20 พ.ค. เวลา 11:00 • การศึกษา

## Episode119: Kinesiology of the Hip joint#2

Bony structure of the hip joint ##
ในบทความนี้ผมจะเริ่มพูดถึง anatomy ของข้อสะโพกครับ โดยจะเริ่มจากโครงสร้างกระดูกที่มาประกอบกันเป็นข้อต่อสะโพก ซึ่งประกอบด้วยกระดูก 2 ชิ้นหลักๆคือ acetabulum ที่เป็นส่วนหนึ่งของ pelvis และ femur ที่เป็นกระดูกต้นขาครับ
ส่วนแรกที่เราจะพูดถึงคือ "acetabulum" ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นเบ้าสะโพก มีลักษณะเป็นแอ่งรูปถ้วยครึ่งทรงกลม(hemispherical socket) อยู่ทางด้านข้างของ pelvis เกิดจากการรวมตัวกันของกระดูก ilium, ischium และ pubis ทั้ง 3 ชิ้น โดยกระดูกแต่ละชิ้นจะมาเชื่อมต่อกันที่ตำแหน่งที่เราเรียกว่า "triradiate cartilage" ในช่วงที่เรายังโตไม่เต็มที่ และจะกลายเป็นกระดูกชิ้นเดียวกันเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่
ขอบของ acetabulum จะมีกระดูกอ่อนที่เรียกว่า "acetabular labrum" ซึ่งจะช่วยเพิ่มความลึกให้กับเบ้าสะโพก ทำให้หัวกระดูก femur เข้าไปอยู่ในเบ้าได้แน่นมากขึ้น นอกจากนี้ labrum ยังช่วยในเรื่องของการหล่อลื่น และการกระจายแรงกดภายในข้อต่อด้วย
ส่วนพื้นผิวด้านในของ acetabulum จะเป็นรูปตัว C โดยส่วนที่เป็นผิวข้อ(articular surface) จะเรียกว่า "lunate surface" มีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ปกคลุมด้วยกระดูกอ่อนผิวข้อ ส่วนตรงกลางที่เป็นแอ่งลึกลงไปเราเรียกว่า "acetabular fossa" ซึ่งเป็นที่อยู่ของ ligamentum teres และไขมัน โดยส่วนที่เป็นรอยหยักด้านล่างของ lunate surface เราเรียกว่า "acetabular notch" ซึ่งเป็นช่องทางผ่านของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงข้อสะโพกครับ
acetabulum จะหันออกด้านข้าง ลง และไปทางด้านหน้าเล็กน้อย โดยทำมุมกับ sagittal plane ประมาณ 45 องศา และทำมุมกับ transverse plane ประมาณ 15 องศา ทำให้ femoral head เข้าไปอยู่ในเบ้าได้พอดีและมั่นคง
ส่วนต่อมาคือกระดูก "femur" หรือกระดูกต้นขา เป็นกระดูกท่อนยาวที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย โดยส่วนที่มาเชื่อมต่อกับ acetabulum คือส่วนของ "femoral head" ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกลม(spherical) ขนาดประมาณ 2/3 ของทรงกลม ผิวด้านนอกปกคลุมด้วยกระดูกอ่อนผิวข้อ ยกเว้นบริเวณตรงกลางที่มีรอยบุ๋มเล็กๆ เราเรียกว่า "fovea capitis" เป็นจุดเกาะของ ligamentum teres ที่ยึดระหว่าง femoral head กับ acetabular fossa
Femoral head จะเชื่อมต่อกับส่วนลำตัวของกระดูก femur ด้วยส่วนที่เรียกว่า "femoral neck" ซึ่งจะทำมุมกับแกนของ femoral shaft ประมาณ 125 องศา เราเรียกมุมนี้ว่า "neck-shaft angle" หรือ "angle of inclination" ถ้ามุมนี้มากกว่า 125 องศา เราเรียกว่า "coxa valga" จะทำให้ขาดูยาวกว่าปกติ แต่ถ้ามุมน้อยกว่า 125 องศา เราเรียกว่า "coxa vara" จะทำให้ขาดูสั้นกว่าปกติ ความผิดปกติของมุมนี้จะส่งผลต่อการกระจายน้ำหนักที่ลงสู่ข้อสะโพกด้วยครับ
นอกจากนี้ถ้าเรามองจากด้านบน femoral neck จะทำมุมกับ frontal plane ประมาณ 12-14 องศาไปทางด้านหน้า เราเรียกมุมนี้ว่า "angle of anteversion" ถ้ามุมนี้มากเกินไปเราเรียกว่า "femoral anteversion" จะทำให้ขาบิดเข้าด้านใน แต่ถ้ามุมน้อยหรือหันไปด้านหลังเราเรียกว่า "femoral retroversion" จะทำให้ขาบิดออกด้านนอก ความผิดปกติของมุมนี้จะส่งผลต่อการเดิน และอาจทำให้เกิดปัญหาที่ข้อเข่าและข้อเท้าตามมาได้ครับ
บริเวณที่ femoral neck ต่อกับ femoral shaft จะมีปุ่มกระดูกยื่นออกมา 2 ปุ่มใหญ่ๆคือ "greater trochanter" อยู่ทางด้านข้าง และ "lesser trochanter" อยู่ทางด้านใน ปุ่มกระดูกทั้ง 2 นี้เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อสะโพกที่สำคัญหลายมัด
Greater trochanter จะเป็นปุ่มที่ใหญ่กว่า อยู่ด้านนอก สามารถคลำได้ที่สะโพกด้านข้าง เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อ gluteus medius, gluteus minimus และกล้ามเนื้อ external rotator หลายๆมัด ส่วน lesser trochanter จะเป็นปุ่มที่เล็กกว่า อยู่ด้านใน เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อ iliopsoas ที่สำคัญในการงอสะโพก
ระหว่าง greater trochanter กับ lesser trochanter จะมีสันกระดูกเชื่อมต่อกันทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง เราเรียกว่า "intertrochanteric line" ทางด้านหน้า และ "intertrochanteric crest" ทางด้านหลัง ซึ่งเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อและ joint capsule ที่สำคัญครับ
โดยสรุปแล้ว hip joint เป็นข้อต่อแบบ ball-and-socket joint ที่เกิดจากการเชื่อมต่อกันระหว่าง acetabulum กับ femoral head โดยมีการออกแบบให้มีความมั่นคงสูง เพื่อรองรับน้ำหนักตัวและการเคลื่อนไหวต่างๆของร่างกายได้ดี การที่เราเข้าใจเรื่องของโครงสร้างกระดูกเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น ในบทความหน้าผมจะมาพูดถึงเรื่องของ ligament และ joint capsule ที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับข้อสะโพกต่อนะครับ
ถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ผมฝากกด like กดแชร์ กดติดตามเพจphysioupskillด้วยนะครับ ส่วนถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรก็commentไว้ด้านล่างได้เลยครับ
_PhysioUpskill_
#Physioupskill
#hipjoint
#kinesiology
⭐สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถอ่านบทความอื่นๆได้ที่ https://physioupskill.com/บทความ/ หรือดูรายละเอียดคอร์สเรียนของเพจได้ที่ https://physioupskill.com/คอร์สเรียน/ ได้เลยครับ
Ref.
Neumann, D. A. (2017). Kinesiology of the musculoskeletal system: Foundations for Rehabilitation. Mosby.
Drake, R., Vogl, A. W., & Mitchell, A. W. M. (2019). Gray's Anatomy for Students.
Moore, K. L., Dalley, A. F., & Agur, A. M. R. (2018). Clinically Oriented Anatomy. Wolters Kluwer.
Agur, A. M. R., Dalley, A. F., & Grant, J. C. B. (2013). Grant's Atlas of Anatomy. Lippincott Williams & Wilkins.
โฆษณา