4 พ.ค. เวลา 13:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ
1. ข้อมูลเบื้องต้นของ ICHI
ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มไม่อัดลม ได้แก่ ชาเขียว (แบรนด์อิชิตัน), น้ำสมุนไพร, และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
มีการขยายธุรกิจ OEM (รับจ้างผลิตเครื่องดื่มให้แบรนด์อื่น) และส่งออกต่างประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม และจีน
2. วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamentals)
2.1 ผลประกอบการล่าสุด
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมต้นทุนและการเพิ่มสัดส่วน OEM
อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ระดับดีเกิน 10% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม FMCG ในไทย
ROE อยู่ในระดับ 18-25% สะท้อนการใช้ทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
2.2 แนวโน้มธุรกิจ
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ "เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ" — ICHI ตอบโจทย์ได้บางส่วน เช่น วิตามินวอเตอร์, น้ำสมุนไพร
ธุรกิจ OEM โตต่อเนื่อง ได้รับออเดอร์จากหลายแบรนด์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ (มีรายได้ recurring)
2.3 ความสามารถในการแข่งขัน
ชื่อเสียงแบรนด์แข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่ม mass market
ต้นทุนการผลิตต่ำ เนื่องจากมีโรงงานอัตโนมัติครบวงจร
การตลาดแน่น (เช่น แจกทอง, แคมเปญบนโซเชียล) สร้างฐานลูกค้าจงรักภักดี
2.4 จุดอ่อนและความเสี่ยง
ตลาดชาเขียวในไทย “อิ่มตัว” และหดตัวอย่างช้าๆ
1
ต้องพึ่งพาแคมเปญการตลาดอย่างหนักเพื่อกระตุ้นยอดขาย
แข่งขันสูงกับคู่แข่งอย่าง Oishi (โออิชิ), est play, และแบรนด์นำเข้าจากญี่ปุ่น/เกาหลี
3. วิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis)
3.1 แนวโน้มกราฟ (ณ กลางปี 2025)
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขาขึ้นระยะกลาง ตั้งแต่ปลายปี 2023 ถึงปัจจุบัน (ประมาณ 11 บาทขึ้นมาถึง 16-17 บาท)
มีแนวต้านที่แข็งแกร่งบริเวณ 17.50 - 18 บาท หากทะลุได้ จะเปิด upside ใหม่
3.2 MACD / RSI
MACD ยังอยู่ในแดนบวก แสดงว่า momentum ยังเป็นขาขึ้น
RSI อยู่ในโซน 60-70 ยังไม่เข้าสู่ overbought ชัดเจน บ่งบอกว่าแรงซื้อยังไม่หมด
4. ปัจจัยภายนอกและแนวโน้มอุตสาหกรรม
ตลาดเครื่องดื่มสุขภาพในไทยมีแนวโน้มโตต่อเนื่องปีละ 6-10%
ต้นทุน PET, น้ำตาล และบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มลดลงจากราคาน้ำมันที่ทรงตัว — เป็นบวกต่อ margin
กำลังซื้อผู้บริโภคไทยในปี 2025 เริ่มฟื้นตัวหลังเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น และค่าครองชีพนิ่ง
5. บทสรุป: กระทิง หรือ หมี?
แนวโน้มของ ICHI: "กระทิงแบบมีสติ (Cautious Bullish)"
เหตุผลสนับสนุนฝั่งกระทิง:
รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องจากทั้งชาเขียวและ OEM
แบรนด์แข็งในตลาด mass + ต้นทุนผลิตต่ำ
มีการปรับตัวสู่เทรนด์สุขภาพ และขยายไปตลาดต่างประเทศ
ข้อควรระวัง/ความเสี่ยง:
ตลาดชาเขียวในประเทศอิ่มตัว การเติบโตต้องพึ่งตลาดต่างประเทศและสินค้าใหม่
พึ่งพาการตลาดเยอะ ทำให้ต้นทุนโปรโมชั่นสูง
ถ้า OEM หดตัว หรือแบรนด์ลูกค้ารายใหญ่เปลี่ยนซัพพลายเออร์ จะกระทบรายได้ทันที
6. มุมมองสำหรับนักลงทุน
เหมาะกับนักลงทุนเน้นเติบโต (Growth with quality) ที่รับความผันผวนได้ปานกลาง
แนวรับดี คือช่วง 14.50 - 15 บาท ถ้าหลุดให้ระวังเปลี่ยนเทรนด์
ถ้าทะลุ 18 บาทด้วย volume แรง ถือเป็นสัญญาณ “เปิดรอบใหม่” ขาขึ้นระยะยาว
คุณมีความคิดเห็นอย่างใร กดหัวใจ กดติดตามใว้ด้วยน้า
โฆษณา