Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 03:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สำรวจ 10 หุ้นกลุ่ม “3D” Top Pick ประจำไตรมาส 2/68
เปิดปี 2568 มาได้ไม่นานก็ทำเอาตลาดหุ้นปั่นป่วนไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นจากปัจจัยภายในประเทศหรือปัจจัยภายนอกประเทศต่างก็รุมเร้าจนดึงเอาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้จะมีบางวันที่สามารถไต่ขึ้นไปอยู่ที่แดนบวกได้บ้าง แต่ก็นับว่าสถานการณ์ยังไม่สู้ดีนัก ทำให้นักลงทุนต่างคิดหนัก ต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อสร้างผลตอบแทนหรือบรรเทาผลกระทบให้พอร์ตลงทุนของตนเอง
วันนี้ Wealthy Thai จึงมีกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจในไตรมาส 2/68 มาฝาก โดยเป็นมุมมองจาก บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ซึ่งเลือกหุ้น Top Pick ประจำไตรมาส 2/68 โดยเป็นการผสมผสานระหว่างหุ้นกลุ่ม ‘3D’ ทั้ง Deep value, Defensive และ Dividend ได้แก่ BCP, TOP, PTTGC, GPSC, CPF, BDMS, BH, TCAP, 3BBIF, LHHOTEL ล่าสุดหุ้นชุดนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยจากต้นไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 2.5% เมื่อเทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมของ SET Index ที่ 0%
ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานและคำแนะนำการลงทุนของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP บล.หยวนต้า แนะนำ “TRADING” ให้ราคาเป้าหมายที่ 39.00 บาท พร้อมคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 6.7 พันล้านบาท โตจากปีก่อน โดยแนวโน้มธุรกิจปี 2568 มีปัจจัยการเติบโตจากการดำเนินงานภายใน เช่น
1.อัตรากลั่นรวมเพิ่มเป็น 280 kbd (vs 258 kbd) เพราะไม่มีการหยุดซ่อมเหมือนปี 2567 และเร่งเพิ่มกำลังผลิตของโรงกลั่นศรีราชา 2) ปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 5% จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เช่น B24 MarineOil และกลยุทธ์การตลาด 3) การเร่งกิจกรรมขุดเจาะช่วยเพิ่มปริมาณผลิตแบบ Organic Growth
ส่วน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP บล.หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 31.00 บาท โดยมองว่าการถูกร้องจาก Samsung E&A (Thailand) และ Saipem Singapore ไม่กระทบต่อผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ เพราะ 1) กระบวนการก่อสร้าง CFP ยังเดินหน้าต่อตามปกติ 2) การเรียกรับหลักประกันตามเงื่อนไขในอนาคตไม่น่ามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ 3) กรณีเลวร้ายไม่กระทบต่องบกำไรขาดทุนอย่างมีนัยยะเพราะที่ผ่านมาบันทึกเงินหลักประกันส่วนใหญ่ผ่านงบแสดงฐานะการเงิน
ด้าน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท โดยคาดว่ากำไรปีนี้ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนมีตั้งด้อยค่าก้อนใหญ่ รวมถึงรับรู้ประโยชน์จากการใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเต็มปี อีกทั้งกลยุทธ์ลดค่าใช้จ่าย และการหยุดผลิต PTTAC และ Vencorex ช่วยให้ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท โดยมองว่าแนวโน้มกำไรระยะยาวจะถูกหนุนด้วยการเติบโตสูงของ RE ในอินเดียผ่าน Avaada ซึ่งมีโครงการในมืออยู่ระหว่างพัฒนาจำนวนมาก
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 28.40 บาท โดยคาดว่าราคาสุกรในประเทศจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นตลอดทั้งปี เนื่องจากปริมาณอุปทานที่ลดลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่คาดว่าในปริมาณสุกรเวียดนามจะลดลงอย่างมากถึง 30% ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่คาดว่าอุปทานจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้โดยรวมอุปทานทั้งปีทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS บล.หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 34.30 บาท โดยมองว่าหุ้น BDMS มีความเสี่ยงต่ำจากสงครามการค้า ด้วยกลุ่มรพ. ถือเป็นหุ้น Defensive มีความเสี่ยงต่ำในช่วงเศรษฐกิจมีความผันผวน นอกจากนี้ คาดผลประกอบการปี 2568 จะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นปรับลงสวนทางผลประกอบการที่เติบโตดี โดยซื้อขายที่ PER เฉลี่ย 10 ปีต่ำกว่า -2SD ซึ่งต่ำเกินไป จึงมองเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน
บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH บล.กรุงศรี แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 240.00 บาท โดยคาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวรายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/68 รวมทั้งคาดงวดครึ่งปีหลัง 2568 กลับมาเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากครึ่งปีแรก เนื่องจากมีปัจจัยฤดูกาลของการใช้บริการและ Intensity เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ราคาหุ้น BH ซื้อขายเทียบเท่า Forward PE ต่ำกว่า -1.0SD มองเป็นโอกาสลงทุน
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP บล.หยวนต้า แนะนำ “TRADING” ให้ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท โดยมองว่าแรงหนุนหลัก ๆ ในปี 2568 จะมาจากแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง ทั้งผลขาดทุนจากการขายรถยึดของ THANI และการตั้งสำรองที่ต่ำลงหลังเร่งตั้ง Management Overlay ไปมากและเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนการเติบโตของรายได้ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยคาด TCAP จะมีกำไรสุทธิในปี 2568 ที่ 7,600 ลบ. ฟื้นตัวขึ้น 14.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี หรือ 3BBIF บล.กรุงศรี แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 7.80บาท โดยคาดว่ากองทุนฯ มีความสามารถจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าเป็นสัญญาระยะยาว คาดให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 11% ต่อปี ประกอบกับต้นทุนการเงินที่มีความยืดหยุ่นทำให้มีสภาพคล่องและกระแสเงินสดดีขึ้น
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/68 คาดมีกำไรจากการลงทุน 1,558 ลบ. โต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดจ่ายผลตอบแทนเงินคืนทุนอัตรา 0.158 บาท (yield 2.8%) ส่วนปี 2568 คาดกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน และคาดจ่ายผลตอบแทนอัตราหน่วยละ 0.632 บาท (yield 11.3%)
ปิดท้ายด้วย ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล หรือ LHHOTEL บล.กสิกรไทย แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 14.90 บาท เนื่องจาก 1. เป็นกอง REIT โรงแรมที่ใหญ่ที่สุด โดยมีสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งในทำเลยุทธศาสตร์ และบริหารโดยแบรนด์ Grande Centre Point ที่มีชื่อเสียง 2. แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นำโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3. ประมาณการอัตราตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ
หุ้น
การลงทุน
เศรษฐกิจ
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย