เมื่อวาน เวลา 05:38 • ความคิดเห็น
สินค้าในอดีต สร้างจากทัศนคติ สินค้านั้นต้องใช้งานได้ตลอดชีพ คนสมัยก่อนไม่รู้จักคำว่าหมดอายุ ใช้กันจนตายไปข้าง
เมื่อทัศนคติการสร้าง ต้องการความคุ้มค่ายาวนาน อยู่กันไปตลอดชีวิต มันจึงต้องซ่อมได้ เปลี่ยนอะไหล่ได้ อยู่กันไปยาวๆ แก่ไปด้วยกัน ตายไปด้วยกัน
เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าในอดีต จึงโครตทน รถไฟราง ใช้กันตั้งแต่สงครามโลก ยันป่านนี้ยังใช้งานได้อยู่เลย อาคารสมัยก่อนอายุเป็นร้อย ทุกอย่างต้องซ่อมได้
ในอดีตจึงมีอาชีพช่างซ่อมบำรุงเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างต้องซ่อมได้ รถ พัดลม แอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในอดีต ไม่มีการเขียนวันหมดอายุ หรือ ต้องการการอัพเดทข้อมูล
ไม่รู้บ้านไหนยังเหลือหลอดนีออน 40W ที่กินไฟ40W หลอดอ้วนๆไหม ข้างกล่องไม่มีข้อมูลจำนวนชั่วโมงใช้งาน แต่เราใช้มา 20-30ปี ยังไม่เคยเปลี่ยนเลย โครตของโครตทน แสงนวล สว่างทน ต่างกับหลอดled ที่ต้องซื้อ ขั้วสีทอง เพราะต้องการความสว่างขั้วขาว มี่แสงอ่อนกว่า ใช้งานเกิน2 ปี ไม่สว่างแล้ว ต้องเปลี่ยน
สินค้าสมัยนี้ เปลี่ยนจากๆไฟฟ้าไปเป็นอิเล็คทรอนิกส์ ที่ซ่อมไม่ได้ เปลี่ยนใหม่อย่างเดียว ช่างสมัยนี้ จึงไม่ใช่ช่างซ่อม ที่ต้องแกะหม้อแปลงมาพันใหม่ หรือต่อสายไฟใหม่ แต่เป็นช่างเปลี่ยนอะไหล่แทน ของเก่าพังเอาออก เอาอะไหล่ใหม่ใส่แทน
ทัศนคติการสร้างของคนสมัยนี้เปลี่ยนไป ไม่ได้คิดจะใช้สินค้าชิั้นนั้นไปตลอดชีวิต เอาแค่ สวย ทันสมัย ราคารับได้ ความคงทนเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะคิดถึง ทุกอย่างฉาบฉวย พังง่าย รวมถึงตึก ความคิดจะใช้งานได้100ปี หายไป เอาแค่พอใช้งานได้ก็พอ ประเดี๋ยวก็เปลี่ยนใหม่แล้ว
รวมถึงความสัมพันธ์ของคนสมัยนี้ ไม่ได้คิดจะคบกันไปตลอดชีวิต ไม่พอใจก็เลิก หาใหม่ ไม่ดี เลือกที่เลิกรา มากกว่าปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น ไม่ทนอยู่กันไปตลอดชีวิตหรอก หาคนที่ดีกว่านี้เถอะ
สินค้าสมัยนี้ ก็เหมือนคนสมัยนี้ ไม่เน้นความคงทน เน้นรูปลักษณะสวยงาม ทันสมัย ใช้งานง่าย ปรับตัวง่าย เปลี่ยนไปตามอารมณ์ คุ้ม ประหยัด พังก็ซื้อใหม่ ความยึดติดหายไป ความผูกพันไม่มี
โฆษณา