2 พ.ค. เวลา 15:02 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Starship กลับมาอีกครั้ง​ IFT-9️⃣ (Static Fire)

ความหวังใหม่ของการเดินทางข้ามระบบสุริยะ
หากเอ่ยถึงจรวดที่โลกจับตาและได้รับการพูดถึงมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คงไม่มีชื่อไหน
โดดเด่นไปกว่า "Starship" ยานอวกาศขนาดมหึมาที่พัฒนาโดยบริษัท SpaceX เพราะนี่ไม่ใช่แค่
ยานขนส่งธรรมดา แต่คือความหวังในการนำมนุษยชาติไปไกลกว่าที่เคยไปถึง จุดหมายปลายทางที่ไกลเกินกว่าดวงจันทร์ และอาจหมายถึง
ดาวอังคารหรือแม้แต่ดาวเคราะห์อื่นในอนาคต
(จะตื่นเต้นอะไรนักหนากับ
เจ้าจรวด​ Starship HLS 🚀)​
ความน่าตื่นเต้นของ Starship นอกจากขนาด​ อยู่ที่แนวคิดและเทคโนโลยีการออกแบบ เพราะคือ ▪️
‼️จรวด 2 ขั้นที่ตั้งเป้านำกลับ
มาใช้งานใหม่ได้​ทั้งสองส่วน‼️
(จรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้​ 🚀🌫️🌫️)
หากทำได้สำเร็จ จะนับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีระบบขนส่งอวกาศขนาดใหญ่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ครบทั้งยานขนส่ง​ และบูสเตอร์ ต่างจากปัจจุบันที่
แม้เทคโนโลยีของ SpaceX เองจะสามารถนำ
บูสเตอร์​ของ Falcon 9 หรือ​ Flacon​ Heavy​
กลับมาลงจอดได้ แต่ยานส่วนบนหรือหัวจรวด
ยังไม่สามารถนำกลับมาซ่อมแซมและใช้ใหม่
ได้อย่างเต็มระบบ
🧿 Starship ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้เป้าหมายระยะยาวในการรองรับการเดินทางระหว่างดาวเคราะห์ ไม่ใช่แค่โคจรรอบโลกหรือบินไป-กลับดวงจันทร์เท่านั้น แต่ตั้งใจเป็นยานหลักสำหรับโครงการตั้งถิ่นฐานถาวรบนดาวอังคารในอนาคต นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทุกการทดลองของ Starship ถูกจับตามองจากทั้งวงการวิทยาศาสตร์อวกาศและผู้สนใจเทคโนโลยีทั่วโลก
แม้การทดสอบก่อนหน้านี้ 2 ครั้งจะยังไม่เป็นไป
ตามเป้าหมาย มีปัญหาในการควบคุมและ
การกลับลงจอด จนหลายคนอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
ล่าสุดในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
Starship ได้เดินหน้าเตรียมความพร้อมสำหรับ
การบินทดสอบครั้งที่ 9 มีแผนจะเกิดขึ้นในช่วง
กลางเดือนพฤษภาคมนี้
หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมยาน
ก่อนการปล่อยจริง คือการ "Static Fire Test"
หรือการทดสอบจุดระเบิดเครื่องยนต์โดยที่
ตัวยานยังอยู่กับที่ ครั้งนี้ Starship ดำเนินการ
จุดระเบิดเครื่องยนต์ Raptor เพียงแค่ หนึ่งเครื่อง
ในขั้นตอนจำลองสถานการณ์เผาไหม้ในอวกาศ ( InSpace Burn)​
การทดสอบ In-Space Burn นี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการพิสูจน์ว่าเครื่องยนต์ของ Starship สามารถทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพในสภาพแวดล้อมไร้แรงโน้มถ่วง ในภารกิจจริง ยานจะต้องเปิดเครื่องยนต์ในอวกาศอีกหลายครั้ง ทั้งในระหว่างการเปลี่ยนวงโคจร การเดินทางข้ามระยะทางไกล และการชะลอตัวเพื่อเตรียมลงจอด
🧿 แม้ว่า Static Fire Test ครั้งนี้จะเกิดขึ้นบนพื้นโลก แต่กระบวนการจำลองเงื่อนไขการทำงานและพารามิเตอร์ต่างๆ ถูกปรับให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ในอวกาศมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ในสภาพแวดล้อมบนโลก เช่น การตั้งค่าการจ่ายเชื้อเพลิง การควบคุมอัตราแรงขับ และการจำลองการลดแรงกดดันของอากาศ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงระบบควบคุมได้ก่อนขึ้นบินจริง
เหตุการณ์นี้นับเป็น สัญญาณบวก ที่แสดงให้เห็นว่าโครงการกำลังเดินหน้าอย่างมั่นคง หลังจากห่างหายจากการทดสอบไปราว 2 เดือน นับตั้งแต่เที่ยวบิน
ที่ 8 ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และหากการ
เตรียมการช่วงต้นเดือน​ พฤษภาคม​ เป็นไปตามแผน Starship ก็น่าจะพร้อมสำหรับเที่ยวบินที่ 9 เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ SpaceX ตั้งใจทดสอบ
▪️ระบบการแยกขั้นจรวด​
▪️การจุดเครื่องยนต์ในอวกาศ,
▪️การควบคุมทิศทางการบิน และ
▪️การนำทั้งบูสเตอร์และยานขนส่งกลับมาลงจอด
เที่ยวบินที่ 9 นี้ ยังถูกจับตามองอย่างมาก เพราะจะเป็นอีกบททดสอบของการนำระบบ Starship เข้าใกล้เป้าหมายการใช้งานจริงทั้งในโครงการ Artemis และในอนาคตของภารกิจดาวอังคาร
ที่กำลังจะเริ่มต้นในทศวรรษหน้า
นับจากนี้​ ​ขั้นตอน​ถัดไป​ Wet Dress Rehearsal การทดสอบระบบเติมเชื้อเพลิงเต็มถังทั้ง Super Heavy และ Starship รวมถึงทดสอบระบบ Countdown และการแยกขั้นเสมือนจริงแบบ
ไม่จุดระเบิด​ ช่วง​ 7-10 พฤษภาคม 2025
(ตามกำหนดการคาดการณ์) ก่อน​จะขึ้นบินจริง
ในการทดสอบครั้งที่​ 9
จึงเป็นช่วงเวลาน่าตื่นเต้นของโครงการ Starship ที่ทั้ง SpaceX และผู้สนใจด้านอวกาศทั่วโลกต่างเฝ้ารอดูว่า เที่ยวบินครั้งนี้จะสร้างหมุดหมายใหม่ให้กับประวัติศาสตร์การเดินทางนอกโลกได้แค่ไหน
ทุกครั้งที่ Starship ทะยานขึ้นฟ้า จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่จรวดทดลองธรรมดา คือตัวแทนความฝันของมนุษยชาติที่จะเดินทางไปไกลกว่าขอบฟ้าเดิมๆ
การทดสอบและเรื่องราว​ Starship
ครั้งที่ผ่านๆ​ มา​ ▪️▪️◾ IFT 0️⃣➖8️⃣
👇👇👇
โฆษณา