เมื่อวาน เวลา 09:57 • ท่องเที่ยว
จังหวัดโอะกินะวะ

Road trip Okinawa สไตล์หอยทาก ep2

ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาต่อกันเลยดีกว่าครับ
เช้ามา แพลนวันที่2 เราจะเริ่มที่ ตลาปลา โทมาริ Tomari Fish market-ชิมกาแฟ สเปเชี่ยลตี้ที่ Yamada coffee Okinawa Chapter-กินไอศกรีม ประจำเมืองที่ blue seal สาขาmaki Minato-แล้วแวะผางวงช้าง cape munzamo-จบด้วยดูน้องฉลามวาฬ ที่Churaumi aquarium กันครับ
ไหนๆเราก็มาถึง แหล่งอาหารทะเลสดชั้นเลิศแล้ว เราจะมาพลาดกิน ปลาดิบ พวกนี้ได้ยังไงครับ
ตลาดปลาที่นี่จะไม่ได้ใหญ่มาก จากสตอรี่คร่าวๆ คือ ทางโอกินาว่าต้องการ โปรโมท Okinawa seafood เค้าจึงสร้าง Tomari-Iyumachi fish market ขึ้นมา เมื่อปี 2005 นี้เองครับ ซึ่งตลากปลาอินดอร์นี้ตั้งอยู่ใน พื้นที่ของ Tomari Fishing Port มีร้านค้าโดยรวมประมาน 23 ร้านค้า ทั้งขายแบบ ปลีกและส่ง เค้าว่า ในวันธรรมดาเนี่ย ปลาจะมาลงที่ ตลาดนี้อย่างน้อยๆ ก็มี20ตัน และในวันพีคๆ คือ 50ตันเลยที่เดียว ของขึ้นชื่อที่นี่ คือ ทูน่าครับ สัดส่วนของปลาที่นี่คือ ทูน่าเนี่ย 70เปอเซน ส่วนอีก 30จะเป็นปลาอื่นๆ
เรื่อคุณภาพเนี่ย ผมไม่ห่วงเลยครับ ของสดไม่เสียชื่อโอกินาว่า แน่นอน แต่ข้อเสียของที่นี่สำหรับนักท่องเที่ยวแบบผม คือ มีที่นั่งกินน้อยมาก อาจจะมีแค่ 4โต๊ะเองด้วยซ้ำ ซึ่งก็คือเราเดินซื้อ ไม่ว่าจะเป็นซุชิ ซาซิมิ แล้วก็มานั่งทาน แล้วก็ มูฟไปที่อื่นแบบเร็วๆ
ส่วน ราคานั้นผมว่าสมเหตุสมผลมาก ที่นี่มีทั้งปลานกแก้ว ซึ่งปลาตัวนี้เป็นปลาที่ที่ไทยไม่กินกันแล้ว น่าจะผิดกฎหมาย
แซลมอน บลูฟินทูน่า หรือ หอยโฮตาเตะ หรือ อูนิเป็นต้นครับ
โดยตลาดปลา จะเปิดตั้งแต่ 7ดมงเช้า ถึง 5โมงเย็น มีที่จอดรถเยอะมากครับ
จากนั้นก็มาต่อที่ร้านกาแฟ เลยครับ Yamada Coffee Okinawa Chapter ตัวร้านไม่ได้ใหญ่เลยครับเป็นฟิวตึก 2 คูหาติดกัน1ชั้นและมีที่จอดรถหน้าร้าน 2คัน แต่กาแฟอร่อยมาก มุมถ่ายรูปก็สวยไม่ว่าจะเป็น ในร้าน นอกร้าน และ อีกอย่างที่เซอไพร้ผมมากคือ Rasberry cookie หน้าตาจะเป็นคุ้กกี้ เนื้อเบา รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นมากก ทานคู่กับกาแฟ ดำ นะครับ เข้ากันสุดๆ กาแฟที่นี่แก้วนึงน่าจะ 800เยน ประมานนี้เลยครับ
โดยที่จุดเด่นของกาแฟที่นี้จะมี การคั่วเมล็ด สดๆ ให้ดู มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ภายในร้าน ส่วนเรื่องรสชาติของกาแฟ นั้น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะ มีการ Blend เมล็ด มาแล้วโดยที่ ที่ร้านจะขายกาแฟดำแบบ Drip เท่านั้น มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ คั่วอ่อน จนถึงคั่วเข้มเลยฮะ ส่วน พนักงานก็เฟรนลี่ อัพเซลเก่งครับ ผมเลยได้ ราสเบอรี่คุ้กกี้มาลอง
ส่วนร้านนี้น่าจะเป็น ร้านที่มีเฉพาะในโอกินาว่านะครับ เท่าที่ เสิชดู มี สองสาขาถ้วน
พอได้ คาเฟอีนบูสแล้ว ก็ พร้อมเดินทางออกนอกเมืองละครับ ทีนี้ สถานีต่อไป Blue Seal สาขา Maki minato ยอดฮิตนั่นเองง
ขับรถไม่นาน ก็มาถึง ใช้เวลาประมาน 26 นาที ก็ถึงที่หมาย การจราจรใน เมือ นาฮะ รถ ค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ถึงกับติดหนึง เหมือน สาธรบ้านเราแน่นอน การขับรถ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางตรง อย่างเดียว สิ่งที่ต้องคอยสังเกต คือ สัญญานไฟ จราจร กับ ทางม้าลายครับ
Blue seal ยี่ห้อไอศกรีมชื่อดังประจำจังหวัดโอกินาว่า ถ้า พี่ๆ สังเกต ตั้งแต่แลน จะเห็นป้าย ไอศกรีมนี่ ทุกที่เลย ไม่ว่าจะเป็น ร้านไอศกรีมเองก็ดี หรือ ร้านขายของฝาก ที่จะ มี ลูกอม เป็นรสต่างๆ ของบลูซีลนี้ แม้กระทั่ง แม่เหล็กเอย เสื้อเอย พวกกุญแจเอย
พิพิ
ส่วนสาขา มากิมินาโตะ ที่ผมมา นั้นค่อนข้างโปร่ง มี ที่จอดรถ เยอะ เพราะ ว่าน่าจะเป็น เดสติเนชั่นของนักท่องเที่ยว เนื่องด้วย ตัว อาคาร ตกแต่แบบ ย้อนยุก กันสาด เป็น สีส้ม สลับขาว หน้า ร้าน มีป้าย Blue seal ที่ ใหญ่โตเป็นจุดเด่น สำหรับการถ่ายรูป ส่วน ด้านใน ตกแต่ ด้วยไฟเส้นสีส้ม ให้ความรู้สึกย้อนยุก บวกกับ ชั้นสอง มี ทพัน ประวัติ ของ ร้านบลูซีลแห่ง จังหวัดโอกินาว่านี้นี่เอง
ส่วนสาขา มากิมินาโตะ ที่ผมมา นั้นค่อนข้างโปร่ง มี ที่จอดรถ เยอะ เพราะ ว่าน่าจะเป็น เดสติเนชั่นของนักท่องเที่ยว เนื่องด้วย ตัว อาคาร ตกแต่แบบ ย้อนยุก กันสาด เป็น สีส้ม สลับขาว หน้า ร้าน มีป้าย Blue seal ที่ ใหญ่โตเป็นจุดเด่น สำหรับการถ่ายรูป ส่วน ด้านใน ตกแต่ ด้วยไฟเส้นสีส้ม ให้ความรู้สึกย้อนยุก บวกกับ ชั้นสอง มี พิพิธภัณฑ์ ประวัติ ของ ร้านบลูซีลแห่ง จังหวัดโอกินาว่าแห่งนี้นี่เอง
สโลแกนที่ผมชอบมากของ ร้านนี้คือ "Born in America, and raised in Okinawa"
ผมเห็นความ ลงตัวของ สองชาติ นี้ ผ่านไอศกรีมนี่แหละ
เรื่องของเรื่องคือ เจ้า บลูซีลเนี่ย แต่ก่อน มันคือ โฟโมส ยี่ห้อนม ของ อเมกา นี่หละ ครับ Long story short ง่ายๆ คือ หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง อเมริกา มาตั้งฐานทัพ ที่โอกินาว่า จากนั้น ตัว เจ้าโฟโมสนี่หละมาตั้งฐาน เพื่อ ซัพพลาย วัตถุดิบ ประเภท นมต่างๆ ในฐานทัพในปี 1948 ไม่นานสถานการณ์ ก็เบาบางลง โฟโมส ก็ย้ายฐานตัวเองมาที่ มากิมินาโตะและเริ่มขาย ไอศรีม สู่สาธารนชน ในปี 1963
อีก13ปีให้หลังโฟโมสก็ได้ เปลี่นนเป็น Foremost Blue seal เพราะ ทางโฟโมสได้รับรางวัล Blue ribbon award ที่แสดงถึง best quality of dairy product และ ในปี 2013 ก็ทำการรีแบรนตัวเอง เป็น Blue seal แบบ เต็มตัว อย่างเป็นทางการ จนถึง ปัจจุบันนี้ ครับ
ไอศกรีมรสเด็ด แนะนำ เลยคือ Okinawa salt / Blue seal / Pineapple ครับ ถ้าได้ทาน สามรสนี้แล้ว ผม บอกเลย ว่า พี่ๆ มาถึงโอกินาว่าแล้วครับ
รส เกลือโอกินาว่าให้ความรู้สึก หวานนำ เค็มปลาย คล้ายๆ กิน Salted caramel เว้นแต่ ไม่หวานเลี่ยน เหมือนคาราเมล
Blueseal รสนี้ ผมซื้อ เพราะชื่อ และ สีสัน ครับ สีฟ้าตัด ขาว เหมือนโลโก้เค้าเลย ส่วนรสชาติเนี่ย หอม มัน หวาน แกลมเปรี้ยว อร่อย
และตัวสุดท้าย ถ้าเป็นคนที่ชอบทานสับปรสแล้วนั้น พี่ๆ ต้องเลิฟ แน่นอน หอมสับปะรด โอกินาว่า มี นมหน่อยๆ กล่อมลงตัวว นัวววว!
และก่อนไปก็อย่าลืมถ่ายรูปกับป้าย บลูซีลที่ลานจอดรถด้วยนะครับผม
ถัดมาก็จะเป็น ผา งวงช้าง Manzamo cape อีกหนึงเเลนมาร์คของเกาะโอกินาว่า
เค้าว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอีกหนึ่งจุดที่เป็น one of the best scenic ที่ห้ามพลาดเลยครับ ชมวิวทะเล พร้อมกับฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าผา มันก็สบายหูดีเหมือนกันนะครับ
จากกนั้น ก็ขับรถอีกประมาน ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงเขต โมโตบุ ที่เป็นสถานที่ตั้งของ
อควาเรี่ยมชื่อดังของ ญป ที่ได้ฉายาว่า เป็น อควาเรี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
ซึ่ง เดี๋ยวเราจะแวะเช็คอินกันก่อน สักครู่ ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ผมว่าเป็นขั้นตอนที่ผมไม่ต้องมาเล่าก็ได้ ถ้ามันเป็นเหมือนการเช็คอินธรรมดาทั่วไป แต่ว่า………
มันไม่ธรรมดาสำหรับผมน่แหละ ครับ ด้วยครวามที่ว่า ที่พักที่ผมพักวันนี้ เป็นเหมือน Hotel apartment ที่ ห้องที่เลือกเป็นแบบ high floor กว้าง 80กว่า ตรม นอนกันได้ 8คนสบายๆ แถมวิวเป็น วิวทะเล คืนนึ่งผมได้มาในราคา 7พันนิดๆ ถ้าหาร 8คนนะ ตกไม่เกินคนละ 1ใบเทาแน่นอน
ความสะดสกสบายนั้น ค่อนข้าง สบายเลยครับ มี 1ห้องนอน สองห้องน้ำ มี เตียงที่ห้องนั่งเล่น 2เตียง และมีฟูกนอนพื้นให้อีก 3ผืนแล้ะโซฟาที่นอนได้อีก1 ครับ ภายในห้อง มี ทีวี ตู้เย็น อ่างแช่น้ำ เตาไฟฟ้า กาต้มน้ำร้าน เครื่องซักผ้า ครบจบเลย
ส่วนขั้นตอนการเช็คอินนั้น คือ ไอแพด ที่เค้าวางไว้ให้ที่ชั้น 1 โดยการที่เรากรอกข้อมูล ถ่ายรูปพาสปอด ถ่ายรูปหน้าเรา แล้ว จะมีการ vdo คอล จากเจ้าหน้าที่ เพื่อยืนยันตัวตน ก่อนที่จะได้รับ รหัส สำหรับเข้าห้องและ ประตูก่อนเข้าตึกครับ
ส่วนชั้น1 มี Family mart ให้บริการตฃลอด 24 ชม เลยครับ
หลังจาก เช็คอินแบบรวดเร็วเพื่อคอนเฟิมว่าคืนนี้มีที่ซุกหัวนอนแล้วนั้น เราก็ขับรถต่อมาอีก 5นาทีเป็นอันถึง Churaumi Aquarium อควาเรี่ยม ซึ่งความพิเศษของที่นี่นั้นคือ มี สปีชี่ของสัตว์น้ำมากกว่า 710 สายพัน และยิ่งไปกว่านั้นคือ น้อง ฉลามวาฬอายุ 30ปี ยาว 8เมตร หนักกว่า 6000กิโลกรัม เมื่อสมัยที่ผมมาเมื่อปี19นั้น มีน้องสองตัว แต่ตอนนี้เหลือน้องแค่ตัวเดียว เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้กลับมาเจอน้องทั้งสอง แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ได้มาเจอน้องฉลามเบิ้ม ตัวนึงก็ดีแล้ว ไหนจะ น้องๆ ตัวอื่นๆอีกมากมาย
ที่นี่จะ ประกอบไปด้วยทั้งหมด 4ชั้น ทั้ง Indoor และ outdoor โซนภายในจะเป็น
อควาเรี่ยม ส่วน โซนด้านนอกจะเป็นบ่อเต่า บ่อโลมา ครับ ปล มีการแสดงโลมาด้วยนะครับ ใครจะไปอาจจะต้องเช็คเวลาอีกรอบ ที่นี่เวลาเปิด ปิด ทำการนั้น ไม่เท่ากันในแต่ละ ฤดูกาลนะครับ ส่วนราคาตั๋ว ตกอยู่ที่ท่านละไม่เกิน 500บาท สำหรับ ผู้ใหญ่
ภายในค่อนข้างกว้างขวาง มี ทั้งโซนปะการัง ปลาน้ำลึก ฉลามและ แทงค์ใหญ่ที่เป็นพระเอก ของ เราที่มี น้องฉลามวาฬว่ายอยูข้างใน ซึ่ง Pattern ของน้ำเค้าจะว่ายเป็นวงกลมรอบแทงค์ หากถ่ายรูปไม่ทัน สักแปปน้องก็จะวนกลัมมาอยู่ดีครับ หากเดินเขามาอีกหน่อยจะมีห้องให้เรานั่ง เพื่อดูใต้ท้อง ของน้องฉลามวาฬเวลาว่ายผ่านเราด้วยนะครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากของการมา ที่นี่คือ อะไรรู้ไหมครับ
ผมชอบ น้องหนอนทะเลครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่า น้องคือปลา คือ งู หรือ คือ หนอน น้องมีลำตัวยาวอยุ่ในทราย 2/3 ส่วนหัว จะโผล่ออกมา 1/3 มี สัสันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เหลือง ขาว ส้ม อะไรพวกนี้ น้องจะ ตั้งตัวตรง ละก็ จะขยับตาม คลื่นใต้น้ำ
น้องเค้ามีความ ตาใส ล่องละลอย ไปมา น่ารักอย่างบอกไม่ถูก
ซึ่งหลังจาก ชม เสร็จแล้ว ทางออกก็จะมีร้านขายของที่ระลึก ละสิ่งที่ผมได้มา คือ เจ้า Ice tray รูป ปลาต่างๆใน อควาเรี่ยมรวมถึง น้อง หนอนน้อยยของผมด้วยยครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผม คือ ตู้กาชาปอง ของที่ อควาเรี่ยม
ในช่วงยุคนี้ที่กล่องสุ่ม นั้นค่อนข้าง ฮิตและ บูมมาก ใช่ครับ ผมก็ เป็น หนึ่งในเหยื่อ ที่มาก่อนกาลที่กล่องสุ่มเค้าจะฮิตกัน
กล่องสุ่มของผมจะมาใน รูปแบบของ กาชาปอง ไม่ว่าจะ มีกี่แบบก็ตาม แล้วถ้าผมบอกว่า ขออย่าให้ได้ ตัวนั้นตัวนี้ แทบจะ ทุกครั้ง เอาเป็นว่า 8ใน10 ผมจะ ได้ในตัวที่ไม่อยากได้ ถมไป T_T
ที่นี่เค้ามี กาชาปอง แบบ พิเศษของเค้าโดยเฉพาะ ซึ่ง ลาย ฟิกเกอ ที่มีนั้นค่อนข้างสวยมาก มีทั้งแบบน้องฉลามวาฬ 1 ตัว2 ตัว หรือ มีเต่า มี โลม ตาม ดวงที่สุ่มได้เลย ส่วนของผมนั้น แอบหวังว่าอยากได้ อันที่เป็น น้องฉลามวาฬว่ายสวนกัน ซึ่งมีความยาก ถึง 1ต่อ 6 ก็เกรงว่าอาจจะไม่ได้แน่ๆ
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครับ ครั้งนี้ดวงคงจะอยู่ข้างผม เพราะผมไม่ได้กดเอง ผมให้ เพื่อนข้างๆ กดให้หน่อย เพราะ มีความรู้สึกว่า จะเกลือ แน่ถ้ากดเอง
และด้วย บุญบารมีของเพื่อน ได้ มาเป็นน้องฉลามวาฬตัวเดียวซึ่งก็ยังถือว่าเป็น สิ่งที่อยากได้ อยู่ครับ
ไม่แน่ใจว่า พี่ๆ มี ประสบการเกลือ เหมือนผม มากน้อยแค่ไหน แต่เรื่องเกลือนี่ ผมเบอหนึ่งเลยครับ
น้องน่ารักม้ากกกก
จาก อควาเรี่ยมไม่นาน ก็ได้เวลา อาหารเย็นที่รอคอย อาหารเย็น ที่จะทานวันนี้อยากเน้น ฟิว อิซากายะ นั่ง ชิวๆ กิน แอล สนุกสนาน แต่ประเด็น คือ ช่วงเวลาที่เราไป นั้นเป็นช่วง ทานข้าวเย็นของคนที่นั่นพอดี ทำให้ไม่ว่าจะไปร้านไหน คนก็เยอะ เดี๋ยวร้านแรก ที่นั่งไม่พอ บ้าง อีก อันต้องนั่งแยก บ้าง
จนได้มาเจอร้านที่มีที่นั่งพอดีกับ เรา และ มีดนตรีแบบ พื้นบ้านด้วย เราเข้าไป แบบคนเด๋อๆด๋าๆ ที่ เปิด แมพ แล้วจิ้มร้าน ดู รีวิว ดูเมนูที่อยากทานกันเอา ที่ไหนได้พอเข้าไป เป็นร้านอาหาร ที่คิดว่า ไม่น่าจะ รอด แต่ อาหารแทบทุกอย่างคืออร่อย แบบเซอไพร้มาก ชาบูหมูอากู(หมูสายพันธุ์ เฉพาะ ของโอกินาว่า ) หรือจะของทานเล่น จำพวก เต้าหู้จิมามิ ชุบแป้งทอด (อร่อยมากๆ) สาหร่ายทอด ทานกับเบีย Orion เบียร์ ประจำเมืองนี้นะครับ สุดยอด เข้ากันสุดๆ
ส่วนอีกสิ่งที่ เซอไพร้คือ การ ขับร้องและเล่นดนตรีพื้นเมืองของโอกินาว่า ให้ฟิวเหมือน ท่องบทกล่น มีทำนองเป็นกลอน อะไรประมานนั้นครับ ส่วนค่าเสียหาย แอบ จุก ทานกัน สี่คน โดนไป เกือบ สามหมื่นเยน เต่ ถ้า เทียบกับ ประสบการ ที่ได้รับแล้วนั้น ถือว่าคุ้มค่าแก่การจดจำมากครับ ไหนๆก็มาเเล้ว อะไรที่ไม่ได้ทำก็ต้องได้ทำครับ ถึงเเม่จะไม่ได้อยู่ในแพลนก็ตาม ฮ่าๆ
โฆษณา