2 พ.ค. เวลา 07:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
efinanceThai

Apple ลดซื้อหุ้นคืนลง 1 หมื่นล้านดอลล์ รับภาษีทรัมป์กระทบต้นทุน, ด้านยอดขายในจีนร่วง 2.3%

Apple ประกาศซื้อหุ้นคืน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทิม คุก ซีอีโอบริษัท เปิดเผยว่า มาตรการรีดภาษีนำเข้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเพิ่มต้นทุนประมาณ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้ เนื่องจากบริษัทกำลังปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานครั้งใหญ่ เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า
พร้อมกันนี้ ทิม คุก ยังระบุว่า แผนการลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะครอบคลุมทั้งการลงทุนในโรงงานเซิร์ฟเวอร์และชิปกับพันธมิตร รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Apple ยังเริ่มสะสมสินค้าคงคลังล่วงหน้า เพื่อให้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ขายในสหรัฐฯ ในไตรมาสนี้ ไม่ต้องนำเข้าจากจีน
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า หนึ่งในบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ กำลังเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น “เราคาดว่าจะเห็นการซื้อหุ้นคืนมากกว่านี้ การที่ Apple ลดวงเงิน น่าจะหมายความว่าทิม คุกกำลังกักตุนเงินสดเพื่อเตรียมรับมือช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
หลังประกาศผลประกอบการ พบว่าหุ้น Apple ลดลง 4.3% โดยแม้ยอดขายและกำไรสุทธิไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 95,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเล็กน้อย แต่รายได้จากจีนกลับลดลง 2.3% เหลือ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์และเป็นสัญญาณไม่ดีจากตลาดที่เคยเติบโตอย่างมาก
ทิม คุกกล่าวว่า iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ ไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่จะผลิตในอินเดีย ส่วน AirPods, iPad, Mac และ Apple Watch จะมาจากเวียดนาม แต่สินค้าสำหรับตลาดอื่นนอกสหรัฐฯ ยังคงผลิตในจีน
“เรามีห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน และมีความเสี่ยงเสมอ” พร้อมย้ำว่าการพึ่งพาประเทศเดียวมากเกินไปเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม ในด้านการลงทุนในสหรัฐฯ ทิม คุกระบุว่า Apple จัดหาชิปกว่า 19,000 ล้านตัวจากสหรัฐฯ และกำลังขยายโรงงานในรัฐต่าง ๆ เช่น เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย อริโซนา และนอร์ทแคโรไลนา โดยจะมีการลงทุนทางกายภาพเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ทิม คุก ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าจะย้ายการผลิตกลับสหรัฐฯ หรือไม่
ขณะที่ยอดขายในส่วนบริการ (เช่น App Store และ Apple TV+) เติบโต 12% สู่ระดับ 26,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการฟ้องร้องของรัฐบาลสหรัฐฯ และคำสั่งศาลที่อาจส่งผลต่อรายได้จาก App Store
ด้านยอดขาย iPhone อยู่ที่ 46,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ แต่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 2% จากปีก่อน ขณะที่รุ่นใหม่อย่าง iPhone 16e ที่เปิดตัวแทน รุ่น SE ราคา 599 ดอลลาร์สหรัฐ ถูกมองว่ามีราคาแพงกว่าคู่แข่งเป็นอย่างมาก
ในตลาดจีน Apple กำลังสูญเสียส่วนแบ่งทางตลาดให้กับแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Huawei และ Xiaomi โดยที่รัฐบาลจีนยังจำกัดการใช้เทคโนโลยีต่างชาติในที่ทำงาน นอกจากนี้ Apple ยังตามหลังด้าน AI เมื่อเทียบกับคู่แข่งในจีน และยังไม่มีแพลตฟอร์ม AI ที่ใช้งานได้ในประเทศ โดยทิม คุกกล่าวว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดบริการ AI ในจีนโดยร่วมมือกับ Alibaba และ Baidu พร้อมทั้งมีแผนเปิดตัว iPhone แบบพับได้ภายในปีหน้า
โฆษณา