เมื่อวาน เวลา 03:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ส่องแฟ้ม สว. ซุ่มศึกษาข้อดี-ข้อเสีย "สถานบันเทิงครบวงจร" ทุกมิติ

เปิดแฟ้มวุฒิสภา พบเอกสารรวบรวมข้อมูลผลกระทบทั้งบวกและลบ "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือ Entertainment Complex ประกอบการตั้งกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ฐานเศรษฐกิจ เกาะติดกระบวนการพิจารณา "ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ...." ในรัฐสภา
ทั้งสภาล่าง คือ สภาผู้แทนราษฎร(สส.) ที่อยู่ระหว่างการรอเวลาพิจารณาในวาระที่ 1 หลังจากรัฐบาลขอเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากช่วงนั้นเพิ่งผ่านพ้นเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 และขอให้รอคิวหลังจากเปิดสมัยประชุมสภาจึงจะเสนอบรรจุเป็นวาระพิจารณาอีกครั้ง
และ "วุฒิสภา(สว.)" ที่แม้ว่ายังไม่ถึงกระบวนการของสภาสูง เพราะร่างพ.ร.บ.ยังไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาถึงมือ แต่ทว่าเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568 ที่ประชุมสว.มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ : Entertainment Complex ) จำนวน 35 คน ที่เสนอโดยนายสุรชาติ วิชัย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา
สำหรับกรอบเวลาทำงานของกรรมาธิการชุดดังกล่าว มีกำหนดเวลาการปฏิบัติงาน 180 วัน มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดผลการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรและกระทรวงการคลัง โดยทำหน้าที่พิจารณาศึกษา แนวทางในการจัดตั้ง ผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบที่อาจเกิดขึ้นได้
รวมทั้งศึกษาร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและจะส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่งด้วยอีกทางหนึ่ง
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบย้อนหลับพบว่า ในกระบวนการเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการฯ มีการจัดทำเอกสารประกอบการพิจารณาญัตติ โดยสำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบที่อาจเกิดขึ้น
ความเป็นมาและสถานการณ์การพนันในประเทศไทย
 
ข้อมูลจากเอกสาร โดยสำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ระบุว่าอุตสาหกรรมบันเทิงเป็นอีกอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้ประเทศ อาทิ มาเก๊า ลาสเวกัส สิงคโปร์ รวมถึงกัมพูชา ประกอบกับประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง นับเป็นต้นทุนที่ดีในการที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมด้านนี้ไปสู่การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรต่อไป
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้ธุรกิจการพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ทำให้นักพนันชาวไทยจำนวนมากยังคงเดินทางข้ามพรมแดนเพื่อไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้านที่อนุญาตให้มีบ่อนพนันถูกกฎหมายหรือที่เรียกว่ากาสิโน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา ลาว และเมียนมา ขณะที่บ่อนพนันผิดกฎหมายในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ และกลายเป็นแหล่งมั่วสุมที่ยากต่อการควบคุม
จากสถิติการรับแจ้งคดีอาญาของตำรวจระหว่างปี พ.ศ. 2564 กับ พ.ศ. 2565 พบว่าการรับแจ้งคดีที่เกี่ยวกับการพนันในปี พ.ศ. 2564 มีจำนวน 92,838 คดี แต่ในส่วนปี พ.ศ. 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 148,425 คดี ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59.88 โดยคดีที่เพิ่มสูงขึ้นมีความเกี่ยวพันกับการกวาดล้างจับกุมการพนันออนไลน์
1
ความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา
 
เอกสารระบุถึงปัญหาในการปราบปรามการพนันผิดกฎหมายว่า แม้จะมีการเข้าทลายบ่อน เข้าจับกุม หรือปิดเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ผิดกฎหมายและเว็บพนันต่าง ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจับกุมและลงโทษเจ้ามือ เจ้าของบ่อนพนัน เจ้าของสถานที่ หรือแม้แต่เจ้าของเว็บไซต์พนันได้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะกฎหมายปราบพนันของไทยยังล้าหลัง ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน
กฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือ พระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 ซึ่งถูกใช้มาแล้วกว่า 7 ทศวรรษ โดยมีข้อจำกัดหลายประการ
  • ไม่ว่าจะเป็นบทลงโทษที่ไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดความเกรงกลัว
  • การกระทำความผิดที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กฎหมายตามไม่ทัน
  • และการกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการองค์กรอาชญากรรมโดยมีการใช้อำนาจของผู้มีอิทธิพลในระดับท้องถิ่น อิทธิพลทางการเมือง หรืออิทธิพลของข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง
การศึกษาผลกระทบของการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร
 
ตามรายงานผลการศึกษาที่ผ่านมาของสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบในหลายด้าน
  • ผลกระทบเชิงบวก
ด้านนโยบายทางการเมือง
ช่วยให้ภาครัฐสามารถควบคุมหรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวมได้ดีขึ้น ทำให้ประชาชนหันไปพึ่งพาการพนันที่ผิดกฎหมายน้อยลง เป็นการลดภาระของเจ้าหน้าที่ภาครัฐในการที่จะป้องกันและปราบปรามตามกฎหมาย ช่วยลดปัญหาผู้มีอิทธิพล และลดปัญหาเงินตรารั่วไหลจากการที่ประชาชนนำเงินออกไปเล่นการพนันนอกประเทศ
1
ด้านเศรษฐกิจ
ระบบเศรษฐกิจภายในประเทศจะมีการเติบโตมากขึ้น ทำให้คนในพื้นที่มีรายได้มากยิ่งขึ้น เกิดการกระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบไม่เกิดการรั่วไหลออกนอกประเทศ และเกิดการลงทุนในพื้นที่มากขึ้น ภาครัฐจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี และรายได้อื่น ๆ ที่เกิดจากสถานบันเทิงครบวงจร โดยปกติภาษีที่จัดเก็บจากกาสิโนจะมีอัตราที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ภาครัฐมีรายได้ในการพัฒนาประเทศ
1
ด้านสังคม
สถานการณ์อัตราการว่างงานของคนในพื้นที่จะลดน้อยลง เพราะเกิดการจ้างงานและรายได้เพิ่มขึ้น ประชาชนลักลอบเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายน้อยลงทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมและอัตราการฆ่าตัวตายจำนวนลดลง และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
1
ด้านการศึกษา
หากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยจะทำให้เกิดการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะเฉพาะด้านในโรงเรียนหรือสถานศึกษา เพื่อรองรับตลาดแรงงานฝีมือที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจในสถานบันเทิงครบวงจร
1
  • ผลกระทบเชิงลบ
ด้านนโยบายทางการเมือง
การเปิดสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยอาจเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจที่ผิดกฎหมาย การกู้ยืมเงินนอกระบบ การค้ายาเสพติด ตลอดจนเป็นบ่อเกิดของการคอร์รัปชัน
ด้านเศรษฐกิจ
หากคนไทยเข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิงครบวงจรจนติดเป็นนิสัย อาจทำให้ไม่มีเงินพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือทรัพย์สินร่อยหรอจนเกิดเป็นปัญหาทางการเงินและการประกอบอาชีพ
ด้านสังคม
หากรัฐไม่มีมาตรการควบคุมการเข้าใช้สถานบันเทิงครบวงจรและธุรกิจกาสิโนอย่างเข้มงวดรัดกุมพอ อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคมได้ เช่น สังคมเสื่อมศีลธรรม ปัญหาฉ้อโกง ปล้น ลักทรัพย์ การก่ออาชญากรรม ตลอดจนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว
ด้านการศึกษา
สถานบันเทิงครบวงจรอาจกลายเป็นศูนย์รวมอบายมุข และแหล่งอาชญากรรม โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนที่อยู่ในวัยของการศึกษาเล่าเรียน เช่น ทำให้ไม่สนใจการเรียน ขาดเรียนบ่อย ส่งผลให้การเรียนตกต่ำ
ด้านสิ่งแวดล้อม
การมีสถานบันเทิงครบวงจรและธุรกิจกาสิโนในประเทศไทย จะต้องมีการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ จึงอาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์จากการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่จะก่อสร้าง
ด้านจริยธรรม ศาสนา และจารีตประเพณี
ในทางพุทธศาสนา การเที่ยวกลางคืนและการเล่นการพนันถือเป็นอบายมุข (หนทางแห่งความเสื่อม) อย่างหนึ่ง และยังผิดหลักจารีตในศาสนาอื่นด้วย
ที่มาข้อมูล - เอกสารประกอบการพิจารณาญัตติเรื่อง “ขอเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex)" โดย สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
โฆษณา