7 พ.ค. เวลา 03:29 • การเมือง
Thailand

ดุดัน ไม่เกรงใจใคร! ต้อง F-16 กองทัพอากาศไทยเท่านั้น!

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน อย่างที่ผู้เขียนกล่าวไว้ในตอนก่อนหน้าว่า EP. นี้จะเป็นบทความจบของเรื่องเครื่องบินขับไล่ F-16 ในกองทัพอากาศไทย ก่อนที่ผู้เขียนจะปล่อยบทความเรื่องอื่นลงต่อจากนี้
ความเดิมในบทความที่แล้วเราพูดถึงว่า F-16 มีที่ไปที่มาอย่างไร วันนี้ผู้เขียนจะมานำเสนอวีรกรรมของ F-16 ให้ได้อ่านกันบ้าง หากเนื้อหาใดเสียดสีหรือมีเจตนาเข้าข่ายทำให้พี่น้องประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านต้องทุกข์ใจ ผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะเนื้อหาที่เขียนนี้เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ ขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
ประมาณปี 1991 สมัยที่นาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี "JAPAN" ทำการบินกับเครื่องบินขับไล่ F-16 ท่านแลันักบินในฝูงบิน 103 ได้รับคำสั่งในการเตรียมความพร้อม  Hot Alert ตามมาด้วยการวิ่งขึ้นหรือ scramble สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ในภารกิจนี้จะถูกเตรียมพร้อมสำหรับการสกัดกั้น
โดยมีการบรรทุกอาวุธเต็มอัตรา ซึ่งประกอบด้วยปืน M61A1 บรรจุกระสุนจำนวน 512 นัด และ จรวด Sidewinder M9 จำนวน 4 ลูกที่ใต้ปีกและปลายปีก วันนั้นท่านไม่ทราบเลยว่าการบินสกัดกั้นจะพบกับเครื่องบินไม่ปรากฏสัญชาติที่บินจากกัมพูชาเข้ามาในน่านฟ้าไทย เพราะอีกฝ่ายก็เป็นเครื่องบินไม่มีอาวุธ
เมื่อบินไปไกลจากโคราชก็พบเครื่องบินเป้าหมาย
ถ้าจะใช้การล็อกเป้าหมาย ท่านศิธาอธิบายว่า ในระหว่างการบินสกัดกั้น เมื่อเข้าใกล้เป้าหมาย จะมีการล็อกเป้าหมายด้วยจรวด Sidewinder ในสถานการณ์ "combat" จะใช้ "combat lock"
ท่านอธิบายเสริมว่าเมื่อเรากดล็อก หัวของจรวดจะไล่ติดตามเป้าหมาย และจะ "เลี้ยวไปชนทันที" นี่คือกระบวนการล็อกเป้าหมายก่อนที่จะทำการยิง
แต่โชคดีที่เครื่องบินขับไล่ F-16 เข้าไปใกล้พอ เรดาร์ภาคพื้นดินได้แจ้งว่าเครื่องบินขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเข้ามาในประเทศไทยอย่างเร่งด่วนเพื่อนำผู้บาดเจ็บจากการเก็บกู้ระเบิดในกัมพูชาเข้ามา ประกอบกับมีการส่งแผนการบิน (flight plan) ล่าช้า
ปี 1995 เรื่องเกิดกับท่านศิธาเช่นเคยแต่รอบนี้ท่านไปบินสกัดกั้นเครื่องบินโดยสารโดยไม่ได้ตั้งใจ
เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อมีเครื่องบินไม่ทราบฝ่าย บินเข้ามาในพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งถือเป็นการบินที่ผิดกฎ ฝูงบินขับไล่ที่ 103 จึงต้องทำตามหน้าที่ โดยมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่ F-16 ทั้ง 2 เครื่องขึ้นไปสกัดกั้น เพื่อบังคับให้ออกนอกเส้นทางบิน
เมื่อท่านและเพื่อนที่เป็นนักบิน F-16 บินเข้าไปใกล้ ก็พบว่าเครื่องบินเป้าหมายคือ เครื่องบินโดยสารของสายการบินหนึ่ง นักบิน F-16 ได้รับคำสั่งให้ บินประกบและจดเลขทะเบียนเครื่องบินเพื่อเป็นหลักฐาน เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไอแพดหรือกล้องถ่ายรูป
นักบินจึงต้องบินเทียบข้าง บินเข้าไปใกล้ และ บินลอดใต้เครื่อง เพื่อดูเลขทะเบียนที่อาจอยู่ใต้ปีกหรือส่วนหาง ในระหว่างนั้น ผู้โดยสารบนเครื่องบินโดยสารก็ถ่ายรูป เครื่อง F-16 กันใหญ่ ขณะที่นักบินเครื่องโดยสารก็แสดงอาการไม่พอใจที่ถูก F-16 มาสกัดกั้น บางคนก็ตกใจว่ามีเหตุอันใด F-16 ถึงต้องมา
ภายหลังเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการรายงานว่านักบิน F-16 ไปบิน "รอบเครื่องเล่น" แต่ท่านได้ชี้แจงผู้ใหญ่ในกองทัพอากาศที่คณะกรรมการสอบสวนท่าน (หัวหน้ากก.สอบสวนเคยเป็นนักบิน F-16) ว่าเป็นไปตามขั้นตอนและท่าทางการบินที่ใช้ (เช่น cross under, crossover) ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำสำหรับนักบินเพื่อพยายามดูและจดตัวเลขทะเบียนเครื่องบินตามที่มีคำสั่งออกมา อีกทั้งท่านยังไม่ทราบว่าเป็นเครื่องบินโดยสารจึงถือว่าเป็นบทเรียนอันผิดพลาดครั้งหนึ่งของกองทัพอากาศเรา
ปีค.ศ. 2001 ระหว่างสงครามไทย-พม่าเครื่องบินขับไล่ของไทยได้ทำการโจมตีด้วยลูกระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ต่อฐานปืนใหญ่ของพม่า ในขณะเดียวกันไม่มีเครื่องบินของกองทัพอากาศพม่าออกปฏิบัติการณ์หรือสอย F-16 ไทยร่วงแม้แต่เครื่องเดียว เพราะเครื่องบินขับไล่ F-7 ถูกส่งไปปรับปรุงที่อิสราเอล ประกอบกับ ผู้นำทหารพม่าได้สั่งการให้หน่วยบิน F-7 สามหน่วยกระจายกำลังออกไป อีกทั้งเครื่องบินขับไล่ F-7 ที่ติดอาวุธเต็มที่นั้นหนักเกินกว่าที่จะทำการรบกับ F-16 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงไม่มีวี่แววที่เครื่องบินขับไล่ F-7 จะมาสกัดกั้นเครื่องบิน F-5 และ F-16 ของไทย
หลังจากนั้นมีการบันทึกว่าวันที่ 10 พฤษภาคมของปีเดียวกัน เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยโจมตีเป้าหมายที่ Kyauket ในเขตรัฐฉาน ทางการพม่าได้ประท้วงทางการไทยในกรณีดังกล่าว
29 มกราคม 2003 เกิดเหตุจลาจลในกรุง พนมเปญ ของกัมพูชา  ทางฝ่ายความมั่นคงของไทยวางแผนการอพยพคนไทยกลับมายังประเทศไทย โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และนั่นนำมาซึ่งการเปิด ปฏิบัติการโปเซนตง1
กองทัพอากาศไม่รอช้า จึงได้สั่งการให้ F-16 จากฝูงบิน 102 และ 103 เตรียมพร้อม ณ กองบิน 1 โคราชเพื่อให้สามารถขึ้นบินได้ภายใน 5 นาทีหลังได้รับคำสั่ง โดยกำลังทั้งหมดจะทำหน้าที่คุ้มกันหมู่บินเฉพาะกิจที่
ประกอบไปด้วยเครื่องบินลำเลียง C-130H จำนวน 5 เครื่อง และเครื่องบินลำเลียง G-222 จำนวน 1 เครื่องโดยมีพลอากาศเอกระเด่น พึ่งพักตร์ ผู้บัญชาการยุทธทางอากาศ (หน่วยในขณะนั้น ปัจจุบันไม่มีแล้ว) เดินทางไปพร้อมกับ G-222 ทำหน้าที่เป็นเครื่องบินบัญชาการซึ่งจะไม่ลงจอด
หากเหตุการณ์เกิดบานปลายขึ้น จะต้องปรับไปใช้ปฏิบัติการโปเชนตง2 ในการให้ F-16 ของกองบิน 1 บินเข้าสู่น่านฟ้ากัมพูชาเพื่อคุ้มกันหมู่บินให้สามารถลงจอดได้ รวมถึงอาจต้องทำการใช้อาวุธเพื่อขัดขวางทางอากาศไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามายังพื้นที่ที่คนไทยรวมตัวอยู่ และอาจต้องคุ้มกันหมู่บินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือที่จะต้องบินขึ้นจากเรือหลวงจักรีนฤเบศรไปรับคนไทยกลับมายังหมู่เรือเฉพาะกิจที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งกัมพูชา
วันที่ 30 มกราคม 2003 หลังจากได้รับคำสั่งเริ่มปฏิบัติการ เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H ทั้ง 5 เครื่องบินขึ้นจากกองบิน 6 ดอนเมืองพร้อมกับ G-222 อีก 1 เครื่อง พร้อมหน่วยรบพิเศษมุ่งหน้าสู่สนามบินโปเชนตงของกัมพูชาเพื่อรับคนไทยกว่า 700 คนกลับบ้าน
ปฏิบัติการโปเซนตง 1 กำหนดให้หมู่เรือเฉพาะกิจของกองทัพเรือเตรียมพร้อม นอกชายฝั่งของกัมพูชาเพื่อเตรียมพร้อมเช่นเดียวกับ F-16 ที่กองบิน 1 ติดอาวุธพร้อมขึ้นทำการบินคุ้มกันเพื่อนำคนไทยกลับมาได้อย่างปลอดภัย และให้กำลังทั้งหมดคุ้มกันหมู่บินเฉพาะกิจทั้ง 6 เครื่องในฐานะ Hihg-value Asset ที่เดินทางไปยังกัมพูชา
เครื่องบินลำเลียงฝ่ายเรากลับมาถึงกองบิน 6 ในเวลา 07.50 และทะยอยกลับมาจนครบ 5 เครื่องในเวลา 09.30 น. ตามมาด้วยเครื่องบิน G-222 ที่ลงจอดในเวลา 09.40 น. โดยทั้งหมดทำการถ่ายโอนคนไทย เติมน้ำมัน ตรวสอบสภาพเครื่อง และขึ้นบินอีกครั้งเพื่อกลับไปรับคนไทยที่เหลืออีก 192 คน ซึ่งรวมถึงเอกอัครราชทูตไทย ผู้ช่วยทูต และเจ้าหน้าที่สถานทูตที่อาสาอยู่รอดูแลทุกคนจนมั่นใจว่าไม่มีใครตกค้าง และถอนกำลังคุ้มกันถึงยังประเทศไทยทั้งหมดในช่วงเย็นของวันนั้น ภารกิจครั้งผ่านไปด้วยดี
ปี 2011 ระหว่างกรณีพิพาทเขาพระวิหารเครื่องบินขับไล่ F-16  จำนวน 2 เครื่องบินลาดตระเวนในเขตน่านฟ้าไทยบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ต่อมามีการบันทึกในวันที่ 26 เมษายนปีนั้นว่าเครื่องบิน F-16 ทำการบินจนได้เกิดโซนิคบูม
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นระยะ  ส่งผลให้ทหารกัมพูชาที่ภูมะเขือแตกตื่นเข้าใจว่าถูกฝ่ายไทยโจมตี  จึงระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่เครื่องบินขับไล่ฝ่ายเราทั้ง 2 เครื่องและยิงจรวด อาร์พีจี   ปืน ค.   และ ปรส. ข้ามมาฝั่งไทยระลอกหนึ่ง  ฝ่ายไทยจึงยิงอาวุธประจำกายโต้ตอบ เกิดการปะทะขึ้นอย่างดุเดือดประมาณ 30 นาที
วันที่ 30 มิถุนายนค.ศ.2022 เครื่องบินขับไล่ MIG-29 ของกองทัพพม่าบินล้ำน่านฟ้าของไทยบริเวณชายแดนด้านอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน การปฏิบัติการยิงฐาน KNU และ PDF เกิดขึ้น 4 รอบใช้เวลาประมาณ 15 นาที แม้กองทัพอากาศได้ทำการส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นลาดตระเวนในภายหลังจึงถูกชาวไทยมองว่าเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
ด้าน Thairath รายงานว่าที่ผ่านมากองทัพอากาศพม่า ใช้เครื่องบินเข้าโจมตีชนกลุ่มน้อยบริเวณตะเข็บสายแดนไทย-พม่ามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่โดยมากมักใช้เครื่องบิน Yak-130 และ เฮลิคอปเตอร์โจมตี ซึ่งลักษณะของเครื่องจะเล็กกว่า แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น กองทัพอากาศพม่าใช้เครื่องบินขับไล่ MIG-29 ซึ่งเครื่องใหญ่กว่ากันมากและบินในระดับต่ำขณะท้องฟ้าเปิด จึงทำให้สามารถสังเกตด้วยสายตาได้ชัดเจน
การไทยไม่สอย MIG-29 ให้ร่วงเพราะประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศพม่า
ด้วยเหตุนี้...การปฏิบัติในฐานะที่เป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน จึงมีประโยชน์นำเครื่องบินรบออกไปบินสกัด หรือใช้ความรุนแรงจนไปกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ
ต่อมาวันที่ 27 ตุลาคม 2022 กองทัพอากาศไทยประกาศการฝึกความพร้อมกำลังรบทางอากาศในพื้นที่ชายแดนตะวันตกของไทย โดยรวมถึงการนำเครื่องบินขับไล่  F-16 ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลีทำภารกิจลาดตระเวนทางอากาศติดอาวุธ(Armed Reconnaissance)
อย่างไรก็ตามในแหล่งข้อมูลเปิดเช่น Flightradar24 ซึ่งเป็น Website แสดงการติดตามการเดินทางของอากาศยาน ยังได้แสดงถึงเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ บ.ค.๑ Saab 340 ERIEYE AEW&C ฝูงบิน 702 กองบิน 7 สุราษฎร์ฯ ทำการบินในบริเวณชายแดนตะวันตกด้วย
นี่ทำให้มีข้อสังเกตว่ากองทัพอากาศไทยกำลังทำการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lei) ได้เพิ่มการใช้กำลังอากาศยานทั้งเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ทางทหารปฏิบัติการโจมตีกองกำลังกลุ่มชาติพันธ์และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่ามากขึ้น
หลังจากวันนั้นก็มีการบินขึ้นสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่ายโดยเครื่องบินขับไล่ F-16MLU ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี จำนวน 2 เครื่องบริเวณชายแดนไทย-พม่า มีรายงานหนึ่งจาก AAG_TH บันทึกประจำวันระบุในเดือนธันวาคมปี 2024 ว่ามีอากาศยานไร้คนขับถูกตรวจจับได้จากระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอากาศ
แต่ไม่มีการแสดงตนด้วยระบบพิสูจน์ฝ่ายตามรูปแบบการปฏิบัติงานของกองทัพอากาศเมียนมา และอากาศยานเครื่องนี้ได้เปลี่ยนเส้นทางการบินกลับเข้าสู่พื้นที่ภายในของพม่าก่อนที่ F-16 ไทยจะไปถึง
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า F-16 ของกองทัพอากาศไทยทำภารกิจการบินสกัดกั้นต่ออากาศยานไร้คนขับ UAV
เท่านั้นยังไม่พอนะครับทุกท่าน พม่ามาอีกแล้วนะฮะ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีนี้ F-16MLU ขึ้นบินสกัดกั้น และลาดตระเวน ตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตากหลังเรด้าร์ตรวจพบ เครื่องบินฝึกโจมตีขนาดเบา YAK-130 ของเมียนมา บินเข้าใกล้ชายแดน ในระยะ  5 ไมล์ แต่ไม่ได้ล้ำแดนเข้ามา
ทั้งนี้การนำ F-16MLU ขึ้นบิน ก็เพื่อป้องปราม และ ส่งสัญญาณ เตือน ไปยังพม่าไม่ให้บินล้ำแดนไทยไว้ก่อน  เพราะอาจมีการสู้รบเกิดขึ้นอีกแล้วเราไม่ Alert ขึ้นไปก็จะเสียหน้าเหมือนปี 2022
ผ่านไปสดๆร้อนๆก็เมื่อวานนี้เองนะฮะ (วันที่ 6 พฤษภาคม 2025) พลอากาศโทประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 12.45 น. หน่วยควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ ได้ตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย มีลักษณะคล้ายเครื่องบินโจมตีแบบ K-8 บินเข้าใกล้เขตแดนไทยบริเวณตรงข้ามอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
จากสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 จำนวน 2 เครื่องจากกองบิน 4 ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าเก่าเจ้าเดิม โดยเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง มีการขึ้นบินเพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และแสดงท่าทีเชิงป้องปราม เพื่อประกาศให้อีกฝ่ายรู้ว่า "ที่นี่น่านฟ้าไทย ถ้าคุณรุก เราพร้อมจะจัดการคุณทุกเมื่อ"
หลังจากนั้นได้ปฏิบัติการบินลาดตระเวนรบทางอากาศ ในบริเวณพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ผลการปฏิบัติ ไม่พบการล้ำอธิปไตย หรือท่าทีคุกคามจากอากาศยานดังกล่าวแต่อย่างใด
จากบทความที่ทุกท่านได้อ่านนี้เห็นแล้วว่า F-16 แม้จะเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นเก่า แต่ถ้าเราหมั่นฝึกกับมิตรประเทศจนชำนาญ เราจะสามารถรับมือคุกคามทางอากาศที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านได้ F-16 จากที่ใครๆคิดว่ามีแค่บินโชว์วันนี้ทุกท่านก็เห็นในสิ่งที่ผู้เขียนกล่าวไปแล้ว จึงยากที่จะปฏิเสธว่า F-16 ไทยเคยใช้งานจริงในสมรภูมิต่างๆมาแล้ว และนี่ก็เป็นบทความที่นำมาเสนอกับทุกท่านในวันนี้ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
JEFFREY
ผู้เขียน
Whutchanunt Phucharinya
เจนวิชญ์ เบญพงค์
อนุรักษ์ สิงโตอ่อน
Holeshot Photography
Thairath
สยามรัฐ
Matichon
AAG_TH บันทึกประจำวัน
1
นายพลห้าดาว : เรียบเรียง
โฆษณา