6 พ.ค. เวลา 13:51 • ยานยนต์
กาญจนบุรี

เปิดตำนาน F-16 เขี้ยวเล็บหลักกองทัพอากาศไทย

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน หลังเที่ยงวันนี้มีหลายท่านได้ยินเสียงดังสนั่นไปทั่วกาญจนบุรี ในขณะเดียวกันก็มีบางท่านถ่ายคลิปและโพสต์ภาพเครื่องบินขับไล่ทั้ง 2 เครื่องลงในโลกโซเชียล ทำให้ในเวลาต่อมาโฆษกกองทัพอากาศท่านแถลงชี้แจงว่า มีเครื่องบินโจมตีเบา แบบ K8 ของกองทัพอากาศพม่าบินเข้ามาใกล้ชายแดนไทยห่างประมาณ 2 ไมล์
ทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ หน่วยบัญชาการควบคุมทางอากาศ (คปอ.)  จึงได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F -16 จำนวน2 เครื่องทะยานขึ้นจากกองบิน 4 ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ขึ้นทำการบินสกัดกั้น  และทำการบินลาดตระเวนรบต่อเนื่อง
จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เขียนต้องไปหาข้อมูล F-16 มาแบ่งปันกัน ชื่อ F-16 ทุกท่านคุ้นเคยกันดี วันนี้ผู้เขียนจึงขออนุญาตินำเสนอที่มาที่ไปของเครื่องบินขับไล่ที่ทรงอานุภาพแบบนี้ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรไปติดตามกันได้ครับ
ท่านจำได้หรือไม่ในยุค 80 กองทัพอากาศไทยได้จัดตั้งโครงการ “PEACE NARESUAN” เพื่อจัดหาเครื่องบินรบใหม่ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐ มีการบรรยายเกี่ยวกับเครื่องบินรบที่เหมาะกับไทย 3รุ่น เช่น F-16A (ตัวปัจจุบันของทอ.), F-16/79 และ F-20
ซึ่งทางสหรัฐฯเชียร์ไทยให้ซื้อ F-20 เพราะเหมาะสมกับบ้านเรา อีกแบบก็คือ F-16/79 ซึ่งทั้งคู่นี้ก็ไม่มีประจำการในประเทศใดเลยแม้แต่ประเทศเดียวและโครงการทั้ง 2 นี้ก็ต้องยุติไปในเวลาต่อมา
ปี 1985 พลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศในขณะนั้น เป็นผู้ที่มีคุณูปการในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังทางอากาศ โดยเป็นผู้ริเริ่มในการจัดหาเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์สมรรถนะสูงแบบ F-16 เข้าประจำการในกองทัพอากาศไทย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนากองทัพอากาศให้มีความทันสมัย พร้อมรองรับความท้าทายและภัยคุกคามในขณะนั้นที่เป็นยุคสงครามเย็น
ค.ศ.1988 ฝูงบิน 103 กองบิน 1 โคราชได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ บ.ข.19/ก F-16A/B Block 15 OCU ในโครงการ Peace Naresuan I จำนวน 12 เครื่อง สำหรับ F-16A ฝูงบิน 103 ทำหน้าที่ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก มีภารกิจในการบินขับไล่/โจมตีทางอากาศ ต่อมามีการจัดหาเพิ่มเติมตามโครงการ Peace Naresuan II จำนวน 6 เครื่องมีพิธีบรรจุเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ.1991 รวมเข้าประจำการในช่วงแรก 18 เครื่อง
ต่อมาปีค.ศ.1991 แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีสภาวะสงคราม แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้เมื่อท่านผู้บัญชาการทหารอากาศในขณะนั้นมีดำริให้จัดหา F-16A เพิ่มอีกฝูงเพราะรู้ดีว่าประเทศเพื่อนบ้านก็มีการเสริมกำลังรถถังมากมายประกอบกับเครื่องบินรบเราก็เก่ามากโดยเฉพาะ F-5A , T-33 และ A-37B แบบที่ผู้เขียนกล่าวมานี้ก็เป็นเครื่องบินรบที่ขาดแคลนอะไหล่ในการบำรุงรักษาและโครงสร้างเก่ามาก ยิ่งบินเครื่องบินประเภทนี้ต่อไปอาจทำให้นักบินหน้าใหม่ต้องเข้าโลง
ฉะนั้นเครื่องบินขับไล่ F-16A จึงมาประจำการที่ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี โดยมีพลอากาศเอกกันต์ พิมานทิพย์ เป็นผู้ริเริ่มโครงการ โดยเป็นเครื่องบินขับไล่ F-16A/B Block 15 OCU ที่กองทัพอากาศไทยที่จัดหาภายใต้โครงการ Peace Naresuan III จำนวน 18 เครื่อง สำหรับกองทัพอากาศไทยนั้นเป็นลูกค้ารายสุดท้ายในสายการผลิตเครื่องบินขับไล่ F-16A/B
ค.ศ.1996 พลเอกชวลิตร ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการจัดหา F-18 Hornet แต่ตกม้าตายเพราะวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง จึงไปจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16ADF ที่เคยประจำการในกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ กองทัพอากาศสหรัฐฯ
ต่อมาเมื่อนายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2000 กองทัพอากาศไทยได้ส่งนักบินไปฝึกบินกับ F-16 ฝูงใหม่ป้ายแดง
วันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ.2002 ฝูงบิน 102 กองบิน 1 โคราช ได้รับเครื่องบินขับไล่ F-16ADF ชุดแรกจำนวน 5 เครื่องจากทั้งหมด 16 เครื่อง เข้าประจำการตามโครงการ Peace Naresuan IV
ปี 2004 กองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force) ได้ส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16A 2 เครื่อง และ F-16B 5 เครื่อง รวม 7 เครื่อง(โครงการ Peace Carvin I) เข้าประจำการในฝูงบิน 103
F-16 ที่ประจำการในฝูงบิน 102 ฝูงบิน103 และฝูงบิน 403 นั้นมีความแตกต่างจาก F-16A/B รุ่นก่อนหน้าที่ผลิตก่อนหน้าหลายส่วนเช่นติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบ Pratt & Whitney F100-PW-220
ซึ่งมีสมรรถนะและความน่าเชื่อถือสูงกว่าเครืองยนต์ F100-PW-200 รุ่นก่อน
ห้องนักบินติดตั้งจอแสดงผลตรงหน้า(HUD: Head-Up Display) แบบกว้างเช่นเดียวกับที่ติดตั้งในเครื่องบิน F-16C/D แต่ไม่มีแผงควบคุมบูรณาการ(ICP: Integrated Control Panel) และคันบังคับควบคุมและคันเร่งแบบ HOTAS(Hands-On Throttle and Stick) ยังคงเป็นแบบมาตรฐาน
แผงเครื่องวัดประกอบการบินและอุปกรณ์ด้านหน้าของห้องนักบินยังคงรูปแบบจากรุ่น Block 15 เดิมคือมี เครื่องวัดเข็มตรงกลางหน้าและด้านขวา มีหน้าจอควบคุมระบบอาวุธและอุปกรณ์ที่ติดตั้งกับเครื่อง(SCP: Stores Control Panel)
และจอแสดงผล REO(Radar Electro Optical) ตรงกลางด้านล่างสำหรับข้อมูลจากเรดาห์แบบ AN/APG-66 หรือภาพจากกล้องของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM-65 Maverick, กระเปาะนำร่อง RUBIS และกระเปาะชี้เป้า ATLIS II ของบริษัท Thomson-CSF ฝรั่งเศส
สำหรับการเดินอากาศในเวลากลางคืนและการใช้ระเบิดนำวิถี Laser ตระกูล Paveway II ทั้ง GBU-12 ขนาด 500lbs และ GBU-10 ขนาด 2,000lbs รวมถึงกระเปาะสงคราม Electronic แบบ AN/ALQ-131 เป็นต้น
ความแตกต่างของเครื่องบินขับไล่ F-16 ทั้ง 3 ฝูงบิน จึงมีค่อนข้างน้อย อย่างเช่นห้องนักบิน F-16A/B ADF จะใช้จอ HUD รุ่นแก่าแบบจอแคบ และมีเครื่องบันทึกวีดิทัศน์ติดตั้งไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม F-16A/B Block 15 OCU ของกองทัพอากาศไทยนั้นยังมีขีดความสามารถที่จำกัดในบางประการ เมื่อเทียบกับเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 รุ่นใหม่ๆที่มีสายการผลิตในช่วงปี 1980s-1990s เช่นใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศได้เฉพาะ AIM-9P/L/M Sidewinder เช่นเดียวกับกระเปาะนำร่อง RUBIS ที่ไม่มีระบบชี้เป้าสำหรับอาวุธนำวิถี laser และกระเปาะชี้เป้า ATLIS II ที่ไม่มีระบบสร้างภาพความร้อน infrared ในตัวทำให้มีข้อจำกัดในการใช้ชี้เป้าหมายเวลากลางคืนหรือสภาพอากาศปิด
หลังจากที่ F-16ADF ประจำการมาได้เกือบ 20 ปีค.ศ.2021 F-16ADF ฝูงบิน102 กองบิน 1 ถูกโอนย้ายไปรวมกับฝูงบิน 103 เพื่อดำรงรักษาสภาพเครื่องให้บินต่อไป ในปี 2024 มีข้อมูลจาก Cirium fleets data ระบุว่ากองทัพอากาศไทยมีเครื่องบินขับไล่ F-16A Block 15 OCU และ F-16ADF ในฝูงบิน103 กองบิน 1 โคราช และ  F-16MLU ในฝูงบิน403 กองบิน4 ตาคลี รวมทั้งหมด 47เครื่อง โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 34.3ปี
ถ้าจะถามว่าเครื่องบินขับไล่ F-16ฝูงใดในกองทัพอากาศไทยทันสมัยที่สุดคำตอบคือ F-16MLU ฝูงบิน 403 มีขีดความสามารถเทียบเท่ากับ F-16 C/D Block 50/52 และสามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 8,000 ชั่วโมงบิน หรือในอีก 20 ปีข้างหน้า
โดยการปรับปรุง จะทำการทดแทนอุปกรณ์เก่าด้วยอุปกรณ์ใหม่ที่ทันสมัย และจัดหาระบบอาวุธ ดังนี้
- ติดตั้งเรดาร์ใหม่แบบ Northrop Grumman AN/APG-68(V)9 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกลกว่าเดิมถึง 2 เท่า หรือ 296.32 กิโลเมตร และมีระบบสร้างภาพภาคพื้นดินความละเอียดสูง (Synthetic Aperture Radar: SAR) สามารถสแกนเป้าหมายภาคพื้นด้วยความละเอียดสูงกว่าเดิม ช่วยให้นักบินสามารถระบุ และยืนยันเป้าหมายได้จากระยะไกล
- ติดตั้งระบบระบบพิสูจน์ฝ่ายแบบ BAE Systems AN/APX-113 Combined Interrogator and Transponder ซึ่งระบบพิสูจน์ฝ่ายแบบใหม่ หรือ Advanced Identification Friend or Foe: AIFF นี้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการบิน จากการระบุฝ่ายของอากาศยาน และเป็นการป้องกันการยิงอากาศยานฝ่ายเดียวกัน
- ติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบ Terma AN/ALQ-213 Electronic Warfare Management System มีระบบการจัดการสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ สามารถปล่อยเป้าลวงจรวดนำวิถีด้วยความร้อน และรบกวนการตรวจจับด้วยเรดาร์ ของข้าศึกแบบอัตโนมัติได้
จึงเป็นการลดภารกรรมของนักบินในขณะเข้าไปทำลายเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสความอยู่รอดในพื้นที่การรบอีกด้วย
- ติดตั้งระบบเป้าลวงแบบ BAE Systems AN/ALE-47 Airborne Countermeasures Dispenser System
- มีการออกแบบ และเปลี่ยนระบบการแสดงผลของห้องนักบินใหม่ รวมทั้งมีการเปลี่ยนคันบังคับการบิน
- ติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางยุทธวิธีแบบ Link 16 ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบ Air Command and Control System หรือ ACCS ของกองทัพอากาศไทย ซึ่งระบบ Tactical Data Link แบบ Link-16 นี้
จะแบ่งบันข้อมูลของอากาศยานฝ่ายเดียวกันของทุกหมู่บิน ตลอดจนหน่วยรบทุกเหล่าทัพที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้ อันจะทำให้ทุกคนมีความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ขณะทำการรบสูงสุด และทำให้การฝึกรบร่วมกับนานาประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้หมวกบินติดศูนย์เล็งแบบ Boeing Joint Helmet-Mounted Cueing System (JHMCS) เพื่อแสดงข้อมูลการบิน และการใช้อาวุธ
- ติดตั้งระบบกระเปาะชี้เป้าหมายแบบ Lockheed Martin AN/AAQ-33 Sniper Advanced Targeting Pod (Sniper ATP Pod) โดยกระเปาะชี้เป้า เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ F-16MLU
เพื่อทำการชี้เป้าหมายด้วยเลเซอร์/ อินฟราเรด ใช้นำทางระเบิด หรืออาวุธปล่อยที่นำวิถีด้วยเลเซอร์ หรือระบบกำหนดตำแหน่งบินพื้นโลก (GPS) เข้าสู่เป้าหมาย และถ่ายภาพในภารกิจลาดตระเวน และตรวจการณ์
- รองรับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลางนอกสายตาแบบ Raytheon AIM-120C-7 Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile (AMRAAM) ระยะยิง 120 กิโลเมตร ด้วยความเร็วมากกว่า 4 มัค
- รองรับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ติดตามด้วยอินฟราเรดแบบ Diehl IRIS-T (Infrared Imaging System Tail/ Thrust Vector-controlled) หรือ AIM-2000 ระยะยิง 25 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 3 มัค
- รองรับระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ และดาวเทียม เช่น GBU-38 Joint Direct Attack Munition (JDAM)
ในปีเดียวกันนี้ยังได้มีการจัดทำสมุดปกขาว RTAF White Paper โดยมีการกล่าวถึงเครื่องบินขับไล่ทดแทน F-16ADF
การเลื่อนกรอบระยะเวลาการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีใหม่จำนวน 12-14 เครื่องทดแทน F-16ADF เป็นการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณ 2025-2034 โดยมีผู้เข้าแข่งขันอยู่ 2 แบบคือ F-16 Block 70 และ Gripen E
Lockheed Martin สหรัฐฯได้นำเสนอเครื่องบินขับไล่ F-16 Block 70/72 ของตนพร้อมข้อเสนอเสนอที่เป็นประโยชน์แก่ไทยทั้งการให้สิทธิการเข้าถึง LINK-16 datalink การถ่ายทอดวิทยาการแก่ไทย อายุการใช้งานโครงสร้างอากาศยานยาวนานถึง 12,000 ชั่วโมง(60 ปีถ้าทำการบินเฉลี่ยปีละ 200 ชั่วโมง) และการเปลี่ยนผ่านที่ไร้รอยต่อ
ขณะที่บริษัท Saab สวีเดนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ของในฐานะตัวเลือกที่เป็นอิสระอย่างแท้จริงแก่กองทัพอากาศไทยที่สามารถใช้ datalink ของตนเองอย่าง LINK TH เชื่อมโยงเครือข่ายของกองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพได้ และข้อเสนอการถ่ายทอดวิทยาการและการชดเชยที่เป็นประโยชน์แก่กองทัพอากาศไทยและภาคอุตสาหกรรมการบินและป้องกันประเทศของไทยที่สมบูรณ์
ต่อมากองทัพอากาศไทยได้ประกาศชัดเจนว่าตนได้เลือกการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ 20ข/ค Gripen E/F จากสวีเดนแทนที่จะเป็นเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16V Block 70 จากสหรัฐฯ มตินี้เป็นเอกฉันท์ทำให้ F-16 หลุดออกจากโครงการในครั้งนี้
แม้สหรัฐฯได้เน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันกับไทยในฐานะชาติพันธมิตรและพวกเขาไม่ต้องการให้กองทัพอากาศไทยเสียความต่อเนื่องในการเป็นผู้ใช้งาน F-16 มายาวนาน ทุกท่านก็ทราบกันดีว่าอิทธิพลทางการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐฯเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ F-16 เป็นผู้ชนะในหลายโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ของต่างประเทศ แต่ในครั้งนี้เมื่อกองทัพอากาศไทยเลือก Gripen E ผู้เขียนก็เคารพในการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เรื่องราวของ F-16 ยังไม่จบ ในบทความหน้าผู้เขียนจะมาเล่าสู่กันฟังว่า F-16 เคยรบเหมือน F-5 หรือไม่แล้วมีสมรภูมิใดที่ทำให้ F-16 อยู่ในความทรงจำทุกท่านบ้าง ผู้เขียนจะพยายามหาข้อมูลมานำเสนอ เพื่อให้เห็นว่า F-16 ก็เคยไปรบมาไม่ได้มีไว้บินโชว์อย่างที่บางท่านนินทา สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
Credit ภาพประกอบและบทความ
AAG_TH บันทึกประจำวัน
Military Weapons อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร
Pacharat Pek
อนุรักษ์ สิงโตอ่อน
โฆษณา