Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 02:46 • ปรัชญา
พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช
ผู้ที่บิดเบือนพระธรรมวินัย เผยแผ่สัทธรรมปฏิรูป คือ ตัวอันตรายที่ทำลายพระพุทธศาสนาให้ยับเยิน ยิ่งกว่าอลัชชีที่ประพฤติมิชอบเป็นร้อยเท่าพันทวี
เพราะอลัชชีทำผิด ประพฤติผิด ก็เป็นเพียงความผิดเฉพาะตัว ย่อมทำลายตัวเองให้พินาศย่อยยับไปเท่านั้น มิได้ทำลายพระพุทธศาสนา แต่ผู้บิดเบือนพระธรรมวินัย เผยแผ่สัทธรรมปฏิรูป ย่อมทำให้คนหลงผิด เข้าใจพระธรรมวินัยผิด เป็นเหตุให้ปฏิบัติผิด ห่างไกลจากมรรค ผล นิพพาน
ทุกวันนี้ที่พระสงฆ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และเป็นข่าวฉาวในสื่อโซเชียล ล้วนเป็นเพราะไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยทั้งนั้น คือปฏิบัติตามใจตนเอง ไม่เชื่อถ้อยฟังคำพระเถรผู้ใหญ่ตักเตือน ไม่ยึดถือครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นแบบอย่าง
ทั้งยังตีความพระธรรมวินัยบิดเบือนคลาดเคลื่อนไปจากความจริง ไม่เคารพพระผู้มีพรรษาแก่กว่า ตามหลักอาวุโสภันเต เห็นแก่ลาภสักการะ ประพฤติตนนอกรีตนอกรอย อยากเด่นอยากดัง ติดสุขติดสบาย เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องสังหารทำลายพระภิกษุผู้โง่เขลาให้พังพินาศอย่างยับเยิน
บางพวกก็ชอบที่จะประพฤติอุตริแหวกแนว บางสำนักสวดปาติโมกข์เป็นภาษาไทย อันนี้ก็ถือเป็นสังฆกรรมวิบัติ แม้ท่านเหล่านั้นจะคิดว่าทำได้ก็ตาม
การสวดปาติโมกข์ต้องสวดเป็นภาษาบาลีเท่านั้น เพื่อรักษาคำตรัสดั้งเดิมของพระพุทธเจ้าให้คงไว้ตลอดไป และต้องสวดให้ถูกต้องตามอักขระฐานกรณ์ของภาษาบาลีด้วย จึงเป็นสังฆกรรมที่ถูกต้อง
ถ้าอยากแปลพระปาติโมกข์ให้เป็นภาษาท้องถิ่นเพื่อให้เข้าใจความหมาย ก็สามารถทำได้ แต่ให้รู้ว่า ไม่ใช่สังฆกรรม ควรไปศึกษาคำแปลภายหลังจากที่สวดภาษาบาลีแล้ว การจะเอาคำแปลภาษาไทย มาใช้แทนการสวดปาติโมกข์เป็นภาษาบาลี กระทำไม่ได้ ถ้าขืนทำก็เป็นสังฆกรรมวิบัติ เสมือนหนึ่งไม่ได้ทำสังฆกรรมใด ๆ ถูกปรับอาบัติปาจิตตีย์ และทุกกฏ
ถ้ามหาเถรสมาคม ปล่อยให้แต่ละสำนักนึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจชอบ โดยไม่คำนึงถึงพระธรรมวินัย และจารีตประเพณี ก็จะเป็นเหตุทำให้พระพุทธศาสนาถูกบ่อนทำลายให้เสื่อมสลายไปเร็วกว่าที่ควร
บางสำนักก็ไม่โกนคิ้ว โดยอ้างว่า พระวินัย ไม่มีกำหนดให้ต้องโกนคิ้ว พระวินัยให้โกนผมโกนหนวดโกนเคราเท่านั้น บางรูปเป็นมหาเปรียญ ๘-๙ ประโยค แต่กลับตีความพระวินัย ราวกับเป็นศรีธนญชัย เรียกว่า ไม่สมภูมิมหาเปรียญ
พระวินัยไม่ได้กำหนดให้โกนคิ้วก็จริง แต่มิได้หมายความว่า จะโกนคิ้วไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ใช้มหาปเทส ๔ เป็นหลักในการพิจารณาอนุโลม ในสิ่งที่ไม่ได้ทรงบัญญัติห้ามไว้ว่าไม่ควร หรือในสิ่งที่ทรงบัญญัติอนุญาตไว้ว่าควร
มหาปเทส ๔ อย่าง :-
๑.สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นอกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นกัปปิยะ สิ่งนั้นไม่ควร
๒.สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นอกัปปิยะ สิ่งนั้นควร
๓.สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นอกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นกัปปิยะ สิ่งนั้นไม่ควร
๔.สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นกัปปิยะ ขัดต่อสิ่งเป็นอกัปปิยะ สิ่งนั้นควร
ถ้าว่าโดยพระวินัย การโกนผม โกนหนวด โกนเครา ท่านอนุญาตไว้ว่า ควร คือไม่ให้ปล่อยไว้ให้นานเกิน ๒ เดือน หรือยาวเกิน ๒ นิ้ว หรือ ๒ องคุลี แล้วแต่อันใดจะถึงก่อน การโกนคิ้วก็สงเคราะห์เข้ากันได้กับการโกนผม โกนหนวด โกนเครา ก็ต้องถือว่า เป็นสิ่งที่ควรเช่นเดียวกัน อย่าไปอ้างว่า คิ้วมันยาวอยู่ที่เดิม ไม่ได้ยาวไปเรื่อย ๆ เหมือนผม เหมือนหนวด เหมือนเครา
ในเมื่อคณะสงฆ์ไทยมีธรรมเนียมปฏิบัติร่วมกันให้โกนผม โกนหนวด โกนเครา โกนคิ้ว ทุกวันโกน คือวันขึ้น ๑๔ ค่ำ หรือใครจะโกนวันแรม ๑๔ ค่ำ ด้วย ก็ไม่ว่ากัน ไม่ใช่เรื่องเสียหายถึงขั้นผิดธรรมผิดวินัย คณะสงฆ์โดยมากก็ยอมรับถือปฏิบัติตาม
ถ้าว่าโดยธรรม ธรรมท่านสอน “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี” ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ นำมาซึ่งความสุข ดังนั้น คณะสงฆ์ที่มีจิตสำนึกดีงาม จึงควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มันจึงเป็น สังฆโสภณ เป็นการทำหมู่สงฆ์ให้งดงาม งามด้วยศีลาจารวัตร งามด้วยข้อวัตรปฏิบัติอย่างเดียวกัน เป็นพหูสูต เป็นผู้ทรงธรรม งามด้วยความปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม จึงไม่ควรถือรั้นด้วยทิฏฐิมานะ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกในหมู่สงฆ์
การเรียนธรรมเรียนวินัย ก็เรียนมาเพื่อใช้สำรอกปอกกิเลสออกจากใจตนเท่านั้น ถ้าเรียนธรรมเรียนวินัยแล้ว ไม่ช่วยทำให้กิเลสความหลงผิดภายในใจมันลดลงเลย มิหนำซ้ำ ยังจะเพิ่มพูนกิเลสให้มากยิ่งขึ้น ด้วยทิฏฐิมานะถือตัวว่า ตัวเองเป็นผู้รู้ดี ฉลาดแหลมคมกว่าผู้อื่น อย่างนี้เรียกว่า โมฆะบุรุษโดยแท้
ธรรมท่านสอนไว้ “ฝึกตนเองดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า”
ครั้งพุทธกาลมีพระโปฐิละ เรียนจบจำทรงพระไตรปิฏก เป็นคณาจารย์ใหญ่ แต่พระพุทธเจ้าตรัสเรียก เป็นพระใบลานเปล่า ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน บวชมาไม่ทันไร ก็มาตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์ วางท่าสอนธรรมสูงส่งจรดเมฆ แต่ข้อวัตรปฏิบัติที่อยู่หลังฉากนั้น ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนน่าเป็นห่วง ชาวพุทธจงอย่าโง่หลงงมงายให้เขาจูงจมูก
การจรรโลงพระพุทธศาสนา จะไปมอบภารธุระตกแก่พระอุปัชฌาย์ อาจารย์ หรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ เป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททั้ง ๔ ต้องสามัคคีกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามฐานะของแต่ละคน
พระภิกษุ สามเณร ก็ต้องตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
อุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องตั้งมั่นอยู่ในศีล ๕ ศีล ๘ พร้อมทั้งอุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสามเณรด้วยปัจจัย ๔ อันควรแก่สมณบริโภค อีกทั้งยังต้องปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมศาสนวัตถุต่าง ๆ วัดวาอาวาส ที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดำรงอยู่ได้ พระพุทธศาสนาจึงจะสถิตวัฒนาสถาพรไปนานไกล
เมื่อใดที่พุทธศาสนิกชนไม่ใส่ใจอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา ไม่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด มิหนำซ้ำ ยังไปเหยียดหยามประณามผู้อื่น ด้วยอำนาจของความโลภ ความโกรธ ความหลง ศาสนาพุทธก็จักเสื่อมอยู่ภายในใจของผู้นั้นก่อน และจะเสื่อมไปเรื่อย ๆ จนไม่เหลืออะไรเลยในคนผู้นั้น จนกว่าจะได้ทำการปฏิบัติแก้ไขให้ถูกต้องตามสมควรแก่พระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดาจารย์เจ้าได้ทรงประทานโอวาทให้ไว้
ส่วนอายุของพระพุทธศาสนาทางภายนอกนั้น จะเสื่อมสลายไปในราว ๕,๐๐๐ ปี ตามที่พระบรมศาสดาจารย์เจ้าได้พยากรณ์เอาไว้ ด้วยจักเกิดอันตรธาน ๕ อย่าง คือ ปริยัติอันตรธาน ปฏิบัติอันตรธาน ปฏิเวธอันตรธาน ลิงคอันตรธาน และธาตุอันตรธาน ในที่สุด แสงสว่างแห่งธรรมก็จะหายไปจากโลกใบนี้ เหลือแต่ความมืดมนอนธการ
ดังนั้น ควรที่พุทธบริษัททั้ง ๔ จะพึงรักษาพระพุทธศาสนาภายในใจของตนไว้ให้จงดี อย่าปล่อยให้เสื่อมสลายไปทั้ง ๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่ในปัจจุบันบัดนี้เลย
ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘_๐๕
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย