7 พ.ค. เวลา 06:36 • ปรัชญา

กุญแจดอกที่ 12: 🔥"เจ้านายดื้อด้าน! รับมือยังไงไม่ให้งานพัง?"

“หัวหน้าที่ดื้อด้าน” นี่แหละตัวพังระบบความคิดสร้างสรรค์ในทีมแบบไม่รู้ตัว!
ไม่ใช่แค่ลูกน้องที่ดื้อ…บางทีหัวหน้าก็ดื้อด้านจนลูกทีมอยากจะเปลี่ยนชื่อแชทกลุ่มเป็น “ขัดใจคลับ”
พูดอะไรก็ไม่ฟัง เสนอไอเดียอะไรก็โดนเบรก เหมือนประชุมไปงั้นๆ เพราะคำตอบสุดท้ายคือ “ไม่เห็นด้วย”
แต่เดี๋ยวก่อน! หัวหน้าดื้อไม่ได้แปลว่าเขาไม่ดีนะ
แค่เราต้องเข้าใจว่า…เบื้องหลังความดื้อด้านของเขา มันมี “กลไกจิตใจ” บางอย่างซ่อนอยู่
หัวหน้าดื้อด้าน เพราะอะไร?
ความดื้อด้านมันไม่ได้แค่เรื่องนิสัยนะ แต่มันมีรากมาจากจิตใจลึกๆ เลย!
นักจิตวิทยาอย่าง Dr. Carl Rogers บอกว่า คนเรามักปกป้อง “อัตลักษณ์” หรือตัวตนของตัวเอง ถ้าถูกท้าทายหรือรู้สึกถูกควบคุม สมองจะสั่งการให้ “ขัดขืน” ทันที! มันเหมือนกลไกป้องกันตัวเองอัตโนมัติเลย 😲
เราไปค้นเจอทฤษฎีทางจิตวิทยาชื่อว่า Cognitive Dissonance
หรือภาษาแมวง่ายๆ คือ “สมองตีกันในหัวเวลาโดนความคิดใหม่ท้าทายความเชื่อเก่า”
หัวหน้าหลายคนมีประสบการณ์ มีความสำเร็จจากวิธีเดิมๆ (Past Experiences)
พอเราเสนอแนวคิดใหม่ มันเลยเหมือนไป “สั่นคลอนความมั่นใจ” ของเขา
เขาเลยปฏิเสธแบบอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะมันไม่ดี แต่เพราะมัน “ไม่คุ้น”
สรุปความดื้อของคนระดับผู้จัดการ
1. ตามทฤษฎีทางจิตวิทยา Cognitive Dissonance มักเกิดจาก:
- กลัวเสียหน้า (Fear of Losing Face) ยิ่งโต ยิ่งยอมรับความผิดยาก 🎭
- เคยสำเร็จด้วยวิธีเดิม เลยคิดว่า "ทางนี้ดีที่สุด"
- ความเครียดสะสม ทำให้สมองติดโหมด "สู้หรือหนี"
2. วิทยาศาสตร์ของ "หัวหน้าหินๆ"
สมองคนเรามี "อคติความยึดมั่น" (Confirmation Bias) คือเลือกฟังแต่สิ่งที่ตรงกับความเชื่อตัวเอง และมองข้ามข้อมูลใหม่!
งานวิจัยจาก Harvard บอกว่า:
📍ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ
📍การถูกท้าทาย = สมองแปลว่า "กำลังถูกโจมตี"
เข้าใจความดื้อด้าน! “เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่า”
1. ดื้อ...ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป!**
จริงๆ แล้ว ความดื้อ (Psychological Reactance ในภาษาจิตวิทยา) คือกลไกป้องกันตัวเองเมื่อรู้สึกว่า "เสรีภาพถูกคุกคาม" 🤯 ยิ่งถูกบังคับ ยิ่งต่อต้าน! เช่น เด็กดื้อเพราะไม่อยากให้พ่อแม่ควบคุม วัยรุ่นเถียงเพราะอยากพิสูจน์ตัวเอง
ตัวอย่างในชีวิต:
- เวลาคุณบอกแฟนว่า "ห้ามกินขนมจุกจิกนะ" เขากินมากขึ้นเงียบๆ 🍫
- หัวหน้าคุณ ยืนยันวิธีเดิมๆ แม้จะมีข้อมูลใหม่มาแล้ว 💼
2. วิทยาศาสตร์ของความดื้อด้าน
สมองคนเรามี "ระบบคิด 2 แบบ" (ตามทฤษฎีของ Daniel Kahneman):
- ระบบเร็ว: ตัดสินใจตามอารมณ์/ความเคยชิน (คนดื้อมักใช้ระบบนี้)
- ระบบช้า: ตรึกตรองด้วยเหตุผล
คนดื้อมัก "ติดหล่ม" ในระบบเร็ว เพราะสมองมองว่าการเปลี่ยนความคิด = การยอมแพ้ 😤
วิธีรับมือหัวหน้าดื้อด้าน แบบดื้อมา ดื้อกลับ:
ดื้อกลับที่ 1. ใช้คำว่า “ต่อยอด” แทน “เปลี่ยน”
แทนที่จะบอกว่า “ไอเดียนี้ดีกว่าวิธีเดิม”
ลองบอกว่า “ไอเดียนี้น่าจะช่วยเสริมจากที่หัวหน้าเคยทำไว้ได้ดีแล้ว”
(คำพูดแบบนี้คือจิตวิทยานุ่มๆ ที่แอบเปลี่ยนใจคนได้จริง!)
ดื้อกลับที่ 2. เอาข้อมูลจริงมาชนอารมณ์
หัวหน้าดื้อด้านเพราะเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง
งั้นเราก็เอา “ข้อเท็จจริง” เช่น สถิติ ผลสำรวจ หรือเคสจากบริษัทอื่นมาให้ดู
เพื่อช่วยให้เขาเห็นว่า มันไม่ได้แค่ความรู้สึกเรา แต่มันมีน้ำหนักจริง
ดื้อกลับที่ 3. ให้หัวหน้ารู้สึกเป็นเจ้าของไอเดีย
บางทีไม่ต้องเสนอทุกอย่างตรงๆ ลองโยนคำถาม เช่น
“หัวหน้าคิดว่า ถ้าเราเพิ่มแบบนี้เข้าไปนิดนึง จะช่วยอะไรได้บ้างมั้ย?”
พอเขาคิดต่อ…เขาจะรู้สึกว่า ไอเดียนั้นมาจากเขาเอง และ…เขาก็จะสนับสนุนมันเองด้วยแหละ!
ดีนะที่รู้ว่าโง่! “ดื้อมา ดื้อกลับ”
คำข่วนแบบดื้อๆ :
“บางครั้งเราชนะคนดื้อด้าน…ด้วยคำพูดที่ให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชนะ”
(Lead your leaders with wisdom, not war.)
"ความดื้อของหัวหน้าไม่ใช่กำแพง แต่เป็นบันได...แค่ต้องหาให้เจอว่าขึ้นขั้นไหน"*
(Arguing with a boss is like wrestling with a pig. You both get dirty, but the pig enjoys it.)
ขอสรุปแบบดื้อๆ เลยละกัน 😅🫣
หัวหน้าดื้อด้านไม่ใช่ศัตรู
เขาคือคนที่เราต้องเรียนรู้วิธี “ประสาน” ไม่ใช่ “ปะทะ”
ใครที่เจอหัวหน้าดื้อ ลองเปลี่ยนมุมคิด เปลี่ยนมุมคุย
แล้วจะเห็นว่า…เขาไม่ได้ปิดใจเสมอไป
แค่รอคนคุยเป็นมาสะกิดเบาๆ เท่านั้นเอง
"หัวหน้าคุณ ดื้อด้านระดับไหน 1-10?" 👉Comment มาได้เลย
“ความดื้อ = ความมั่นใจที่หลงทาง" 🗺️💥 ที่น่ากลัวกว่า คือหัวหน้าที่ไม่รู้ตัวเองว่าดื้อด้าน!!!🫢
#หัวหน้าดื้อด้าน #ทักษะรับมือ
#ทริครับมือบอส #SoftSkillแมวเหมียว
#BlockditCatTalk
โฆษณา