2 พ.ค. เวลา 15:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“ถ้ายอมรับการขาดทุนไม่ได้ ก็ไม่ควรเล่นหุ้น”

5 บทเรียนการลงทุนของ จอห์น โบเกิล นักลงทุนที่ปู่วอร์เรนต้องยกย่อง
จอห์น โบเกิล เป็นนักลงทุนที่ตั้ง “กองทุนดัชนี” กองแรกของโลกได้สำเร็จ ชื่อว่า Vanguard 500 Index Fund มีจุดเด่นตรงที่ค่าธรรมเนียมต่ำมากเพียง 0.25% ซึ่งต่างจากกองทุนเชิงรุกที่มักจะมีค่าธรรมเนียมราวๆ 1.5-2.5% และในระยะยาวกองทุนของโบเกิลก็สร้างผลตอบแทนอย่างงอกงาม เอาชนะกองทุนส่วนใหญ่ได้
ในงานประชุมผู้ถือหุ้นเบิร์กไซต์ฮาธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในปี 2017 เขาถึงกับกล่าวยกย่องว่า “จอห์น โบเกิล คือฮีโร่ของชาวอเมริกันอย่างแท้จริง” เพราะเขาช่วยให้ผู้คนนับล้านมีเงินออมอย่างมั่นคง
ฟังแค่นี้เพื่อนๆ คงอยากทราบกันแล้วใช่ไหมล่ะครับว่า โบเกิลมีแนวคิดอย่างไรที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดนักลงทุน ที่ได้รับการยอมรับมากสุดในศตวรรษที่ 20 แม้กระทั่งวอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังต้องยกย่อง
วันนี้ aomMONEY จะขอหยิบยก 5 บทเรียนการลงทุนของโบเกิล มาเล่าสู่กันฟังครับ
1) ควรหาโอกาสลงทุนให้ไวที่สุด
“ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่นักลงทุนต้องเผชิญ ไม่ใช่ความผันผวนในระยะสั้น แต่เป็นความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนจากเงินทุนเดิมต่างหาก”
การออมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ เพราะในขณะที่ออม เราต้องรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้เงินของเราลดมูลค่าลง ซึ่งเมื่อเทียบกับการลงทุน ทั้งในตราสารทุนหรือหุ้น ที่อาจมีความเสี่ยงและความผันผวนในระยะสั้น แต่มันย่อมดีกว่าการไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย แถมยังมีความเสี่ยงที่มูลค่าของเงินจะลดลงเสียด้วยซ้ำ
2) เวลาคือเพื่อนที่ดีที่สุด
“แม้จะเป็นการลงทุนเพียงเล็กน้อยในช่วงอายุ 20 ปี ก็มีโอกาสที่จะเติบโตเป็นจำนวนเงินมหาศาล ในตลอดช่วงอายุการลงทุน”
โบเกิลแนะนำว่า เราควรลงทุนให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะยิ่งเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้นในระยะยาว หรือหากเกิดข้อผิดพลาดก็จะไม่เจ็บตัวมากเกินไป
3) อารมณ์และความรู้สึก คือศัตรูที่แท้จริง
“ถ้าทนเห็นหุ้นลดลง 20% ไม่ได้ คุณก็ไม่ควรที่จะอยู่ในตลาดหุ้น”
นักลงทุนหลายคนเผชิญกับคำว่าล้มเหลว และมักจะลงเอยด้วยการขายเมื่อตลาดตกต่ำ และซื้อเมื่อราคามันสูงขึ้น เพราะพวกเขาปล่อยให้อารมณ์มากำหนดเงื่อนไขและกลยุทธ์นั่นเอง หากคิดจะลงทุนก็ควรยอมรับการลดลงของมูลค่า 20-30% ทุกๆ 2 หรือ 3 ปี เพราะหลังจากนั้นมันจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด เพื่อแตะระดับสูงใหม่อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาตามบริบทในแต่ละสถานการณ์ด้วยนะครับ
4) ต้นทุนต่ำไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลตอบแทนต่ำเสมอไป
“ต้นทุนที่ต่ำก็ย่อมมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งบางครั้งมันให้ผลตอบแทนสูงกว่าพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูงเสียด้วยซ้ำ”
การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องของความเสี่ยง และตัวเลขผลตอบแทนเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึง “ความสมดุล” ระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนด้วย ดังนั้นการกำหนดกลยุทธ์ในการซื้อ-ขาย จึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะมีต้นทุนมากหรือน้อยก็ตาม
5) ทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้
“คุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าดูตลาดตลอดเวลา แต่สิ่งที่ต้องทำคือแค่ทำตามแผนของตัวเอง”
ในหนังสือ “The Little Book of Common Sense Investing” เขาเน้นการลงทุนในระยะยาว โดยไม่รีบตัดสินจากสภาวะของตลาดในระยะสั้น ซึ่งนั่นหมายถึงการลงทุนในเชิงรับ ที่โบเกิลมักอิงดัชนีไปกับตลาดนั่นเอง
ในการลงทุนไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม เพื่อนๆ ควรเลือกรูปแบบการลงทุนให้เข้ากับตนเอง โดยศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และควรทำแบบประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนที่จะลงทุนนะครับ
นี่เป็นเพียงบทเรียนส่วนหนึ่งจากเจ้าพ่อนักลงทุนเชิงรับแห่งศตวรรษที่ 20 ถึงแม้ว่าจอห์น โบเกิล จะจากไปแล้ว แต่บทเรียนของเขาก็ถูกนำมาปัดฝุ่น และเป็นแบบอย่างให้กับนักลงทุนหลายล้านคนทั่วโลก aomMONEY เชื่อว่าบทความชิ้นนี้จะเป็นส่วนช่วยให้เพื่อนๆ นักลงทุนประสบความสำเร็จได้นะครับ
#หุ้น #ลงทุน #จอห์นโบเกิล #JohnBogle
#MoneyHack #aomMONEY
โฆษณา