1 พ.ค. เวลา 11:30 • ครอบครัว & เด็ก

ใจนึงก็อยากมีลูก อีกใจนึงก็ไม่อยากมี เงินเดือนสองคนรวมกัน 40,000 บาท ไม่มีหนี้ แต่กลัวลำบาก

📌 วันนี้ไปเจอกระทู้เรื่องนี้มา เลยอยากมาชวนแชร์ความเห็นกันครับ
เรื่องคือฝ่ายหญิงอายุ 33ปี แฟนอายุ 29ปี ทำงานบริษัทเอกชนเงินเดือนหลักหมื่นปลายๆ ส่วนแฟนทำงานเป็นฟรีแลนซ์ มีรายได้เสริมสองสามอย่าง เงินเดือน 2 หมื่นกลางๆ ไม่มีหนี้ หรือต้องผ่อนอะไร
อยู่กทม. บางทีกลับไปต่างจังหวัดเห็นหลานๆ ก็อยากมีลูก แต่อีกมุมคือเรากับแฟนชอบเที่ยวชอบกินมาก วันหยุดเมื่อไหร่จะแผลนไปเที่ยวไปกินตลอด และ กลัวค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอเพราะอยู่ กทม. ถ้าจะลูกอยากมีลูกก่อนอายุ 35 อีกแค่ 2 ปี ถ้าหลังจากนั้นไม่อยากมีแล้วเพราะกลัวเด็กเกิดมาไม่สมบรูณ์ คบกับแฟน 7 ปี แล้ว แต่ยังไม่แต่งงาน
1
ที่บ้านไม่อยากให้มี เพราะกลัวจะลำบาก ค่าใช้จ่ายกับเด็กคือเยอะมาก เลยไม่อยากให้ลำบาก แต่ที่บ้านแฟนอยากให้มี
❤ ก่อนอื่นอยากบอกว่า ความรู้สึกของผู้ตั้งกระทู้—ทั้งอยากมีลูก ทั้งกลัวลำบาก หรือกลัวไม่มีพอ—เป็นเรื่องปกติมาก โดยเฉพาะสำหรับคนวัย 30+ ที่กำลังอยู่จุดเปลี่ยนของชีวิต มีทั้งความฝัน อยากทำอะไรสนุกๆ กับคู่ชีวิต และเสียงรอบข้างที่กดดันหรือหวังอะไรบางอย่างกับเรา
เพราะฉะนั้นที่จริงเรื่องนี้แก่นของมันอาจจะไม่ใช่แค่ “จะมีลูกดีมั้ย” แต่มันคือการหาสมดุลระหว่าง “ชีวิตที่อยากใช้” กับ “ชีวิตที่กลัวจะพลาดไป”
1
และปฏิเสธไม่ได้ว่า “เงิน” กับ “ความมั่นคง” เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญ
เดี๋ยวเราลองมาแตกกันกันทีละเรื่อง
💰 [ 1. เรื่องเงิน — มันพอไหม? ]
ค่าใช้จ่ายกับการเลี้ยงลูก 1 คน ตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาตรี (ข้อมูลจาก Amarin Baby & Kids อ้างอิงในคอมเมนต์)
* หากเรียนโรงเรียนรัฐบาล 240,000 – 360,000 บาท
* หากเรียนโรงเรียนเอกชน 1,200,000 – 1,800,000 บาท
* หากเรียนโรงเรียนนานาชาติ 4,300,000 – 6,500,000 บาท
* หากเรียนโรงเรียนต่างประเทศ 10,000,000 – 15,000,000 บาท
💵 เงินเดือนกับรายได้
- รายได้รวมราว **40,000 บาท/เดือน** สำหรับ 2 คน (ยังไม่รวมรายได้เสริมที่ไม่แน่นอน)
- ถ้าไม่มีหนี้ ไม่มีผ่อน มีเงินเก็บในระดับนึง ถือว่าจัดการได้ดี แต่ไม่ถึงกับเหลือเฟือ
* จุดแข็ง คือไม่มีภาระเก่า ไม่ต้องจ่ายหนี้เพิ่ม
* จุดอ่อน คือเงินเดือนยังไม่ได้ “เผื่อเหลือเผื่อขาด” สำหรับเรื่องฉุกเฉินใหญ่ หรือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ระยะยาว
👍 [ ถึงตรงนี้ ถ้าไม่อยากมีลูก ก็คือไม่อยากมี จบครับ ]
▶ [ ถ้าอยากมีลูก ]
รามิตร เศรษฐี (Ramit Sethi) นักเขียนและผู้ให้คำแนะนำด้านการเงินระดับโลกเคยพูดไว้เสมอว่าถ้าเป็นเรื่องเงินสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การประหยัดทุกบาท แต่เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราให้ความสำคัญในชีวิตคืออะไร “รู้ตัว รู้สไตล์ชีวิต และวางระบบให้สิ่งสำคัญมาก่อน”
หลักคิดคือ “You can have anything, but not everything.”
แปลว่า คุณเลือกได้ว่าจะมีลูก, จะใช้ชีวิตสนุก, หรือจะผสมผสานทั้งสองอย่าง
แต่ต้องยอมแลกอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ได้หมดทุกอย่างโดยไม่ปรับอะไรเลย
📑 1. ดูตัวเลขในชีวิตก่อน
* ลองจดดูว่าทุกเดือน (เฉลี่ย 6-12 เดือนที่ผ่านมา) ใช้จ่ายอะไรบ้าง (กิน เที่ยว เดินทาง) เท่าไหร่
* มีเงินเหลือเก็บ/เดือนกี่บาท
* ถ้าลูกมา รายจ่ายหลักๆ จะเพิ่มขึ้นตรงไหน (ถามเพื่อนหรือคนที่มีลูกแล้วได้เลย)
* วางแผนเผื่อ “เงินฉุกเฉิน” ไว้ 6-12 เดือนของค่าใช้จ่ายทั้งบ้าน (รวมรายจ่ายลูก)
🗨 2. คุยกับแฟนแบบเปิดใจ
* เอาตารางรายจ่าย-รายได้มาตั้ง แล้วถามกันตรงๆ “ถ้ามีลูกตอนนี้ จะต้องหยุดหรือเปลี่ยนอะไรในสิ่งที่เราชอบไหม?”
* อย่าคิดแทนกันเอง ให้แฟนพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่ “ควรจะ”
* รู้ไหมว่ามีคู่รักจำนวนมากที่กลัว “เสียชีวิตคู่” เมื่อมีลูก จริงๆ แล้วมันปรับสมดุลได้ ถ้าทั้งสองคนช่วยกันและตกลงเรื่องเงิน เรื่องเวลาชีวิตร่วมกันแต่เนิ่นๆ
🤱 3. วางแผนก่อนมีลูก
* ถามตัวเองและแฟน “ถ้าอีก 2 ปีข้างหน้าเรามีลูก” เราต้องมีเงินเก็บก้อนใหญ่เท่าไหร่
* ตั้งเป้าออมเงินเป็นก้อน เช่น 100,000 – 200,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายแรกเกิดและฉุกเฉิน
* หาข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่รัฐและบริษัทให้ เช่น สิทธิประกันสังคม, คลินิกฝากครรภ์, สวัสดิการบุตร ฯลฯ
🧳 4. ไม่ลืม “ชีวิตที่อยากมี”
* อย่าให้การมีลูกเป็น “สิ่งที่ต้องแลกกับความสุข”
* ถ้าชอบเที่ยว ชอบกิน วางแผนเที่ยวง่ายๆ ใกล้บ้าน หรือเปลี่ยนจาก 5 ครั้ง/เดือนเป็น 2 ครั้งก็ยังได้ (ทุกอย่างมีสิ่งที่ต้องแลกเสมอ จำตรงนี้ไว้)
* มองว่าลูกไม่ใช่ภาระ แต่คือ “โจทย์ใหม่” ที่จะทำให้เราโตขึ้น มีความหมายกับชีวิตมากขึ้น
1
😱 [ ความรู้สึกและแรงกดดันรอบข้าง ]
อย่างที่บอกว่ามันไม่ผิดที่จะกลัว “ลำบาก” ทุกครอบครัวมีจังหวะเวลาของตัวเอง ถามตัวเองดีๆ ว่า “อยากมีลูกเพราะใจเราอยาก หรือเพราะคนรอบข้างอยาก?”
ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่พร้อม ต้องคุยให้จบตรงนี้ก่อนจะตัดสินใจใหญ่ ที่บ้านฝ่ายหนึ่งกลัวลำบาก อีกฝ่ายอยากมีลูก ลองคุยกับบ้านแฟนให้เห็นภาพความช่วยเหลือที่เขาอาจมีให้ได้ เช่น ดูแลหลาน, แบ่งเบาค่าใช้จ่าย เป็นไปได้ไหม
อย่าลืมนะครับว่าคนอื่นอยากให้มี ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมี และไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมาช่วยรับผิดชอบตรงนี้ (แม้ตอนนี้เขาพูดว่าจะช่วย ก็ไม่ได้มีอะไรการันตี)
🌟 [ “จะมีลูก ต้องมั่นใจในจังหวะของตัวเอง” ]
1.ถ้าคุณและแฟนอยากมีลูกจริงๆ วางแผน เตรียมเงินสำรอง และคุยกันชัดเจนเรื่องสไตล์ชีวิต
2.ไม่ต้องเปรียบเทียบกับครอบครัวอื่น หรือเสียงรอบข้าง
3.ใช้เวลา 2 ปีนี้เป็น “ช่วงเตรียมตัว” ทั้งเก็บเงินและสร้างความมั่นใจ
4.เชื่อในจังหวะของตัวเอง ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องกลัวจะพลาดขบวน
อย่าลืมว่าชีวิตที่ดีคือชีวิตที่เราออกแบบเอง และทุกทางเลือกจะมีอะไรที่ต้องแลกมาเสมอ
- โสภณ​ ศุภมั่งมี (บรรณาธิการ #aomMONEY )
#คำถามการเงิน #อยากมีลูกดีไหม #เงินเดือน #ปัญหาการเงิน #แนวทางชีวิต
โฆษณา