7 พ.ค. เวลา 03:30 • ธุรกิจ

ครั้งแรกในรอบ 25 ปี ยุโรป กำลังมีบริษัทใหญ่สุด มาจากธุรกิจเทคโนโลยี

25 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่มีมูลค่ามากสุดของยุโรป ก็จะวน ๆ อยู่เพียงธุรกิจยา แบรนด์หรู อาหารหรือของใช้ในแต่ละวัน
แต่วันนี้ แชมป์ของยุโรปได้เปลี่ยนไป เพราะไม่ใช่แบรนด์ของกินหรือของใช้ที่คุ้นเคย
แต่กลับเป็นบริษัทเทคโนโลยีซอฟต์แวร์จัดการองค์กรอย่าง SAP จากเยอรมนี ที่ใหญ่กว่าอาณาจักรแบรนด์หรูอย่าง LVMH, Hermès และอาณาจักรยาอย่าง Novo Nordisk ไปแล้ว
1
ทำไม SAP ได้ขึ้นมาครองบัลลังก์ บริษัทที่ใหญ่สุดในยุโรปได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“ยกเลิกการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กรไปซะ มันไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว”
2
นี่คือคำสั่งของบริษัท IBM ที่บอกกับวิศวกรชาวเยอรมัน 5 คน
คือคุณ Dietmar Hopp, คุณ Hans-Werner Hector, คุณ Hasso Plattner, คุณ Klaus Tschira และคุณ Claus Wellenreuther
เมื่อโปรเจกต์ที่กำลังพัฒนากันอยู่ ถูกฉีกทิ้งกะทันหัน
วิศวกรทั้ง 5 คนนี้ จึงยื่นใบลาออกในทันที
แต่หลังจากลาออก ทั้ง 5 คน ก็ยังนำโปรเจกต์นั้นมาพัฒนาต่อ พร้อมกับก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า SAP ในปี 1972
ตั้งแต่นั้นมา SAP ก็เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร
ด้วยความเชื่อของพวกเขาทั้ง 5 คนนี้ว่า ธุรกิจนี้จะกลายเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต
ก่อนต่อยอดระบบบัญชี ไปยังซอฟต์แวร์สำหรับวางแผนข้อมูลและทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร หรือที่เรียกกันว่า Enterprise Resource Planning (ERP) นั่นเอง
ถ้าถามว่า แล้วทำไมวิศวกรผู้ก่อตั้งทั้ง 5 คน ถึงเชื่อกันว่า
SAP จะเป็นธุรกิจที่มีอนาคต
คำตอบคือ ก็มาจากปัญหาจริงที่ธุรกิจทั่วไปต้องเจอ
ลองนึกภาพว่า ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทผลิตรองเท้า เราต้องดูแลภาพรวมตั้งแต่ฝ่ายผลิต ออกแบบ จัดส่ง
จัดเก็บสินค้า ไปจนถึงการวางขาย
แม้เราจะมีผู้ช่วยที่คอยทำงานแทนเราก็จริง แต่การติดต่อกันระหว่างฝ่ายเพื่ออัปเดตข้อมูลว่า ตอนนี้รองเท้าคู่นั้นอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว เป็นเรื่องที่วุ่นวายมาก
1
เพราะเมื่อขายรองเท้าไปแล้ว ฝ่ายขายก็ต้องไปอัปเดตกับฝ่ายจัดการสินค้าคงคลัง จากนั้นฝ่ายจัดการสินค้าคงคลัง ก็ต้องไปอัปเดตข้อมูลกับฝ่ายผลิตอีกทอดหนึ่ง
เท่านี้ยังไม่พอ ฝ่ายขายก็ต้องไปอัปเดตข้อมูลกับฝ่ายบัญชี
ว่ารองเท้านี้ขายไปแล้วเท่าไร เพื่อบันทึกรายได้ที่เข้ามา
ซึ่งถ้าบริษัทเรามีขนาดเล็กก็คงไม่เป็นไร แต่ลองคิดภาพว่า
ถ้าผลิตรองเท้าเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนคู่ โอกาสที่ข้อมูลจะไม่ตรงกันก็มีสูงมาก
จากปัญหาตรงนี้เอง ทำให้ SAP พัฒนาซอฟต์แวร์องค์กรที่ทำให้ทุกฝ่ายรู้ข้อมูลและความเคลื่อนไหวของกิจกรรมทางธุรกิจ ตรงกันในครั้งเดียวไปเลย
1
- เมื่อมีคำสั่งการผลิต โรงงานรู้ทันที
- เมื่อโรงงานส่งของไปแล้ว ฝ่ายคลังสินค้ารู้ทันที
- เมื่อคลังแจกจ่ายสินค้าไปแล้ว ฝ่ายขายรู้ทันที
- เมื่อสินค้าในสต๊อกเริ่มขาด ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรู้ทันที
พอข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์ ก็ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถตัดสินใจวางแผนทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทันที
คอนเซปต์การแก้ปัญหาที่เรียบง่ายแบบนี้ ทำให้ SAP
มีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันก็ปรับโมเดลการขายซอฟต์แวร์ของตัวเองออกเป็น 2 แบบด้วยกัน
แบบแรกเลย คือ ขายซอฟต์แวร์ให้ลูกค้าองค์กรใช้งานบน Cloud ของตัวเอง
พูดง่าย ๆ คือ เหมือนกับการที่เราเช่าพื้นที่จัดเก็บและจัดการข้อมูลทั้งหมดฝากไว้กับ SAP
ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือ ลูกค้าซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ของ SAP ไปเลย ซึ่งทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของซอฟต์แวร์อย่างสมบูรณ์ที่สามารถปรับแต่งระบบต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง
จากโมเดลธุรกิจแบบนี้เองบวกกับการเข้ามาของ AI
ที่ช่วยจัดการข้อมูล ซึ่งเรียกกันว่า Cloud Computing
ก็ทำให้ผลประกอบการของบริษัท เติบโตต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2022
- รายได้ 1,096,867 ล้านบาท
- กำไร 84,869 ล้านบาท
1
ปี 2023
- รายได้ 1,171,385 ล้านบาท
- กำไร 230,433 ล้านบาท
ปี 2024
- รายได้ 1,282,830 ล้านบาท
- กำไร 117,262 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2025
- รายได้ 338,311 ล้านบาท
- กำไร 66,814 ล้านบาท
ซึ่งต้องหมายเหตุว่า กำไรในปี 2023 ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ มาจากกำไรพิเศษจากการขายกลุ่มธุรกิจหนึ่งออกไป
โดยปัจจุบันรายได้ทุก ๆ 100 บาทของ SAP มาจาก
- รายได้กลุ่ม Cloud 50 บาท
- รายได้กลุ่ม Software License and Support 37 บาท
- รายได้กลุ่ม Service 13 บาท
2
และไม่ใช่แค่รายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ราคาหุ้นของบริษัทก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 65% ภายในระยะเวลา 1 ปี
2
สวนทางกับ Novo Nordisk บริษัทยาจากเดนมาร์ก ที่ราคาหุ้นลดลง 44%
และ LVMH บริษัทแบรนด์หรูจากฝรั่งเศส ที่ราคาหุ้นลดลง 37% ในช่วงเดียวกันแทน
จนปัจจุบัน ราคาหุ้นของ SAP ที่ปรับขึ้นมา ทำให้บริษัทนี้มีมูลค่าบริษัทแตะ 12 ล้านล้านบาท กลายเป็นบริษัทใหญ่สุดของยุโรป ที่มาจากธุรกิจเทคโนโลยี เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว
เรียกได้ว่า ก็อาจเป็นการเปลี่ยนภาพจำของธุรกิจยุโรป ที่มักเป็นทวีปแห่งธุรกิจแบรนด์หรู ยา เครื่องสำอาง หรือของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน เท่านั้น
มาวันนี้ ทุกคนต้องเปลี่ยนภาพจำกันใหม่ว่า ยุโรปก็โดดเด่นเรื่องธุรกิจเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ จนทุกคนต้องพึ่งพาเช่นกัน
และไม่ใช่แค่ SAP ที่ทำให้ลูกค้าหลายแห่งทั่วโลก จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทรายนี้
แต่ยังรวมไปถึงบริษัทอื่น ๆ อีก จำนวนไม่น้อย เช่น ASML จากเนเธอร์แลนด์ ที่ขายเครื่องผลิตชิปซับซ้อนขั้นสูง ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตชิป ที่โลกขาดไม่ได้ไปแล้ว..
โฆษณา