8 พ.ค. เวลา 05:25 • ไลฟ์สไตล์
เรามีการศึกษา เรียนจบมาขนาดนี้ มีประสบการณ์ทำงานโชกโชนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาขนาดนี้ ข้อคิดของเราย่อมจะต้อง Grand มากๆ ดังนั้น ฟังนะ...นี่คือข้อคิดที่เราได้มาจากปรมาจารย์คนสำคัญในชีวิต (หากไม่นับคำสอนป๊า-ม๊า)...
"สมัยก่อนแม่กูเปิดร้านขายของชำ กูเป็นพี่คนโตที่ต้องช่วยแม่ขายของหน้าร้าน ทั้งก่อนไปรร.และหลังกลับจากรร. ที่ร้านกูมีลูกน้องคนหนึ่ง มันทำให้กูแยกคำว่า "นายจ้าง" กับ "ลูกจ้าง" มีอยู่ครั้งหนึ่งลูกค้าประจำมาฟ้องกูว่า "วันก่อนมาซื้อถ่าน ไอ้บัติ (ชื่อเล่นลูกจ้าง) มันบอกว่าถ่านไม่มี อั๊วไม่รู้จะไปหาซื้อร้านไหน ปกติร้านลื๊อ ถ่านไม่เคยขาดนี่นา" กูบอกลูกค้าว่า ถ่านมีตลอดนะ แต่กูก็กลับมานั่งคิดหาเหตุผลว่า ทำไมไอ้บัติมันจึงตอบไปแบบนั้น.....นี่แหละลูกจ้าง นายจ้างไม่อยู่ กูไม่หยิบ หยิบแล้วเปื้อนมือ ขี้เกียจ!
ลูกจ้างน่ะ ทำงานยังไงมันก็ยังได้เงินใช้ทุกวัน เพราะเราจ่ายเงินมันวันยังค่ำ แต่เรานายจ้าง หากวันนั้นไม่มีลูกค้าเลย แค่ขายถ่านได้ถุงเดียว ก็ถือว่าวันนั้นมึงมีกระแสเงินสดเข้าร้านแล้ว สต็อคในร้านลดลงแล้ว ลูกค้ามึงยังอยู่กับมึง ดังนั้น ในฐานะที่มึงมีการศึกษาสูงกว่าไอ้บัติ วันนี้มึงเป็นลูกจ้าง มึงก็ต้องคิดถึงหัวอกนายจ้าง คิดให้ได้แบบเดียวกับที่กูสอนมึงนี่แหละ แล้วมึงจะก้าวหน้ากว่าใคร จำคำกูไว้ "ไว้ใจได้ แต่อย่าวางใจ"
ทุกวันนี้เราเป็นนายจ้าง
เรายังจดจำสิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงท่านนี้สอน
"ไว้ใจลูกจ้างได้ แต่อย่าวางใจ"
มันช่วยให้เรารอดพ้นวิกฤตหลายอย่างมาได้ด้วยค่ะ
โฆษณา