Lei Jun ผู้นำผู้ถ่อมตน ที่ปลุกปั้น Xiaomi ให้ยิ่งใหญ่
“Steve Jobs ไม่ได้แค่ให้กำเนิด Apple แต่ให้กำเนิด Xiaomi ด้วย”
ที่บอกแบบนี้เพราะว่า เรื่องราวของ Steve Jobs
ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กมัธยม ชื่อ Lei Jun (อ่านว่า เหลยจวิน) เดินทางสายผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี
กลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Xiaomi ในปี 2010 และใช้เวลาเพียง 15 ปี สร้างมันขึ้นมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีมูลค่ากว่า 6 ล้านล้านบาท ในวันนี้
อาณาจักรนวัตกรรม ที่สร้างทุกอย่างให้ทุกคนบนโลกใช้
สินค้าดิไซน์ดี ราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ ตั้งแต่สมาร์ตโฟน เครื่องฟอกอากาศ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ และวันนี้กำลังโลดแล่นในวงการรถยนต์ไฟฟ้า
ทุกวันนี้ Lei Jun ได้กลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจไอคอนิก ที่ชาวจีนยกย่องชื่นชมมากที่สุด
แล้วแรงบันดาลใจจาก Steve Jobs ส่งถึง Lei Jun อย่างไร ?
กว่าจะเป็น Lei Jun อย่างวันนี้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นจากเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองเซียนเถา มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน
Lei Jun เกิดเมื่อปี 1969 ในครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย พ่อแม่ทำงานราชการ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Lei Jun แตกต่างจากเด็กคนอื่นคือ ความกระหายในการเรียนรู้เทคโนโลยีตั้งแต่ยังเด็ก
โดยช่วงมัธยม เขาได้อ่านชีวประวัติของ Steve Jobs
และนั่นเป็นตัวจุดประกายไฟความฝันให้กับเขา ที่อยากสร้างบริษัทเทคโนโลยีของตัวเอง และเปลี่ยนแปลงโลกให้ได้เหมือนกับ Steve Jobs..
เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยอู่ฮั่น สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในจีน และจบการศึกษาออกมาในปี 1991
ซึ่งระหว่างเรียน เขายังเริ่มบ่มเพาะความเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมในตัวด้วย โดยได้ร่วมกับเพื่อนก่อตั้ง Rose Studio ซึ่งตัวเขาได้พัฒนาเครื่องมือซอฟต์แวร์หลายอย่าง ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 22 ปี
พอหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย Lei Jun จึงรวมตัวกับเพื่อนก่อตั้งสตาร์ตอัป Sanse ที่เริ่มต้นด้วยการขายคอมพิวเตอร์ จากนั้นขยายไปสู่การพัฒนาซอฟต์แวร์ รวมถึงบริการพิมพ์และถ่ายเอกสาร
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อย และการแข่งขันที่สูง ทำให้บริษัทไปไม่รอด จึงต้องปิดตัวในเวลาไม่นาน แทนที่จะเป็นตามที่เขาคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
และของที่เขาเหลือติดมือกลับบ้านจากบริษัทนี้ มีเพียงแค่คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง เท่านั้น
แผลนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญว่า
แม้เราจะผลิตสินค้าได้ดีแค่ไหน หากไม่รู้จักดูแลคนในทีม ไม่สร้างความเชื่อใจระหว่างกัน ธุรกิจก็ไม่อาจเดินต่อไปได้
ในปี 1992 Lei Jun จึงเข้าร่วมงานกับบริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังของจีนอย่าง Kingsoft ซึ่งตอนนั้นกำลังพยายามแข่งขันกับ Microsoft ในตลาดซอฟต์แวร์ออฟฟิศ
ด้วยฝีมือและความทะเยอทะยาน เขาไต่เต้าขึ้นเป็น CEO ของ Kingsoft ในเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น
ภายใต้การนำของเขา Kingsoft เติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถ IPO เข้าตลาดหุ้นฮ่องกงในปี 2007
ซึ่งนับเป็นผลงานชิ้นโบแดง ที่ปูทางจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยหลังจากนั้นเขาตัดสินใจลาออกจาก Kingsoft
ก่อนที่ปี 2010 ได้ก่อตั้งบริษัท Xiaomi ขึ้นมา
ร่วมกับพาร์ตเนอร์หลายคน รวมถึงอดีต Engineering Director ของ Google คือ Lin Bin (หลิน ปิน)
และตั้งเป้าหมายจะทำ “สมาร์ตโฟนคุณภาพสูง ในราคาจับต้องได้”
Xiaomi ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ Mi1 ครั้งแรก ในปี 2011 โดยขายผ่านออนไลน์เท่านั้น
และใช้การตลาดแบบ “เชิญชวนเพื่อน” ระบบขายแบบบอกต่อ ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่สูงมาก
ซึ่งหลังเปิดตัวเพียงแค่ปีเดียว บริษัทก็มียอดขายสมาร์ตโฟนที่สูงถึง 7 ล้านเครื่อง
โมเดลช่วงแรกของ Xiaomi คือ ตั้งใจขายโทรศัพท์มือถือราคาต่ำ แต่เน้นขายปริมาณมาก เอามาร์จินสินค้าบาง แต่ไปหากำไรจากบริการเสริม เช่น แอปฯ หรือบริการใน Ecosystem แทน
และต่อมา Xiaomi ก็ได้ขึ้นมาเป็นสมาร์ตโฟนเบอร์ 1 ในจีน และติดอันดับ 3 ของโลก
Lei Jun ไม่เพียงแค่เน้นพัฒนาสมาร์ตโฟน
แต่เขายังขยายไลน์สินค้าไปใน Artificial Intelligence of Things ที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ตทีวี หลอดไฟ กล้องวงจรปิด
รวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ เช่น สายรัดข้อมือ Mi Band และล่าสุดยังขยายไปสู่ธุรกิจใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi EV
การขยายสินค้าของ Xiaomi ไม่ได้จำกัดแค่ผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง แต่เป็นการสร้าง Ecosystem ที่เชื่อมโยงสินค้าแต่ละชิ้นเข้าด้วยกัน
สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาใช้สินค้าของ Xiaomi เพิ่มขึ้น
ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยให้ Xiaomi เติบโตและยึดฐานลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น แทบไม่ต่างอะไรกับ Apple
ด้วยปรัชญาของ Lei Jun ที่ว่า
ทำของดี ราคาถูก เพื่อเข้าถึงคนส่วนใหญ่
ปรับตัวเร็วในโลกที่เปลี่ยนเร็วสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ “จริงใจ” และ “ทำเพื่อผู้ใช้”
ผลลัพธ์ในวันนี้ Xiaomi มีมูลค่าตลาดกว่า 6 ล้านล้านบาท
มีผลิตภัณฑ์กว่า 200 ชนิดใน Ecosystem
มีผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนทั่วโลกมากกว่า 600 ล้านเครื่อง
แม้จะเป็น CEO และผู้ก่อตั้งของ Xiaomi บริษัทเทคโนโลยีมูลค่ากว่า 6 ล้านล้านบาท
แต่ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงเมื่อเห็น Lei Jun คือชายใส่เสื้อเชิ้ตเรียบ ๆ กับกางเกงยีน ไม่สวมสูทหรู ไม่เน้นภาพลักษณ์ยิ่งใหญ่
และเวลาเกิดปัญหา ก็กล้าที่จะรับผิดชอบ และจัดการในทันที อย่างช่วงปี 2015 เมื่อยอดขาย Xiaomi ตก
เขากล้าขึ้นเวทียอมรับความผิดพลาดว่า
“เราโตเร็วเกินไป บริหารไม่ดีพอ”
ก่อนจะลงมือปรับปรุงซัปพลายเชน ตรวจสายการผลิตด้วยตัวเอง จน Xiaomi ฟื้นตัวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
และเขายังเคยบอกอีกว่า “หากไม่มีทีม Xiaomi ก็ไม่มีผมในวันนี้ และหากไม่มีผู้ใช้ เราคงไม่มีเหตุผลอยู่ที่นี่” อีกด้วย
แล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ ?
เรื่องราวของ Lei Jun ไม่ใช่แค่จบที่ความสำเร็จในการ
สร้างบริษัทที่มีมูลค่าหลายล้านล้านบาท ในเวลาเพียง 15 ปี
แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คงไม่ใช่ตัวเลขหรือชื่อเสียง
แต่อาจเป็น “หัวใจของผู้ประกอบการ” ที่มีวิสัยทัศน์
ความเป็นผู้นำที่ถ่อมตน เข้าใจและเคารพผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้ร่วมก่อตั้ง พนักงาน พาร์ตเนอร์ รวมไปถึงผู้ใช้
ทำให้เรื่องราวของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวจีนทั้งประเทศ รวมถึงผู้คนทั่วโลก ไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ทำให้เขาก่อตั้ง Xiaomi ขึ้นมา จนสร้างนวัตกรรมที่เข้าถึงชีวิตประจำวันของผู้คนได้
ซึ่งไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง เราอาจได้เห็นบริษัทนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างคุณค่าให้กับผู้คนทั่วโลก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Lei Jun ปรากฏขึ้นมาอีก ก็เป็นได้..
- 52
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
