4 พ.ค. เวลา 11:49 • ท่องเที่ยว
เคียวโตะ

หลบเมืองใหญ่ ไปใช้เวลาช้าๆ ที่หมู่บ้านชาวประมง “ อิเนะ ”

สัมผัสเกียวโตในมิติที่ต่างออกไป จากตรอกแคบที่แน่นไปด้วยผู้คน สู่ถนนเลียบทะเลและบ้านไม้กลางน้ำของชาวประมง ที่รอให้เราเดินทางไปถึงในจังหวะที่หัวใจเรียกร้อง…ความสงบ
ชีวิตดำเนินไปอย่างช้าๆ ที่นี่ไม่มีความเร่งรีบ มีแต่คลื่นเบาๆ และเสียงลมพัดผ่านหลังคาไม้
เกียวโตในความคิดใครหลายคน อาจจะเป็นเมืองแห่งวัด ป่าไผ่ และกลิ่นอายโบราณ แต่สำหรับผม การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ อย่างปลาหมึกสด ย่างไฟเบาๆ ในตลาด
และจบลงที่เสียงคลื่นเบาๆ ริมหมู่บ้านกลางน้ำที่ชื่อว่า “อิเนะ”
เรื่องราวตลอดสามวันในเกียวโตนี้จึงไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่คือการค้นหาความสงบที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายอย่างไม่ตั้งใจ
| ปลาหมึกย่างไฟ และความคึกคักในย่านฮิกาชิยาม่า
เช้าวันแรกในเกียวโต ผมได้เริ่มต้นที่ตลาดนิชิกิ — ตลาดเก่าแก่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิต ร้านขายปลาสด ผักดอง ขนมญี่ปุ่น และของกินแปลกตา เรียงรายอยู่สองฝั่งทางเดินในบรรยาคึกคักที่รู้สึกวุ่นวายมาก
ตลาดนิชิกิ
ของกินเยอะแยะเลย
ตลาดนิชิกิ
ผมหยุดอยู่หน้าร้านเล็กๆ ที่มีปลาหมึกตัวจิ๋วเสียบไม้ เจ้าของร้านใช้ปืนแก๊สไฟอ่อนๆ ย่างจนกลิ่นหอมลอยแตะจมูก
ผมกัดเข้าไปหนึ่งคำ— ความสดของปลาหมึกผสมกับกลิ่นย่างบางๆ ทำให้เป็นมื้อเปิดการได้มาเหยียบเกียวโตอย่างน่าจดจำ
ฉ่ำ ฉ่ำ
จากนั้นผมเดินต่อไปยังย่านฮิกาชิม่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ตรอกหินคดเคี้ยวยังมีเสน่ห์
แต่ความแน่นขนัดของผู้คนทำให้ใจเริ่มรู้สึกอึดอัด
ผมเดินต่อช้าๆ ไปจนถึงวัดคิโยมิสุ ก่อนจะกลับมาเช็คอินที่โรงแรมเล็กๆ ในเมือง เพื่อพักเอาแรงสำหรับวันถัดไป
วัดคิโยมิสุและที่พักสำหรับคืนนี้
| การเดินทางสู่อิเนะ : เพื่อนใหม่และคลื่นเบาๆ ที่อ่าว
เช้าวันใหม่ ผมออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ นั่งรถไฟและบัส มุ่งหน้าสู่ทางเหนือของจังหวัด ผ่านวิวชนบทของญี่ปุ่น ที่ค่อยๆ ปรากฏแทนอาคารสูง
เมื่อถึง สถานี Miyazu ผมต้องต่อบัสไปยังหมู่บ้านอิเนะ — จุดหมายปลายทางของวันนี้
ระหว่างทางไป อิเนะ
บนรถบัสผมได้รู้จักกับเพื่อนร่วมทางสองคนจากไทย พวกเขาเดินทางมาเที่ยวอิเนะเช่นกัน เราเริ่มต้นพูดคุยด้วยคำถามง่ายๆ ระหว่างทาง จึงตัดสินใจเที่ยวด้วยกันในทริป อิเนะ นี้
เมื่อถึงอิเนะ หมู่บ้านริมอ่าวญี่ปุ่นก็เผยโฉมอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม
หมู่บ้านฟุนายะเรียงตัวอยู่บนผิวน้ำ ล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวเข้มและทะเลสีน้ำเงิน
แวะนั่งพูดคุย พักกินแบบสบายๆ
เรานั่งเรือรอบอ่าวด้วยกัน ให้อาหารนกทะเล และเหยี่ยว ที่บินเข้ามารับอาหาร เสียงหัวเราะ และความตื่นเต้นแปลกตาแปลกใจของเราลอยท่ามกลางเสียงคลื่นบางเบา
หลังจากนั้น เราเดินเล่นไปตามทางเลียบหมู่บ้าน พูดคุยกันเรื่องบ้านเกิด เรื่องแผ่นดินไหวที่ผ่านมาไม่นานนี้ที่ไทย และความบังเอิญในการพบกันที่นี่ และสถานที่ที่ต่างคนจะไปต่อ ก่อนแยกย้ายกันกลับในช่วงเย็น พร้อมคำลาแบบเรียบง่าย
| ความสงบที่พาใจกลับคืน : คืนสุดท้ายในเกียวโต
ผมกลับมานอนที่โรงแรมเดิมในเมืองอีกคืนหนึ่ง รู้สึกเหมือนได้รีเซ็ตจังหวะของใจ หลังจากสองวันที่หัวใจได้พักจริงๆ
เช้าวันต่อมา ผมเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต ใช้เวลาเงียบๆ อยู่กับศิลปะ ภาพวาดโบราณ และของสะสมจากยุคต่างๆ (ที่เข้าไม่ค่อยถึงสักเท่าไหร่😂)
แต่ทว่าทุกอย่างดูนิ่งและเรียบง่าย สงบ เป็นเหมือนบทสรุปของการเดินทางครั้งนี้ ที่ค่อยๆพาผม ออกจากความวุ่นวายแล้วพาตัวเองกลับคืนมา
เกียวโตในทริปนี้มีทั้งรสชาติ ความวุ่นวาย และความสงบ ผมไม่ได้ไปให้ครบทุกจุดในแผนที่ แต่กลับได้สิ่งสำคัญกว่านั้น — ได้เจอผู้คน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน ทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าโดยไม่ตัดสินกัน สำคัญกว่านั้นคือการได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดขึ้น
และได้รู้ว่าบางทีการเดินทางที่ดีที่สุด ไม่ใช่การไปถึงที่ใด แต่คือการกลับมาเจอความนิ่งในใจอีกครั้ง…
……Ine. Kyoto
โฆษณา