10 พ.ค. เวลา 05:00 • สิ่งแวดล้อม

“หมีขอ ไม่ใช่หมี” สัตว์ป่าคุ้มครองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่น พบเพียงชนิดเดียวในประเทศไทย

วันเสาร์ที่สองของเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็น “วันหมีขอโลก” ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม วันที่ประกาศขึ้นเพื่อตระหนักถึงจำนวนประชากรหมีขอทั่วโลกที่เหลือประชากรอยู่ไม่มากในผืนป่าธรรมชาติ ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
เนื่องใน “วันหมีขอโลก” เรามาทำความรู้จักสัตว์ป่าอีกหนึ่งชนิด ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและยังเป็นนักปลูกป่าตัวยงอย่าง “หมีขอ” กันค่ะ
หมีขอ หรือ บินตุรง Binturong (Arctictis binturong) เป็นสัตว์ตระกูลชะมดอีเห็น ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยชื่อของ “หมีขอ” มาจากลักษณะหน้าตาและขนหยาบยาวดำคล้ายหมี และในบางตัวมีขนที่หน้าสีขาว บางคนเรียกว่า “หมีกระรอก” เพราะมีหางยาวเป็นพวงคล้ายกระรอก มีลักษณะพิเศษเหมือนตะขอ ที่ช่วยในการทรงตัวและปีนป่ายได้ดี ส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่บนต้นไม้ เนื่องจากมีอุ้งเท้าและกรงเล็บที่ยาว ช่วยในการจับกิ่งไม้ ทำให้สะดวกในการปีนป่าย
เอกลักษณ์โดดเด่นของหมีขอ คือมีกลิ่นเฉพาะตัว กลิ่นที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการทำเครื่องหมายอาณาเขต เป็นตัวส่งสัญญาณระหว่างเผ่าพันธุ์ว่าพวกมันคือใคร พร้อมผสมพันธุ์หรือไม่ เป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่นอกจากใช้เสียงยังใช้กลิ่นในการสื่อสาร
กลิ่นดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อให้หมีขอตัวอื่นรับรู้ ถึงการบุกรุกอาณาเขตของพวกมัน หรือเพื่อช่วยในการกีดกันผู้ล่า นอกจากนี้ชื่อของหมีขอ ยังมีการอ้างอิงว่ามาจากพฤติกรรมความ อยากรู้อยากเห็น ไม่ค่อยกลัวคน มักจะยื่นตีนหน้าไปเหมือนกับสุนัขที่ฝึกมาแล้ว เมื่อมีใครยื่นอะไรสักอย่างให้ก็จะคว้าแล้ววิ่งหายไป
ในประเทศไทย พบมีเพียงชนิดย่อยเดียว จากทั้งหมด 3 ชนิดย่อย มีประชากรกระจายตัวอยู่ในประเทศไทย อินเดีย พม่า แหลมอินโดจีน สุมาตรา ชวา เบอร์เนียว และฟิลิปปินส์
หมีขอ มักอาศัยอยู่ตามเรือนยอดของต้นไม้ในป่าดงดิบ และลงมาหากินบนพื้นดินบ้างเป็นบางครั้ง ออกหากินตามลำพังหรือเป็นครอบครัวเล็กๆ เช่น แม่และลูก
ส่วนใหญ่จะหากินในเวลากลางคืน และนอนในเวลากลางวัน มีอาหารหลักเป็น ผลไม้ แมลง และสัตว์เลื้อยคลานเล็ก ๆ จากพฤติกรรมนี้เองทำให้หมีขอมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศฐานะผู้ควบคุมประชากรสัตว์ฟันแทะ และยังเป็นผู้กระจายเมล็ดพืชเพราะหมีขอเป็นสัตว์ในกลุ่มอีเห็นที่กินผลไม้มากที่สุด
ในปัจจุบันหมีขอถูกจัดอยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และยังอยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)
ดังนั้นการรักษาระบบนิเวศให้คงความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพื้นที่ที่ปลอดภัยไว้ให้ได้มากที่สุด เท่ากับเป็นการอนุรักษ์สัตว์ป่าไม่ให้สูญพันธุ์ เพราะระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์นอกจากจะมีประโยชน์ต่อธรรมชาติ ต่อเผ่าพันธุ์ของสัตว์ป่าในโลกใบนี้แล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการอยู่รอดของมนุษย์ด้วยเช่นกัน
ที่มาข้อมูล : กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า Wildlife Research Division , มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร , อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ภาพ : Phanakorn Kraomklang เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
#หมีขอที่ไม่ใช่หมี #วันหมีขอโลก #WorldBinturongDay #หมีขอ #บินตุรง #สัตว์ป่าคุ้มครอง #กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
โฆษณา