2 พ.ค. เวลา 15:29 • ข่าวรอบโลก

เกาหลีใต้ทรุด! เศรษฐกิจสะดุด-ผู้นำ “ลาออกยกแผง” กลางศึกภาษีสหรัฐฯ

เศรษฐกิจเกาหลีใต้ปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง เหลือ 1.6% ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ผู้นำทีมเศรษฐกิจรัฐทยอยลาออกช่วงเจรจาการค้าสหรัฐฯ
เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 2025 กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากภาวะชะลอตัวภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอก โดยคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตเพียง 1.6% ลดลงจาก 2.0% ในปี 2024 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ยังไม่เต็มที่ ขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มชะลอลงจากปีที่ผ่านมา
แม้การบริโภคภาคเอกชนจะขยับขึ้นจาก 1.1% เป็น 1.6% เนื่องจากผลจากการลดดอกเบี้ยและสถานการณ์การเมืองที่เริ่มคลี่คลาย แต่ภาคการลงทุนยังเผชิญความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างที่คาดว่าจะหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่สองที่ -1.2% จาก -2.7% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ยังซบเซาและเงื่อนไขการระดมทุนของธุรกิจก่อสร้างตึงตัว
ด้านการส่งออกซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจเกาหลีก็เริ่มอ่อนแรง โดยคาดว่าจะเติบโตเพียง 1.8% จากที่เคยขยายตัว 6.9% ในปีก่อนหน้า ท่ามกลางสภาวะการค้าระหว่างประเทศที่เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับภาคเซมิคอนดักเตอร์ที่แม้จะมีโมเมนตัมเชิงบวก แต่การคาดการณ์การค้าเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลกปี 2025 ก็ถูกปรับลดจาก 25.2% เหลือ 13.4%
เมื่อรวมกับปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ราว 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าเงินวอนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ภาพรวมทางเศรษฐกิจจึงยังไม่สดใส แม้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 99,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคก็มีแนวโน้มลดลงจาก 2.3% เหลือ 1.6% ตามแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่นเดียวกับอัตราว่างงานที่คาดว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% จาก 2.8% ในปีก่อน ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 คน ลดลงจาก 160,000 คนในปีก่อนหน้า สะท้อนภาวะประชากรวัยทำงานที่ลดลงและการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน
ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซา เกาหลียังต้องเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยิ่งทวีความรุนแรง เมื่อหัวเรือใหญ่ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลทยอยลาออกพร้อมกันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยฮัน ด๊อกซู นายกรัฐมนตรีรักษาการได้ยื่นลาออกเมื่อวันที่ 1 พ.ค. เพื่อเตรียมตัวลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะเดียวกันชเว ซังมก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลยุทธ์และการคลัง ซึ่งคาดว่าจะขึ้นทำหน้าที่รักษาการแทน ก็ประกาศลาออกเช่นกัน ก่อนที่จะมีการยื่นญัตติถอดถอนจากพรรคฝ่ายค้าน
ภายหลังการลาออก ชเว ซังมก แถลงขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศกำลังเผชิญภาวะวิกฤต โดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า ความว่างเปล่าของผู้นำเศรษฐกิจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เกาหลีใต้ต้องเร่งวางกลยุทธ์การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเวที “2+2 Trade Consultation” ที่เพิ่งตกลงกันว่าจะเร่งเดินหน้าเจรจาใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ ภาษี การลงทุน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และอัตราแลกเปลี่ยน
แต่การลาออกของผู้บริหารเศรษฐกิจชุดเดิมทำให้เกิดความล่าช้าในการวางยุทธศาสตร์และการประสานงานเชิงนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นค่าเงินซึ่งเพิ่งกลายเป็นวาระหลักในการเจรจาภาษีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ
ในระหว่างนี้ อี จูโฮ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ได้ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการแทน แต่ก็เกิดข้อกังวลว่าเขาจะสามารถรับมือกับการเจรจาเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้หรือไม่
ด้านพรรคพลังประชาชนออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่าใช้กรณีถอดถอนรองนายกฯ ชเวเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง หลังศาลฎีกามีคำตัดสินให้ส่งคดีการละเมิดกฎหมายเลือกตั้งของนายลี แจมยอง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคประชาธิปัตย์กลับไปพิจารณาใหม่ โดยระบุว่า “เป็นการเมืองแบบนักเลงในตรอก” และไม่ควรนำความโกรธแค้นทางการเมืองมาโยนใส่บุคคลอื่น
เมื่อการเมืองกลายเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนถูกสั่นคลอน เกาหลีใต้จึงต้องเผชิญกับภาวะยากลำบากทั้งในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและเสถียรภาพของการบริหารประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจในระยะยาวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว
1
อ้างอิง: kdi, businesskorea
โฆษณา