ้นเครื่องเที่ยว ๖ โมงเย็น แทนที่พวกเราจะไปถึงเมืองอมฤตสาร์ และได้ท่องเที่ยวตามโปรแกรมแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าปัญหาเล็กน้อยของเจ้าแม่นภิสราเทวีนั้น ยังจะเป็นปัญหาเล็กน้อยไปอีกกี่วันกี่เรื่องกันแน่ ?
แต่ว่าเทวดามีอะไรบอกได้เต็มที่แค่ไหน เขาก็บอกเต็มที่แค่นั้น พวกเราจึงต้องนั่งวิตกกังวลกันต่อไปว่า ปัญหาอื่น ๆ จะเกิดขึ้นหรือไม่ ? แต่เท่าที่เคยสังเกตมา ถ้ามีปัญหาอะไร ไม่ว่าพระ หรือพรหม หรือเทวดา ท่านมักจะให้ปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นในวันแรก ๆ เพื่อที่จะไม่ไปให้หงุดหงิดกันในวันหลัง กระผม/อาตมภาพจึงฉวยโอกาสในขณะที่นั่งรอขึ้นเครื่อง ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน เพื่อที่ผู้
ฟังจะได้ไม่ขาดตอนลง
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๘
โฆษณา