2 พ.ค. เวลา 10:36 • กีฬา

Roberto Firmino ตำนาน False 9 ผู้เป็นหัวใจและจิตวิญญาณของทีม

โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ บาร์โบซา จี โอลีเวย์รา เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ หรือ บ็อบบี้ เฟอร์มิโน่ เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีทักษะยอดเยี่ยมที่สุดในโลกคนนึง โดยเฉพาะในด้านการเลี้ยงบอล การควบคุมบอล การจ่ายบอล และการทำประตู
เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร ครอบครัวของบ็อบบี้เผชิญปัญหาด้านการเงิน บริเวณที่เขาอยู่อาศัยเต็มไปด้วยอาชญากรรม ทำให้ทุกๆ วันของเขาต้องต่อสู้เพื่ออยู่รอดเพื่อครอบครัวและความฝัน และท้ายที่สุด พ่อแม่ของเขาช่วยปกป้องและส่งเขาไปทำตามฝัน นั่นคือการเล่นฟุตบอลและโด่งดังจนถึงทุกวันนี้
เฟอร์มิโน่ เริ่มต้นอาชีพกับทีมเยาวชนที่สโมสรในลีกบราซิลอย่าง ฟิเกอเรนซ์ ใน ค.ศ. 2009
เฟอร์มิโน่ ได้สังกัดที่ศูนย์ฝึก CRB ก่อนจะไปเตะตาทีมเก่าแก่ของบราซิลอย่าง ฟิเกอเรนซ์ ที่มอบโอกาสให้เขาสัมผัสฟุตบอลระดับอาชีพครั้งแรก และเขาก็ตอบแทนด้วยประตูเป็นกอบเป็นกำช่วยทีมเลื่อนชั้นขึ้นลีกสูงสุดของบราซิล พร้อมตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยม จนไต่เต้ามาสู่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในบุนเดสลีกาเยอรมัน ที่เขาใช้เวลาบนลีกเมืองเบียร์กว่า 5 ปี ร่ายมนต์บนพื้นหญ้าจนกลายเป็นตัวรุกดาวรุ่งที่เนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งของฟุตบอลยุโรปในเวลานั้น
Roberto Firmino, Figueirense FC
เฟอร์มิโน่ เล่นให้กับสโมสรฮอฟเฟ่นไฮม์ เป็นระยะเวลา 4 ฤดูกาล ตั้งแต่เมื่อฤดูกาล 2013-2014 โดยบ็อบบี้สามารถทำไปได้ 16 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 33 นัด ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของลีก
แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่กราฟของ บ๊อบบี้ กำลังพุ่งแรงแซงทางโค้ง ลิเวอร์พูลในการคุมทีมของ แบรนดอน รอดเจอร์ ก็กำลังค่อยๆ ตกลง หลังจากพลาดแชมป์ลีก และเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง หลุยส์ ซัวเรส แนวรุกที่หามาเติมก็ไม่มีใครทดแทนได้ ทำให้หงส์แดงต้องดิ้นรนในตลาดซื้อขายเพื่อยกระดับเกมรุกของทีม นั่นทำให้เส้นทางของบ๊อบบี้กับลิเวอร์พูลมาบรรจบกันในที่สุด
Robeto Firmino, TSG Hoffenheim
และด้วยฟอร์มอันโดดเด่นของ เฟอร์มิโน่ ในตอนนั้น ทำให้ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เฟอร์มิโน่ ได้ตกลงเซ็นสัญญากับทีมหงส์แดงลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานคนนี้นั่นเอง
เฟอร์มิโน่ เป็นกำลังสำคัญที่พาทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี ที่เดอะค็อปทุกคนรอคอย
Roberto Firmino Sign Liverpool, 2015
นอกจากนั้นผลงานในทีมชาติ เฟอร์มิโน่ลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และเป็นตัวแทนทีมชาติในการแข่งขันโคปาอาเมริกา 2015, ฟุตบอลโลก 2018 และโคปาอาเมริกา 2019 ซึ่งในปีนั้นเองทีมชาติบราซิล สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอีกด้วย
Roberto Firmino, Brazil Copa America 2018
เฟอร์มิโน่ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นศูนย์หน้าที่ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง ซาดิโอ มาเน่ หรือ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ แต่บทบาทของศูนย์หน้าบราซิเลียนรายนี้ กลับมีความสำคัญต่อระบบการเล่นของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นอย่างสูง ที่เรียกว่าระบบนี้แทบจะขาดเขาไปไม่ได้เลยทีเดียว
เฟอร์มิโน่ ถูกเซ็นมาเพื่อเล่นเป็นปีกซ้าย ร่วมกับศูนย์หน้าอย่าง คริสตียง เบนเทเก้, แดนนี่ อิงส์, และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ แต่ช่วงที่ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวโดดเด่นขึ้นมาจริง ๆ ก็คือช่วงเวลาที่ คล็อปป์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม และได้ปรับบทบาทของเขาให้มาเล่นเป็น False 9 หรือหน้าเป้าตัวหลอก
ภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ ตัว เฟอร์มิโน่ ก็ได้ฉายแสงแบบเต็มๆ โดยเฉพาะในเกมที่ลิเวอร์พูลต้องออกไปเยือน เอติฮัด สเตเดียม ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริผู้ยิ่งใหญ่ เขามีส่วนร่วมกับแทบทุกประตูในเกมนั้น ด้วยลีลาการเล่น และที่สำคัญ การเล่นเป็นกองหน้าแต่เล่นเกมรับวิ่งปั่นปวนกองหลังคู่ต่อสู้ ที่กลายมาเป็นเทรดมาร์กของลิเวอร์พูลจวบจนยุคปัจจุบัน
เกมนั้นบ๊อบบี้ บีบให้กองหลังเรือใบสีฟ้าทำเข้าประตูตัวเอง ก่อนแอสซิสต์ให้ คูตินโญ่ และทำประตูแรกบนสีเสื้อหงส์แดงได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 4-1 จบเกมวันนั้นเดอะค็อปทุกคนถูกจุดประกายด้วยความหวัง การเอาชนะ แมนซิตี้ แบบถล่มทลายที่บ้านของพวกเขา ด้วยสไตล์การเล่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ พวกเขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และ นักเตะที่ชื่อว่า โรแบร์โต เฟอร์มิโน่
Liverpool’s Roberto Firmino races away from Manchester City
Si Señor Pass the ball to Bobby and he'll score นี่คือท่อนคุ้นเคยของเสียงเพลงเชียร์อันที่ดังกระหึ่มทุกครั้งที่ทีมลิเวอร์พูลลงทำการแข่งขันในยุคหลัง แม้ว่าเจ้าของบทเพลงจะได้ลงสนามหรือไม่ก็ตาม โดย “Si Señor” มีทำนองดั้งเดิมมาจากเพลงเชียร์ของแฟนบอลสโมสร ริเวอร์ เพลท ในอาร์เจนติน่าก่อนจะถูกเดอะค็อปดัดแปลงเนื้อร้องเพื่ออุทิศให้ชายที่ชื่อ โรแบร์โต เฟอร์มิโน่ และมันก็กลายเป็นเพลงเชียร์เฉพาะตัวนักเตะที่ถูกร้องบ่อยกว่าใครเพื่อนเลยทีเดียว
บทบาทการเล่น False 9 ของเฟอร์มิโน่ ต้องอาศัยพละกำลังที่มากกว่าปกติ ทั้งจากการต้องวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งเกม ทักษะการเล่นที่ต้องมีชั้นเชิง และพร้อมมีบทบาททั้งกับเกมรุกกับเกมรับได้นั้น ทำให้มีผู้เล่นอยู่ไม่กี่รายเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น False 9 ระดับโลก หนึ่งในนั้นคือ ลีโอเนล เมสซี่ ของบาร์เซโลน่ายุครุ่งเรือง คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
ศูนย์หน้า False 9 รายนี้ มักลงมาล้วงบอลที่กลางสนาม เพื่อช่วยให้แดนกลางสามารถขึ้นเกมบุกได้ในทันที หรือมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวเข้าเพรสบอลจากคู่แข่ง ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้เกม เกเก้นเพรสซิ่ง ของ ลิเวอร์พูล มีประสิทธิภาพสูงมากในช่วงเวลาหนึ่ง
Roberto Firmino, Si Señor
เพราะนิยามของนักเตะรายนี้คือ ศูนย์หน้าที่ไร้ความเห็นแก่ตัวที่สุดที่เกมฟุตบอลเคยมีมา เฟอร์มิโน่ เปล่งประกายดั่งอัญมณีเวลาอยู่ในสนาม เขาทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปกับลีลาเฉพาะตัวของเขา แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็พร้อมที่จะส่งความเปล่งประกายนั้นต่อให้เพื่อนๆ เจิดจรัสกว่าตนเอง คอยทำเกมให้ตัวรุกอย่าง มาเน่ ซาล่าห์ หรือไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเขา
การวิ่งไล่เพรสของเขา เปรียบเสมือนกองหลังตัวหน้าสุดของทีม นั่นคือแม้ ลิเวอร์พูล จะลดความดุดันของการบี้เพรสซิ่งแย่งบอลจากคู่แข่งลง แต่ เฟอร์มิโน่ ก็ยังรู้จังหวะว่าเขาควรเข้าประกบนักเตะตัวไหน หรือช่วยเพื่อนในจังหวะใดเพื่อให้สามารถชิงการครองบอลคืนมาได้
ในเวลาเดียวกัน เฟอร์มิโน่ ก็เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดตัวประกบจากคู่แข่ง ทั้งเซ็นเตอร์แบ็คที่ต้องดันสูงขึ้นมาแย่งบอลจากเขา หรือมิดฟิลด์เกมรับที่มักเข้ามารุมมาร์คตำแหน่งกันมากกว่า 1 คน ซึ่งแปลว่าผู้เล่นคนอื่นของ ลิเวอร์พูล จะมีพื้นที่ว่างให้ขึ้่นไปเข้าทำได้ง่ายดายขึ้น
จากวันนั้นจนวันนี้เราได้เห็นบ๊อบบี้ร่ายมนตร์ลงบนพื้นหญ้าร่วมกับนักเตะแนวรุกลิเวอร์พูลมากมายตั้งแต่ “FAB FOUR” จนมาถึง “SMF” หรือสามประสาน ซาล่าห์, มาเน่, เฟอร์มิโน่ ที่นับว่าเป็นแนวรุกที่อันตรายที่สุดชุดหนึ่งในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ พาลิเวอร์พูลกวาดครบทุกแชมป์ ซึ่งนอกจากเวทย์มนตร์ที่เกิดจากฝีเท้าของเขาแล้วนั้น ทัศนคติอันยอดเยี่ยมของ บ๊อบบี้ ที่มีต่อเกมฟุตบอลก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว
FAB FOUR
เฟอร์มิโน่ เปรียบเสมือนกาวที่เชื่อมต่อทุกคนไว้ด้วยกัน ไม่ใช้แค่เพียงสามกองหน้าเท่านั้น แต่เป็นทั้งทีม เหตุการณ์ที่แฟนหงส์หลายคนคงจำได้ดี คือปฏิเสธการทำประตูด้วยการแตะบอลง่ายๆ หน้าประตู ทั้งๆ ที่มันเป็นประตูโบนัสที่ เฟอร์มิโน่ ยิงเข้าไปจะทำให้เจ้าตัวได้รับเงินกินเปล่าถึง 45,000 ปอนด์ หรือกว่า 2 ล้านบาท ตามสัญญา แถมในตอนนั้นเจ้าตัวยังรับเงินอยู่แค่ราวๆ 68,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น แต่ก็เลือกที่จะให้มันกับ ซาดิโอ มาเน่ ที่ควรได้เครดิตมากกว่า
เหตุการณ์ง่ายๆ แบบนี้แหละที่สรุปทัศนคติของเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันเคลือบอยู่ในทุกการคิด ทุกจังหวะที่เขาสัมผัสบอลในสนาม และมันทำให้ทีมเป็นปึกแผ่นมากขึ้น ทุกคนในทีมรักที่จะได้เล่นกับเฟอร์มิโน่ เห็นได้จากการที่หากเมื่อไหร่ที่เขายิงประตูได้ เราก็จะเห็นนักเตะทุกคนวิ่งยิ้มร่ามาเฮกับเขาไม่ว่าประตูนั้นจะสำคัญขนาดไหนก็ตาม
เฟอร์มิโน่เป็นหนึ่งในหัวใจหลักของทีม ที่ทำให้ทีมเดินหน้าไปสู่จุดสูงสุดได้สำเร็จ กับการคว้าแชมป์รายการต่าง ๆ ตั้งแต่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปี 2019 ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, สโมสรโลก, และพรีเมียร์ลีกในปี 2020 ก่อนจะตามมาด้วยถ้วยคาราบาวคัพ เอฟเอคัพ และคอมมูนิตี้ ชิลด์ ในปี 2022 ที่เรียกได้ว่า เฟอร์มิโน่ พาทีมเก็บมาครบทุกแชมป์รายการใหญ่หมดเรียบร้อยแล้ว
Roberto Firmino, Uefa Champion League 2019
จุดเปลี่ยนของเฟอร์มิโน่ เริ่มมาจากวิกฤติกองหน้ามีอาการบาดเจ็บรบกวนหลายคน จนช่วงหนึ่งที่มีเพียง โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ที่ฟิตพร้อมลงเล่นตัวจริง ทำให้ คล็อปป์ ต้องตัดสินใจเสริมทัพเอา โคดี กั้กโป มาร่วมทีมในตลาดหน้าหนาว
เมื่อรวมกับตัวหลักชุดใหม่อย่าง ดิโอโก้ โจต้า, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ และบรรดาดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ นี่ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว กับการที่ เฟอร์มิโน่ จะก้าวออกมาอย่างตำนาน เช่นกันกับฝั่งของลิเวอร์พูลที่ต้องเตรียมปรับรูปแบบสร้างแนวรุกขึ้นมาใหม่
และด้วยวัยของ เฟอร์มิโน่ ที่อายุมากขึ้นจนเลยเลข 3 มาแล้ว ทำให้โอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่องย่อมน้อยลงไป เช่นเดียวกันกับการต่อสัญญาจากสโมสร ที่ไม่อาจได้ค่าเหนื่อยสูง หรือมีระยะเวลาที่ยาวนานได้เหมือนก่อน ดังนั้นการอำลาจากถิ่นแอนฟิลด์ ที่ทำให้เขาสามารถย้ายทีมแบบฟรีค่าตัว จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาในเวลานั้น
หลังร่วมผจญภัยกับยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอซี่ไซต์มาเป็นเวลาเกือบทศวรรษ พาทีมหงส์แดงบินสูงประกาศศักดาครองโลกลูกหนังอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก ในที่สุด เฟอร์มิโน่ ก็ได้ตัดสินใจประกาศอำลาทีมหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2022/2023
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยสำคัญที่นักบอลคนหนึ่งจะถูกแฟนๆ หลงรัก นั่นคือคุณต้องเป็นนักเตะมีทักษะฝีเท้าที่อยู่ในระดับยอดเยี่ยม เพราะยิ่งคุณเป็นนักเตะที่ฝีเท้าดีเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่คุณจะสร้างความสุขให้แฟนบอลได้บ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าบ๊อบบี้ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยผลงาน 111 ประตู กับอีก 72 แอสซิสต์
ตลอดการค้าแข้งกับลิเวอร์พูล ด้วยเทคนิค วิธีการเล่น มันสมอง และเหนือสิ่งอื่นใด ลีลาการเล่นฟุตบอลแบบฉบับแซมบาอันน่าตื่นเต้นที่ยากจะหาใครเทียบ การเล่นบอลด้วยส้นเท้าอันเป็นเอกลักษณ์ ทำประตูด้วยท่าทางมหัศจรรย์ แถมยังการันตีด้วยสถิตินักฟุตบอลบราซิลที่ทำประตูและแอสซิสต์มากที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก
Roberto Firmino and Liverpool's three other departing players were given a guard of honour at full-time
นี่คือเรื่องราวของ ชายที่ไม่ได้ถูกยกย่องเยี่ยง “ราชา” แบบ “คิงเคนนี่” หรือ “คิงโม” ไม่ได้ถูกศรัทธาดุจ “พระเจ้า” แบบฟาวเลอร์ แต่มีฉายาเรียบง่ายว่า “บ๊อบบี้” ที่ทุกคนหลงรักสุดหัวใจ..
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืม Like กด Share และกดติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :))
You’ll Never Walk Alone
LIVERPOOL TO THE MOON
#liverpooltothemoon #ynwa #robertofirmino #false9
โฆษณา