6 พ.ค. เวลา 01:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เตือนนักลงทุนให้ “ใจเย็น ตั้งสติ เก็บเงินสด” เเล้วทำไมต้องเก็บ??

+++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 ดร.นิเวศน์ ได้เล่าเรื่องราวของตนเองที่ได้ไปเที่ยวอังกฤษมาโดยให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ โปรเตอร์2ใบ สู่ สถานการณ์ปัจจุบัน
ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นผันผวนจากสงครามการค้า–นโยบายภาษี และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง จนกว่าความแน่นอนจะกลับมา นักลงทุนควรปรับพอร์ตโดยขายหุ้นที่ยังไม่ตกมาก สะสมเงินสดเพื่อรอโอกาสเข้าซื้อหุ้นแกร่งซึ่งราคาอาจร่วงลึกมากเกินไปในอีกหลายเดือนหรือยาวนานหลายปีข้างหน้า
1. บริบทวิกฤตหุ้นปี 2025
แรงกดดันเงินเฟ้อ–ต้นทุนสูง: ภาวะเงินเฟ้อเรื้อรังฉุดกำลังซื้อผู้บริโภค ลดความเชื่อมั่นต่อการจับจ่ายของครัวเรือน
สงครามการค้า–ภาษีศุลกากร: มาตรการเก็บภาษีระหว่างชาติทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น สร้างความไม่แน่นอนต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ
คาดการณ์เศรษฐกิจถดถอย: นักลงทุนระบุว่ามีโอกาสเกิด recession สูงในครึ่งหลังปีนี้ หากสถานการณ์ไม่แนวโน้มดีขึ้น
การรวมตัวของปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรง นักลงทุนจึงต้อง เปลี่ยนกลยุทธ์จากถือยาวเป็นถือเงินสดรอจังหวะ แทนการถือหุ้นเต็มพอร์ต
+
2. เหตุผลหลัก: ทำไมต้อง “Keep Cash”
2.1 ไม่มั่นใจการฟื้นตัวเร็ว
ดร.นิเวศน์มองว่า วิกฤตอาจกินเวลายาวนาน เหมือนวิกฤตที่ผ่านมาในอดีตที่ตลาดใช้เวลา 2–3 ปีฟื้นตัว
ถ้าโลกขยับสู่ การค้าแบบปิดกั้น ไม่ใช่เสรี (Protectionism) โอกาสโตทางเศรษฐกิจจะลดลง จนหุ้นอาจร่วงหนักและฟื้นยาก
2.2 ภาวะตลาด “ลากยาว”
ปัจจัยหลายด้านทั้งนโยบายภาษี เงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางการเมือง จะสร้าง แรงขายที่ยาวนาน ไม่ใช่แค่ปรับฐานชั่วคราว
2.3 สะสม “กระสุน” ท่ามกลางความไม่แน่นอน
การเก็บเงินสดจึงเปรียบเสมือน “กระสุน” ที่พร้อมใช้ซื้อหุ้นดีราคาถูกเมื่อวิกฤต
ทวีความรุนแรง ดีกว่าถือหุ้นเสี่ยงสูงเต็มพอร์ตในช่วงที่ upside ยังไม่ชัด
+
3. แนวทางปฏิบัติฉบับมืออาชีพ
3.1 ทบทวนพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ
ขายหุ้นที่ ยังไม่ลึก และไม่มีแนวโน้มฟื้นเร็ว พร้อมโอนผลไปสู่เงินสดและตราสารตลาดเงิน
รักษา สัดส่วนเงินสด ไว้ให้อย่างน้อย 20–30% ของพอร์ต
3.2 รอโอกาสสะสมหุ้นดีราคาถูก
หุ้นที่มี คูเมือง (moat) แข็งแกร่ง เช่น หุ้นพื้นฐานแกร่ง–ปันผลสูง คือเป้าหมายเมื่อราคาปรับฐานหนัก
การทยอยสะสมช่วย “Cost Averaging” ลดความเสี่ยงจับจังหวะผิดพลาด
3.3 รักษาวินัย–ใจเย็นจนสุด
“Keep Calm, Keep Cash”
หลีกเลี่ยง panic selling และอย่าหวังผลกำไรงามช่วงวิกฤต เพราะอาจใช้เวลาหลายปีในการฟื้น
+
4. บทเรียนจากโปสเตอร์ประวัติศาสตร์
4.1 “Keep Calm and Carry On” (1939)
สร้างเพื่อ ปลุกขวัญ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตรึงใจให้คนอังกฤษ “ใจเย็นและสู้ต่อไป” แม้ภัยพิบัติจะกำลังมาใกล้
bangkokbiznews
เวลาปรับใช้การลงทุน ดร.นิเวศน์ขยับเป็น “Keep Calm, Keep Cash”
4.2 “Titanic: ใหญ่ที่สุด–ปลอดภัยที่สุด” (1912)
โปสเตอร์โปรโมทเรือไททานิคก่อนล่องเที่ยวแรก อวดประสิทธิภาพสูงสุด แต่กลับจมในโศกนาฏกรรม
สอนว่า “สภาพที่ปลอดภัยที่สุด” ก็อาจล่มได้หากไม่ได้เตรียมพร้อมรับความเสี่ยง
+
ผมคิดว่า ตลาดหุ้น 2025 นับเป็นช่วงที่ “แรงหนุนขาลงมารวมกัน”
ทั้งเงินเฟ้อ–สงครามการค้–นโยบายภาษี ดร.นิเวศน์แนะให้ ปรับพอร์ตสู่กระสุนเงินสด รอจังหวะซื้อโอกาสทอง ไม่หวังกำไรงามในภาวะไม่ชัดเจน
เหมือนพอร์ตจะไม่มี “เรือที่ไม่มีวันจม” แต่มี “ตาข่ายนิรภัยเงินสด” ทำให้ทุกคนรอดตาย “การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องปันผลหรือกำไรระยะสั้น แต่คือการออกแบบพอร์ตให้รอดผ่านทุกวิกฤต”
ผมหวังว่าแนวทางนี้จะช่วยให้คุณ ตั้งสติ–เก็บกระสุน–รอจังหวะ ลงทุนได้อย่างมั่นใจในตลาดที่เต็มไปด้วยพายุครับ!
หากการสรุปผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับผม
เเหล่งที่มา
หนังสือที่เเนะนำให้อ่าน การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในความรู้
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมขอเเสดงความยินดีด้วยครับ เพราะคุณคือ 1% ของคนอีกจำนวนมาก ผมมีไฟล์ Digital Product Free เป็นเเบบฝึกหัดเอาไว้ทบทวนบริษัทที่คุณถือหุ้นอยู่ สามารถโหลดไปทำได้ครับ เเละมาบอกผมหน่อยนะครับว่าใช้เเล้วเป็นยังไงครับ ขอบคุณครับผม :]
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Knowledge is power ผมเชื่อว่าความรู้จะทำให้เราเติบโตเเละทรงพลัง ผมจึงอยากเเบ่งปัน สิ่งดีๆให้เเก่ท่านผู้อ่านทุกท่านเพื่อมุ่งสู่ 1000ผู้ติดตามขอบคุณครับ ฝากส่งต่อบทความดีๆนี้ให้คนที่เรารักด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ:)
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
โฆษณา