4 พ.ค. เวลา 03:21 • ข่าวรอบโลก

"วอร์เรน บัฟเฟตต์" เจ้าพ่อหุ้นคุณค่า ประกาศวางมือจากตำแหน่ง CEO Berkshire

"วอร์เรน บัฟเฟตต์" เจ้าพ่อหุ้นคุณค่า ประกาศวางมือจากตำแหน่ง CEO เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ หลังบริหาร 60 ปี มอบไม้ผลัดให้เกรก อาเบล รับตำแหน่งสิ้นปี 2568 พร้อมรับมือความท้าทายในการบริหารกิจการมูลค่า 1.16 ล้านล้านดอลลาร์
มอบไม้ผลัดให้ เกรก อาเบล ขึ้นสืบทอดตำแหน่งสิ้นปี 2025
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนานวัย 94 ปี ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ในช่วงสิ้นปี 2568 หลังจากบริหารกิจการมายาวนานถึง 60 ปี โดยจะส่งมอบตำแหน่งให้กับ เกรก อาเบล รองประธานบริษัทวัย 62 ปี ซึ่งดูแลธุรกิจที่ไม่ใช่ประกันภัยของกลุ่มบริษัท
บัฟเฟตต์ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในช่วงท้ายของการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่เมืองโอมาฮา ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ถือหุ้นกว่า 40,000 คนที่มาร่วมงาน "ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ เกรก ควรจะเข้ามารับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในช่วงสิ้นปี" บัฟเฟตต์กล่าว พร้อมเสริมว่าเขายังคง "อยู่ช่วยเหลือ และอาจมีประโยชน์ในบางกรณี" แต่ "คำสั่งสุดท้าย" จะเป็นของอาเบล
เส้นทางอันยาวนานของ "เจ้าพ่อหุ้นคุณค่า"
ในปี 2508 บัฟเฟตต์ได้ซื้อกิจการโรงงานทอผ้าในนิวอิงแลนด์ที่กำลังประสบปัญหา และเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นบริษัทคอนกลอเมอเรตมูลค่า 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ ที่มีธุรกิจครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตั้งแต่ประกันภัย Geico, รถไฟ BNSF, ไปจนถึงร้านไอศกรีม Dairy Queen และชุดชั้นใน Fruit of the Loom
ทรัพย์สินส่วนตัวของบัฟเฟตต์มีมูลค่าสูงถึง 1.68 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.7 ล้านล้านบาท ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes โดยเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของหุ้นเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์
ทั้งนี้ บัฟเฟตต์ยืนยันว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะขายหุ้นเบิร์กเชียร์แม้แต่หุ้นเดียว
"การตัดสินใจถือครองหุ้นทั้งหมดเป็นการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ เพราะผมคิดว่าอนาคตของเบิร์กเชียร์จะดีกว่าภายใต้การบริหารของเกรก มากกว่าของผม" บัฟเฟตต์กล่าว
เกรก อาเบล: ทายาทธุรกิจคนสำคัญ
อาเบลเข้าร่วมกับเบิร์กเชียร์ ในปี 2543 เมื่อบริษัทซื้อกิจการ MidAmerican Energy ซึ่งต่อมาเขาได้ขึ้นเป็น CEO ในปี 2551 ก่อนหน้านั้น เขาทำงานที่ CalEnergy และได้เปลี่ยนบริษัทพลังงานความร้อนใต้พิภพขนาดเล็กให้กลายเป็นธุรกิจพลังงานที่หลากหลาย
อาเบลได้รับการระบุว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง CEO ของบัฟเฟตต์ตั้งแต่ปี 2564 และได้เข้ามามีบทบาทในหลายความรับผิดชอบของบัฟเฟตต์แล้ว รวมถึงการจัดสรรเงินทุน เมื่อถูกถามว่าการดูแลธุรกิจ 189 แห่งของเบิร์กเชียร์จะแตกต่างจากบัฟเฟตต์อย่างไร อาเบลตอบว่า "จะมีความกระตือรือร้นมากขึ้น แต่หวังว่าจะเป็นไปในทางที่ดี"
"ผมรู้สึกถ่อมตัวและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเบิร์กเชียร์ต่อจากนี้" อาเบลกล่าวกับผู้ถือหุ้น
ในด้านการจัดสรรเงินทุน อาเบลกล่าวว่าเขาจะสืบทอดรูปแบบการลงทุนในคุณค่าที่มีความอดทนของบัฟเฟตต์ และพร้อมที่จะใช้เงินสดมหาศาลของเบิร์กเชียร์จำนวน 3.47 แสนล้านดอลลาร์เมื่อมีโอกาสที่ดีเกิดขึ้น
เบิร์กเชียร์ยุคต่อไป
การตัดสินใจลงจากตำแหน่งครั้งนี้เป็นการปิดฉากการบริหารงานอันน่าทึ่ง 60 ปีของบัฟเฟตต์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "คนฉลาดแห่งโอมาฮา" จากความสำเร็จในการลงทุนและปรัชญาชีวิตที่เรียบง่าย แม้หุ้นเบิร์กเชียร์จะเพิ่มขึ้นถึง 5,502,284% ตั้งแต่ปี 2508 ถึง 2567 แต่บัฟเฟตต์ไม่เคยย้ายออกจากบ้านที่เขาซื้อในราคา 31,500 ดอลลาร์เมื่อปี 2501
คำถามสำคัญที่นักลงทุนหลายรายกังวลคือ "เบิร์กเชียร์จะยังคงมีพรีเมียมของบัฟเฟตต์เมื่อบัฟเฟตต์ไม่อยู่แล้วหรือไม่" เคธี่ ไซเฟิร์ต นักวิเคราะห์จาก CFRA Research กล่าว "คุณกำลังซื้อหุ้นและได้รับความเชี่ยวชาญในการลงทุนของตำนาน เมื่อตำนานหายไป มูลค่าจะเป็นอย่างไร"
การประชุมผู้ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ในครั้งนี้จบลงด้วยการยืนปรบมือให้กับบัฟเฟตต์ โดยรอน โอลสัน กรรมการบริษัทเบิร์กเชียร์ กล่าวหลังการประชุมว่า "มันทำให้ผมประหลาดใจ แต่ก็ประทับใจ ผมกระตือรือร้นที่จะเห็นวอร์เรนกลายเป็นชาร์ลี มังเกอร์ (อดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจของบัฟเฟตต์ที่เสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน 2566) สำหรับเกรก อาเบล"
อ้างอิง: รอยเตอร์
โฆษณา