1 พ.ค. เวลา 17:46 • กีฬา

สุดยอดผู้รักษาประตู สู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของลิเวอร์พูล

หากจะให้พูดถึงว่าจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของลิเวอร์พูล จากทีมที่เคยยิ่งใหญ่ในช่วงยุค 90 ผ่านมาถึงช่วงยุคตกต่ำ เหมือนยักษ์ที่หลับไหลมายาวนาน จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ยักษ์ถูกปลุกขึ้นมากลายเป็นยอดทีมเหมือนในปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่คงยกให้การเข้ามาของเจอร์เก้น คล็อปป์ คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดอย่างแน่นอน ซึ่งอันนี้ทุกคนยอมรับตรงกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคล็อปป์เข้ามาเปลี่ยนระบบ และวางรากฐานทุกอย่างให้กับลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง
นอกจากนั้นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะพูดถึงไม่ได้ คือการเข้ามาของสามประสานแดนหน้า อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ที่เราเรียกกันว่าสามประสานหินเหล็กไฟ SMF
Mohamed salah, Sadio Mane, Roberto Firmino
การประสานงานของทั้ง 3 คน ช่วยกันถล่มประตูให้กับลิเวอร์พูลได้อย่างต่อเนื่อง และยากที่จะมีกองหลังทีมไหนในช่วงนั้นจะหยุดความร้อนแรงของ SMF ได้
และผู้เล่นอีกคนที่เข้ามาเติมเต็มแนวรับให้กับลิเวอร์พูลได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นั่นก็คือการมาของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ทางคล็อปป์โปรดปรานมา พยายามคว้าตัวมาได้ด้วยค่าตัวที่สูงสุดในตำแหน่งของกองหลังในยุคนั้น แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งของยอดกองหลังชาวดัตซ์ ทำให้เงินที่ลงทุนไปนั้น คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
แต่ในส่วนของตัวผมเองนั้น จากนักเตะที่กล่าวมาทั้งหมด ผมยอมรับและเห็นด้วยว่าทุกคนคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของลิเวอร์พูลจริงๆ แต่ถ้าจะให้ผมเลือกหนึ่งคนที่ผมมองว่าการมาของผู้เล่นคนนี้ คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากที่สุด ซึ่งคนนั้นก็คือ “อลิสซง เบคเกอร์” ยอดผู้รักษาประตูชาวบราซิล
การมาของ “อลิสซง เบคเกอร์” ผู้รักษาประตูเลือดแซมบ้า หรือที่เราเรียกกันว่า พ่อหมี ด้วยบุคลิกที่ดูอบอุ่น และตัวที่ค่อนข้างใหญ่ของอลิสซง ทำให้อลิสซงกลายเป็นพ่อหมีที่รักของชาวเดอะ ค็อป ทุกคน และเป็นผู้ที่เข้ามาเติมเต็มให้กับลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง
อลิสซง เบคเกอร์ เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1992 ในเมืองโนโว ฮัมเบอร์โก ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล
จุดเริ่มต้นในการเป็นนักฟุตบอลของอลิสซง มาจากพี่ชายของเขาที่เป็นผู้รักษาประตูอาชีพเช่นกัน ส่งผลให้อลิสซงเกิดแรงบันดาลใจและเริ่มหลงใหลในตำแหน่งนี้ ซึ่งอลิสซงเคยกล่าวว่า ฮีโร่ในวงการฟุตบอลของผมก็คือพี่ชายของผมเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูนับแต่นั้นเป็นต้นมา และเข้าสู่ทีมอคาเดมีของสโมสรในบ้านเกิดอย่าง อินเตอร์นาซิอองนาล ในปี 2002 เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ
Alisson Becker and his brother Muriel Becker
อลิสซงเริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งในปี 2013 หลังจากที่อยู่ในอคาเดมีของสโมสรมายาวนานกว่า 10 ปี เขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่โดยเริ่มจากการทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูสำรองให้กับพี่ชายของเขาเอง แต่ก็เกิดจุดเปลี่ยนขึ้น เมื่อพี่ชายของเขาได้รับบาดเจ็บจนต้องพักรักษาตัวในช่วงปี 2013 ทำให้ผู้จัดการทีมในเวลานั้นซึ่งก็คือ ดุงก้า ได้เห็นถึงความสามารถของอลิสซงและให้โอกาสเขาลงเล่นให้กับทีม ซึ่งจากพรสวรรค์และทักษะในการเป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาสามารถยึดมือหนึ่งของทีมได้สำเร็จนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
Alisson becker, Internacional 2013
อลิสซงได้รับความสนใจจากสโมสรในยุโรปมากมาย จนสุดท้ายก็เป็นทีมหมาป่าแห่งกรุงโรมอย่าง โรม่า ที่คว้าตัวอลิสซงไปร่วมทีมได้สำเร็จเมื่อปี 2016 แต่จุดเริ่มต้นไม่ได้สวยงามมากนัก เนื่องจากต้องเริ่มจากการเป็นมือสองของทีมไปก่อน รองจากผู้รักษาประตูตัวจริงของทีมในขณะนั้นคือ วอยเชียค เชสนี่ และเขาก็ไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียวในฤดูกาลนั้น ทำให้เขามีความคิดที่จะย้ายออกจากโรม่า
แต่อีกจุดเปลี่ยนชีวิตของอลิสซงก็คือการที่ เชสนี่ ถูก ยูเวนตุส ซื้อตัวไปในช่วงปี 2017 เพื่อเป็นตัวแทนของ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ทำให้อลิสซงได้รับโอกาสลงสนามในฐานะมือหนึ่งของทีมหมาป่าในฤดูกาล 2017-18 ซึ่งทางอลิสซง ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆในฤดูกาลนั้น โดยการเก็บคลีนชีตได้ถึง 22 นัดในทุกรายการ โดยเฉพาะการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ไม่เสียประตูในเกมเหย้าเลยจนถึงรอบรองชนะเลิศที่พบกับ ลิเวอร์พูล รวมถึงการโชว์ผลงานการเซฟอย่างต่อเนื่องในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
Alisson becker, Roma 2017-18
หลังจากนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2018 ที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ให้กับทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด จากความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยของ ลอริส คาริอุส ทำให้ทีมมองหาตำแหน่งผู้รักษาประตูใหม่ ทำให้ทาง คล็อปป์ ต้องรีบแก้ปัญหาโดยการเซ็นสัญญาคว้าตัวอลิสซงมาแทนที่ทันทีในปี 2018 ด้วยค่าตัว 72.5 ล้านยูโร ซึ่งเป็นค่าตัวสถิติโลกของตำแหน่งผู้รักษาประตูในขณะนั้น
ในฤดูกาลแรกอลิสซง โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครองได้สำเร็จ
Alisson Becker sign Liverpool 2018
และการเซฟที่เป็นสุดยอดเซฟอันนึงในชีวิตของอลิสซง คือจังหวะเซฟสำคัญในเกมรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดสุดท้ายที่พบกับ นาโปลี จากจังหวะยิงจ่อ ๆ ของ อาร์คาดิอุส มิลิค ในนาทีสุดท้ายของเกม ซึ่งการเซฟจังหวะนี้ช่วยให้ทีมไม่ถูกตีเสมอ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลสามารถผ่านเข้าไปแข่งขันต่อในรอบน็อกเอาต์ได้สำเร็จ และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็สามารถทะลุเข้ารอบไปได้เรื่อย ๆ จนสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 6 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ก็ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่มีเซฟนี้ของอลิสซง ลิเวอร์พูลก็คงไม่สามารถคว้าแชมป์ในปีนี้มาครองได้อย่างแน่นอน
Alisson save vs Napoli
อลิสซง ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2019-20 ซึ่งถือว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในช่วงนึงของชีวิตเลยก็ว่าได้ โดยในปีนี้เองทางอลิสซงสามารถทำแอสซิสต์แรกของตัวเองให้กับ ซาลาห์ ที่ลากเข้าไปยิงประตูได้ในศึกแดงเดือด และยังเป็นภาพที่ติดตาจนทุกวันนี้คือทางอลิสซงวิ่งจากหน้าประตูของตัวเองมากอดแสดงความดีใจกับซาลาห์ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกไปครองได้สำเร็จหลังจากรอคอยมากว่า 30 ปี รวมไปถึงแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลกอีกด้วย
After Alisson provided the assist he ran the full length of the pitch to be the first player to celebrate with Salah
ผลงานอีกอันนึงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือนัดที่ลิเวอร์พูลต้องบุกไปเยือนกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน โดยเกิดขึ้นในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเป็นปีที่ทีมฟอร์มตกหลังจากคว้าแชมป์ เนื่องจากการขาดผู้นำในแนวรับอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก ที่ได้รับบาดเจ็บหนักในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ จนต้องพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล รวมไปถึงฟอร์มของตัวอลิสซงเองที่ตกลงไป เนื่องจากคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ลิเวอร์พูลมีความสุ่มเสี่ยงที่จะหลุดท็อปโฟร์จากฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอมาตลอดทั้งฤดูกาล
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จะเรียกว่าเป็นสถานการณ์สร้างวีรบุรุษก็ว่าได้ โดยนัดนี้ทางลิเวอร์พูลจำเป็นต้องชนะสถานเดียวเพื่อต่อลมหายใจในการลุ้นท็อปโฟร์ ซึ่งในเกมนั้นลิเวอร์พูลบุกยังไงก็ไม่สามารถทำประตูแซงขึ้นนำเวสต์บรอมวิชได้ จนเมื่อใกล้หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุม และอลิสซงก็วิ่งขึ้นมาลุ้นทำประตูด้วย อลิสซงโหม่งทำประตูชัยในนาทีสุดท้าย เพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามารุมกอดแสดงความดีใจ กลายเป็นภาพที่แฟนหงส์แดงทุกคนยังคงติดตราตึงใจรวมถึงผมเองมาจนถึงทุกวันนี้
Alisson scores incredible last-minute winner for Liverpool to stun West Brom
อลิสซงได้กลายเป็นที่รักของชาวเดอะค็อปอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกับพาทีมผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลถัดไปได้สำเร็จ
หลังจากนั้นในฤดูกาลถัดมาจนถึงปัจจุบัน อลิสซงก็ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และได้เพิ่มสถิติแอสซิสต์ให้กับตัวเองในเกมที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ในฤดูกาล 2022-23 ที่ทำให้ยอดทีมเรือใบสีฟ้าพ่ายแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาล พร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ และเอฟเอ คัพได้สำเร็จในปี 2022 และหลังจบฤดูกาล 2022-23 เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรอีกด้วย
จากผลงานที่ได้กล่าวมาทั้งหมดของอลิสซง จะเห็นได้ว่าเขาเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมอย่างแท้จริง เป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมากว่า 30 ปี การเซฟสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 6 นอกจากนั้นยังเป็นส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์อื่นๆอีกมากมายให้กับลิเวอร์พูล
แล้วคุณหละ คิดว่าใครคือผู้เล่นที่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้..
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืม Like กด Share และกดติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :))
You’ll Never Walk Alone
LIVERPOOL TO THE MOON
#liverpooltothemoon #ynwa #alissonbecker #bestgoalkeeper
โฆษณา