15 พ.ค. เวลา 07:35 • ท่องเที่ยว
จังหวัดโอะกินะวะ

Road trip Okinawa สไล์หอยทาก Ep4

เข้าสู่วันที่4 อย่างเป็นทางการ
วันนี้ตื่นมา ทานอาหารเช้า ของ รร ที่ซื้อไว้เพราะเห็นรีวิวว่าอาหารเช้าคือ จึ้ง หลากหลายแถมอร่อยมาก!! ด้วยอากาศ ริมทะเลที่อึมครึมหม่นหมองเหลือเกิน แต่ยังดีที่มีอาหารเช้า แบบบุฟเฟ่ไม่ว่า จะเป็น ตั้งแต่ขนมปัง ปลาดิบ ทาโก้ไรส์ หรือ ข้าวปั้น spam ที่มีให้เลือกสรรเยอะสุดๆ ที่พอจะทำให้เราลืมความอึมครึมตรงหน้าไปได้
แพลนวันนี้ของเรา จะเป็นวันสบายๆ ไม่รีบร้อนเหมือนเคย ไปกินกาแฟ กินข้าวเที่ยงที่ A&W แวะศาลเจ้า และ เข้าเมือง เดินถนนคนเดินยอดฮิต Kokusai dori แค่นั้นเลยครับ
ร้านกาแฟ Stop แรกของเรา คือ ร้าน Zhyvage Coffee Roaster เดินจาก โรงแรมมา 1 นาที ถึงครับ
ร้านนี้มีสองสาขา แต่เนื่องจาก ฝนเริ่มปรอยลงมา เราก็เลือกสาขาไกล้ๆเราแทน ร้านกาแฟนี้ตั้งอยุ่ใน American village เลย ครับ ร้าน หันหน้าออกทางทะเล ตัวร้านไม่ได้ใหญ่มากมี ที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอกให้รับชม วิวทะเล โอกินาว่า
ที่นี่มีขายทั้งกาแฟนั่งดื่มที่ร้าน แบบเมล็ดซื้อกลับ ขนมหวานต่างๆ อย่างทาร์ตมันม่วง หรือแม่กระทั่งของฝาก พวกเสื้อ พิมลาย ร้านกาแฟ เป็นต้น
การตกแต่ร้าน จะออกแนว ดิบๆ เหล็กๆ หน่อย พวกโคมไฟบนร้านจะมี พวก ท่อเหล็ก พาดไปมา ส่วน สีแก้วกาแฟและ ซองต่างๆ จะเป็น สีเหลือ เลมอน ที่โดดเด่น ตัดกับโทนร้านได้ดีมาก ทำ ให้เวลาถือถ่ายรูปแล้วเด่น เป็นพระเอกของรูปได้เลยครับ ส่วนเรื่องรสชาติกาแฟ ผมว่า อร่อยเลยครับ หากใครไม่อยากทานกาแฟ ทางร้านก็มีเป็นน้ำส้มคั้นสดขาย ด้วยตามแผนแล้ว คืดว่าจะอยู่ที่ร้านแปปๆ สรุปจบที่อยู่ร้านกาแฟเป็นชั่วโมงเลยครับ ไหนจะถ่ายรูป ตามมุมต่างๆ นั่งรับวิวอีก
เรียกว่าเก็บครบ บรรยากาศก็ดี ใครว่างก็แวะ ได้คครับ
ออกจากโรงแรมไม่ไกลมาก ประมาน16นาที ก็ถึง ศาลเจ้าฟูเท็นมะ Futenma Shrine ศาลเจ้าทำจากตัวไม้สีออกขาวซีด หลังคาสีแดงส้มตามสไตล์ของญี่ปุ่น ก่อนเข้า ศาลเจ้าอย่าลืมล้างมือล้างปาก เพื่อชำระล้างร่างกายก่อนนะครับ
มองผิวเผิน ก็อาจจะมองวาเป็นศาลเจ้าธรรมดา ทั่วไป แวะ เพื่อไหว้ เสริมศิริมงคล แต่พอได้เข้าไปแล้ว กลับมา ศาลเจ้าอยู่ในถ่ำ หลังวัดครับ ใช่แล้ว ฟังไม่ผิด ครับ
ศาลเจ้าในถ้ำหลังวัด…..
ตอนเดินชมวัดก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ ทางซ้ายมือของวัด มีห้องเสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์แล้วมีเขียนระบุว่ามี ให้เดินชม ถ้ำ แบ่งเป็น รอบๆ โดยเราต้องไปลงชื่อ ที่กระดาษที่เค้าวางไว้ให้ครับ
พอถึงรอบเค้าจะเรียกชื่อตามกระดาษที่เราเขียนชื่อไว้
ทางเข้า ค่องข้างแน่นหนา หลายชั้นไม่ว่าจะเป็นประตูไม้ ประตูเหล็ก ผมว่า ถ้ำข้างหลังนี่น่าจะมีอายุ มานานมากแน่ๆ หลังจากผ่านพ้นประตูแล้ว ทางวัดเค้าจะให้ มิโกะ นำทางเราและให้เราสำรวมคือ ห้ามพุดคุย ห้ามถ่ายภาพ ก้าวแรกที่เข้าไปในเขตถ้ำ คือความเงียบกับ ความเย็น ของถ้ำ
สิ่งแรกที่เห็นคือศาล โบราณสีขาว ตั้งอยู่ตรงกลาง มีเหมือนสายศีล พันอยู่รอบๆ ทางเดินภายในจะเป็นเหมือนหินกรวดไม่ใช่พื้นเรียบ จุดสำคัญหลังๆคือศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ ส่วนอื่นๆ เป็นเพียงทางเดินเข้าไปในถ้ำเล็กน้อย ซึ่งความยาวประมาณ280เมตรแต่คนเข้าชมสามารถ เดินได้เพียงแค่ 50เมตรเท่านั้นครับ ใช้เวลาประมาณ 10นาทีก็ เดินหมดแล้ว
อันนี้เป็นลิ้งเพื่อดูรูปภาพภายในที่ผมก็งงเหมือนกันทำไมถึงสามารถถ่ายรูปได้
ทีนี่ประวัติ ของศาลเจ้าที่นี่ เค้าว่า อยู่มาช่วง ปี 1400 และยังเป็นแหล่งให้พลังชีวิตแก่ชาวโอกินาว่า โดยที่ศาลเจ้านี้ในเป็น 1ใน8ศาลเจ้า ของชาว ริวกิว ศาลเจ้านี้มีอายุกว่า 600ปี และถือว่าเป็น ศาลเจ้าที่น่าจะสำคัญที่สุดในโอกินาว่าด้วย
โดยความเป็นมา จากเรื่องเล่า ตำนานของศาลเจ้าแห่งนี้ มีอยู่สองเรื่องด้วยกันโดยที่ตำนานเรื่องเล่า ได้เล่าเกี่ยวกับ
ผู้หญิงสองพี่น้อง คนพี่ นามว่า เมกามิ(MEGAMI) ที่ผู้คนกล่าวขานกันว่า เป็นผู้หญิงที่สวยงามที่สุดในเมือง เค้าเป็นคนทุ่มเทและเคร่งศาสนามากจนเอาแต่เก็บตัวอยุ่ในห้อง และใช้เวลาที่มีบำเพ็ญเพียร จนวันหนึ่งน้องสาวได้แต่งงาน และสามีของน้องสาวเกิดความสงสัยว่า เมกามิ นั้นสวยอย่างที่ คนเล่าขานกันไหม จึงได้ทำการแอบดู แต่โดนางเมกามิ จับได้ เทอจึงเกิดการไม่พอใจโกรธ และวิ่งออกจากบ้าน และหายตัวเข้าไปในถ้ำ และไม่มีใครพบเจอเธออีกเลย
และอีกตำนานเล่าว่า
มี ผัวเมียคู่หนึ่ง ต้องทำงาน หลายอย่างเพื่อเอาตัวรอด ตัวผู้หญิงเองต้องเดินจาก Ginowan ไปยัง shuri castle ทุกวัน เพื่อไปทำงานเป็นแม่บ้านในวัง และทุกๆวันที่เดินทาง เค้าจะแวะ เพื่อไหว้ ศาลเจ้า KUMANO และวันหนึ่งก็มี คนๆหนึ่งปรากฏตัว โดย บอกกับนางว่า ขอฝาก กล่องที่ห่อผ้านี้ไว้หน่อย
วันหนึ่งจะมาเอา หลายปีผ่านไป ผู้หญิงก็จะแวะในที่ๆเดิมทุกครั้งเพื่อเผื่อหวังว่าวันนึงจะได้คือของที่เค้ามาฝากไว้ และแล้ววันหนึ่งในขนะที่ผู้หญิงได้แวะเพื่อไหว้ศาลเจ้าตามปกติ ก็มี เทพองค์หนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าและ บอกให้ แกะกล่อง ซึ่งของที่อยู่ด้านในเป็น ทอง ทำ ให้ผ็ูหญิงรวยและอยู่อย่างสุขสบาย
ถึงว่าตำนานจะไม่เขียนละเอียดมา แต่ก็พอมีข้อมูลให้พอเข้าใจได้ครับ คนที่มา ไหว้ขอพรที่นี้ จะขอเกี่ยวกับความรัก-เงินทอง กับ เมกามิ นี่แหละครับ ก็เป็นอีกจุดที่ถ้ามีเวลาก็แวะไปกราบไหว้ได้ครับ
ด้วยความที่ โอกินาว่าเป็นเมืองที่มีฟิลลิ่งแบบ เรโทร ย้อนยุค การที่จะไม่แวะ ร้านฟาสฟู้ดชื่อดังของอเมริกา ก็แทบ จะเป็นไปไม่ได้เลย ร้าน A&W สาขา Maki minato เป็นสาขาหนึ่งที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 1962 และอยู่มายาวนาน จะ ถึง ตอนนี้ก็ยังเปิดทำการอยู่ และคน ก็ไม่ได้น้อยเลย ก็ยังถือเป็นอีกจุดแลนมาร์ค ที่คนก็มาทานอาหาร มาถ่ายรูป กัน
โดยคอนเซปของที่นี่ แทบจะไม่ได้เปลี่ยนไปจาก สมัยก่อนเลย หากใครเคยดูหนังเรื่อง “The Founder” จาก ผู้กำกับมือทอง John Lee Hancock (จอห์น ลี แฮนค็อก) จาก ภาพยน เรื่อง Blindside หนังที่กวาดรางวัลไปอย่างมากมาย
โดยหนังเรื่อง The Founder เล่าถือ จุดเริ่มต้น ก่อนที่จะมี Macdonald เป็นหนัง อัตตะชีวประวัฒ โดย ในหนัง ตัวเอก Ray Kroc นำแสดงโดย Michael Keaton ผู้เป็น Saleman ที่เปลี่ยน ร้านแมคโดนัล ให้กลายเป็น ที่โด่งดังระดับโลก
ฉากๆนึงที่ทำให้ผมนึกถึงคือฉากที่ผู้คน นำอาหารฟ้าสฟู้ด นั้งทางบน รถ แทนที่จะเป็น ทานในร้าน ที่โดยปกติจะมีเสริฟ ช้อนส้อม แต่ไม่ใช่เลย ร้าน A&W สาขานี้ดึงเรากลับไปสู่ยุคแรกของอาหารฟ้าสฟู้ด มีที่จอดรถ พร้อมกับ ไมค์ สั่งอาหาร เพื่อทาน บนรถ แทนที่จะนั่งทานในร้าน แต่ก็ ไม่ใช่ว่าที่ร้านไม่มีที่ให้นั่งนะครับ ที่ร้านก็มีที่ให้นั่ง แต่ถ้าเทียบกับสัดส่วนแล้ว ที่นั่งทางบนรถ ผมว่า อาจจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ
บรรญากาศ ของร้าน ยังคงให้ความรู้สึก เก่าแต่ไม่แก่ การตกแต่งภายในเสมือน เราอยุ่ในช่วงเวลายุค 80 ที่โต๊ะก้ยังคงมีความโค้งมน ไฟเส้น หรือแม้กระทั้งป้ายที่ติดตามที่ต่างๆ ส่วนการถ่ายรูป ผมมองว่าเป็นที่ที่ คุ้มค่าแก่การมามาก หาก ยิ่งพี่ๆ เป็นสาย ของทอด และ Root beer lover ยิ่งต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
โรงแรมที่เราพักคืนสุดท้ายนี้จะเป็นโรงแรม Hotel resol trinity naha เป็นอีก โรงแรมที่มี สาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่นและ เชื่อผมเถอะครับว่าคุณภาพของเค้าถ้าไม่ดีคงไม่มีสาขาทั่วญี่ปุ่นแน่ๆ โดยที่โรงแรมจะตั้งอยู่ไม่ห่างจาก โรงแรมแรกที่เราเข้าพักเลยนั่นคือ โรงแรม Tokyu stay Naha
ด้วยโลเคชั่นของโรงแรม อยู่ติดกับสถานีรถบัส นาฮะ หากพี่ๆคนไหนไม่ได้เช่ารถและต้องการเดินทางไป รอบๆเกาะ การนอนที่นี่ก็ถือว่าสะดวกเลยทีเดียวเลย แถมไกล้ๆก็ยังมี สถานีรถไฟ อาซาฮีบาชิ ห่างไป 370เมตร
โรงแรมสวย ดูใหม่ มี ออนเซนที่ชั้นบนของ โรงแรม ที่เป็นวิวแม่น้ำ อาหารเช้าก็อร่อน บรรญากาศดี แต่สำหรับคนที่ขับรถผมขอตินิดเดียวครับคือ ที่จอดรถโรงแรม มีน้อย เป็นตึกจอดรถแบบ Automatic ข้างๆโรงแรมเลย แต่ทางโรงแรม มีที่จอดแนะนำ ที่ทาง รร ได้ไปร่วมด้วยคือ ตึกดองกี้ ข้างๆ โรงแรมคืนแรกครับแต่อาจจะต้องเดินไปสักเล็กน้อย
ส่วนผม บวกลบแล้ว ไหนจะต้องลากกระเป๋า อะไรต่างๆ เลย คุยกันว่า จะยอมไปจอดที่จอดกลางแจ้งแบบเสียเงิน ไม่ไกลจากโรงแรมมาก คืนละ 900เยน ผมว่าลานนี้ตอบโจทกว่า ไปจอดที่ดองกี้ครับ
ช่วงก่อนเช็คอินเรามีเวลาเหลือนิดหน่อยเลยเราจะแวะไปที่ ปราสาทแดง Shuri Castle กันครับ
ประวัติคร่าวๆของปราสาท สร้างในช่วง ศตวรรษที่14 สร้างโดยราชวงโช(SHO Dynasty) โดยที่สถานที่แห่งนีน้ถือเป็น ศุนย์รวมความยุติธรรม ของโอกินาว่าแทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นที่ว่าการศาล การทูต ว่ากฏหมายต่างๆ ชื่อ Shuri castle ได้มาจาก Shuri ที่เป็นชื่อเมืองหลวงของอาณาจักรริวกิว ก่อนจะจะมาเป็นส่วนหนึ่งของ ญี่ปุ่นในช่วง ปี1879 ตัวปราสาทได้ถูกจัดให้เป็น World heritage โดย UNESCO อีกด้วยครับ
Shuri castle ถูกสร้างมาในช่วงปลายศตวรรษที่13 และได้เกือบศูนย์สิ้น ถึงสองครั้งสองครา
ครั้งแรกจากสงคราม Battle of Okinawa หรือที่คนไทยเรารู้จักในชื่อของ “ยุทธการโอกินาวะ” ในช่วงปี 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 โดยที่การรบกันครั้งนี้ มี ผู้เสียชีวิต ทั้งชาว ญี่ปุ่นและชาวโอกินาว่ารวม ประมาน สองแสนคนครับ
ส่วนครั้งที่สองคือ เหตุการณ์ไฟไหม้ ปราสาทในปี 2019 และคาดว่าน่าจะ บูรณาการห้องโถงกลาง ปราสาท ใน ปี 2026
เนื่องจากที่ ผมลืมไปซะสนิทว่า ปราสาทโดนไฟไหม้ไปเมื่อปี2019 รอบนี้มา เลยว่าจะพาเพื่อนๆ ไปชมวิว ที่เนิน สูงสุดของ Shuri castle เพื่อชมวิวเมือง นาฮะพอ มาถึงจอดรถใต้ดิน เดินออกมากำลังจะเดินชม อารยะธรรม ริวกิวซะหน่อย แต่ฝนนี้สิครับ เทลงมาแบบไม่เป็นใจเลย เลยได้แต่ ต้องกลับขึ้นรถแล้วเช็คอินแทน
ตกเย็น ก็ได้เวลาไปเดิน ถนนคนเดินยอดฮิตอย่าง Kokusai dori แห่งโอกินาว่าแห่งนี้สักทีครับ
ถนนเส้นนี้อยู่ในกลางเมือง นาฮะ มีครบแทบจะทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า ร้านอาหาร ของฝาก หรือแม้กระทั้งงานคราฟต่าง
ก็มี สองข้างทางริมถนนมากมายตลอดทาง 2กิโลนี้ พร้อมกับต้นมะพร้าวเรียงรายเสือนเดินอยู่ ถนนเลียบชายทะเลก็ไม่ปานครับ
โดยการเดินทางนั้นสะดวกมากครับ สามารถ มาทาง โมโนเรล โดยลง สถานี Kencho-mae เค็นโชมาเอะ หรือ ถ้าหากขับรถมา ก็จะมี ที่จอดรถใต้ดินของห้าง people square ไม่ก็จอดที่กลางแจ้ง ไกล้ๆกับ ถนนได้เลยครับ แต่ ขอบอกนิดนึงว่าที่จอดรถกลางแจ้งบริเวรนั้น ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว
ร้านค้าส่วนมากบนถนนเส้นนี้เปิดถึง5ทุ่ม แต่ถ้าใครเดินจนเบื่อแล้วก็สามารถไปเดินเล่น ดองกี้ สาขาถนนเส้นนี้แทนได้ แต่ยังไม่หมดกับถนนเส้นนี้ครับ ถนนเส้นนี้ยังสามารถ เชื่อมต่อไปถึงถนนคนเดินที่มีหลังคาอย่าง Heiwa Dori ถ้ายังเดินกันไหวก็ไปเดินที่นี่ต่อกันได้เลยครับ
เป็นอันจบวันที่สี่ของการเที่ยวโอกินาว่า อย่างเป็นทางการ พรุ้งนี้ก็วันที่ห้าแล้วต้องกลับแล้วหรือเนี่ย แต่ก็บอกกับตัวเองไว้ว่า งาน=เงิน=เที่ยว=แฮ้ปปี้
สำหรับวันที่ห้านั้น เราตื่นมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมโดยที่แพลนจะออกจากโรงแรมไม่เกิน 10.30เผื่อแวะไปที่ Okinawa Outlet Mall Ashibinaa ซึ่งห่างจากที่คืนรถของพียง5นาทีเท่านั้นเอง ของที่เอ้าเลทที่นี่ก็มีตั้งแต่ Coach/sneakers /nike/ adidas/ boss ร้านขายยา ร้านคีบตุ้กตา หรือแม่กระทั้งร้านช้อคโกแลตอย่าง Godiva ก็มี ถ้ามีเวลาเหลือก็แวะมาได้ครับ
ส่วนขั้นตอนการคืนรถนั้นก็ง่ายมาก โดยก่อนอื่น ก็ไปเติมน้ำมันคือให้เต็มถัง โดยค่าน้ำมันที่ใช้ไปทั้งสินคือ 1450บาท กว่าๆ
และนำรถไปคือ โดยที่เจ้าหน้าที่ช่วยเรายกกระเป๋ษลงและ พาขึ้นรถตู้อีกคันเพื่อไปสนามบินเลย เวลาจากที่เช่ารถไปสู่สนามบินนั้นเร็วกว่าขามามากๆ รถไม่ติดเลยและใช้เวลาไปแค่ประมาณ 15นาที เท่านั้นก็เป็นอันถึง สนามบิน เป็นที่เรียบร้อย
สนามบินนานาชาติ นาฮะในวันที่ผมกลับ ผมต้องเดินผ่าน ตึก Domestic ซึ่ง คนเยอะมากๆ ถ้าเทียบกับ ฝั่ง international ภายในเกต ของสนามบินไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มี Duty free ร้านขายขนมของฝาก ให้พอช้อปปิ้งได้อยู่ครับ
จากการมาเที่ยวรอบนี้กับเพื่อนๆ เป็นเหมือนการชาจไฟในตัวของผม ให้กลับมามีแรงฮึด ทำงาน อีกครั้ง ถึงโอกินาว่า จะไม่ใช่เมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน แบบ โตเกียว หรือ โอซาก้า แต่โอกินาว่า ก็มี เสน่ที่น่าหลงใหล ใน วัฒนธรรม อาหารท้องถิ่น ทะเลสีฟ้าคราม หรือแม่แต่กระทั้งเมืองที่ให้ความรู้สึก อบอุ่น อย่างบอกไม่ถุก ผู้คนที่ใช้ ชีวิตแบบ สโลไลฟ์ หากมีโอกาส ก็จะเป็นอีกจังหวัด ที่ผมจะต้องกลับมาให้ได้อีกครั้งแน่ๆ ครับ
เอาเป็นว่า ถ้ารอบหน้าได้กลับมาจริงๆ ผมตั้งใจว่าจะมาดำน้ำครับ แบบ Skuba diving เพราะจากที่ลองสังเกตมา โอกินาว่า ก็เป็นเมืองแห่ง activity อีกแห่งนึงของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเล่นเซิฟ หรือดำน้ำเองก็ตาม ผมก็อดคิดไม่ได้หละว่า ใต้ผืนทะเลโอกินาว่าเนี่ย จะสวยขนาดไหน จะสวยเท่าชุมพรบ้านเราได้รึปล่าว
เอาเป็นว่าถ้าได้กลับมาผมจะมาเล่าให้พี่ๆ ฟังแน่ๆ ครับ
แล้วมาดูกันครับว่า ทริป หน้าผม จะไป ไหน ถ้าหาก ชอบบทความ หรือ อยาก สอบถามอะไรทักผมมาได้เลยนะครับ ยินดี ตอบเสมอ อย่าลืมกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
ด้วยรัก อิสระ หน้าฝน
โฆษณา