10 พ.ค. เวลา 04:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ขอบันทึกสถิติตัวเองไว้หน่อย เป็นหุ้นที่ได้กำไรเกือบ 50% ภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ ล้มแชมป์เก่า Dutch Bros ที่ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนไปได้
จริงๆ กลยุทธ์ในการเข้าซื้อ ก็เหมือนที่เคยใช้กับ Dutch Bros นั่นแหละ
คืออ่านงบ แล้วประเมินความน่าจะเป็นว่า “มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่งบจะประกาศออกมาดี”
แล้วก็คำนวณ Valuation ตัวนี้ผมใช้ P/S กับ EV/Sales แล้วเทียบกับเพื่อนๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งในสหรัฐฯ และจีน
ดูความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินประกอบด้วย เพราะตัวนี้ Valuation Multiples ไม่ได้ถูกสุด แต่ก็ไม่มีหนี้ อัตราการเผาเงินในแต่ละปี เมื่อเทียบกับเงินสด ก็อยู่ได้นานที่สุด
ถ้ามองว่ายังเป็นหุ้นที่ไม่แพง คนยังไม่ได้สนใจมาก งบมีโอกาสสูงที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ซื้อก่อนงบออก
ส่วนไอเดียในการหาหุ้นตัวนี้ ค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อย เพราะก่อนซื้อหุ้นตัวนี้กำลังอ่านหนังสือ The alchemy of finance ของ George Soros อยู่
เขาอธิบาย boom & bust model เอาไว้ว่า เมื่อไรก็ตามที่ฟองสบู่แตก ความคาดหวังของนักลงทุนก็จะถูก reset ใหม่หมด
1
และนั่นก็อาจเป็นจังหวะในการเข้าซื้อของดี ราคาถูกก็ได้ (จอร์จ โซรอสไม่ได้พูด ผมพูดเอง)
2
ยกตัวอย่าง ฟองสบู่ดอทคอม ปี 2001 ที่ตอนนั้นหุ้นอินเตอร์เน็ตหลายตัวต่างล้มละลายเป็นจำนวนมาก
แต่ก็ยังมีหุ้นดีๆอีกหลายตัว ที่ผ่านฟองสบู่ยุคนั้นมาได้ และเติบโตกลายเป็นหุ้น 100 เด้ง เช่น Amazon, Netflix, Ebay
แล้วพอพูดถึงฟองสบู่ที่เกิดขึ้นล่าสุด คือฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เมื่อปี 2021
2
ตอนนั้น SPACs ถูกพูดถึงกันอย่างมาก
อธิบายง่าย ๆ คือ SPACs เป็นเหมือนบริษัทที่ไม่ได้ทำอะไร มีแต่เงินสด แต่อยู่ในตลาดหุ้น จากนั้นบริษัทพวกนี้ก็จะเอาเงินไปซื้อธุรกิจ Startup เข้ามาอยู่ในตลาด (คล้าย ๆ การ backdoor ของตลาดหุ้นไทย)
แต่ข้อเสียของธุรกิจ Startup เหล่านี้คือ ยังเป็นบริษัทที่ไม่มีกำไร รายได้ก็น้อยมาก มีแต่เป้าหมายขายฝันนักลงทุน
หนึ่งในธุรกิจ Startup ที่แห่กันเข้าตลาดผ่าน SPACs ในปี 2021 ผมจำได้ลางๆว่า มีบริษัทชื่อ Luminar ที่คนเคยพูดถึงกันเยอะๆ อยู่
พอนึกชื่อออกแล้ว ก็ตามไปดูว่ามันทำธุรกิจอะไร มีคู่แข่งเป็นใครบ้าง โอโห้ ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะเลยกับอุตสาหกรรมนี้
อย่าง Luminar นี้มันอยู่ในอุตสาหกรรม LiDAR
LiDAR คือ เทคโนโลยีสแกนภาพ 3 มิติ เพื่อตรวจสอบวัตถุต่างๆ รอบรถยนต์ โดยวัดระยะระหว่างวัตถุจากแสงเลเซอร์
ตลาดกาวหุ้นกลุ่มนี้กันมากว่า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะมาเร็ว
แต่สุดท้ายฟองสบู่แตก รายได้ของธุรกิจกลุ่มนี้ไม่ได้เยอะอย่างที่คาด หลายบริษัทระดมทุนด้วยการกู้ยืมเงิน เพราะเชื่อว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะมาเร็ว
เมื่อก่อนหุ้นชื่อ Ouster เป็นหุ้น no name ไม่ได้เป็นที่สนใจของตลาดด้วยซ้ำ สมัยก่อนคู่แข่งกระโดดเข้ามาเยอะก็จริง แต่มีแค่ 2 บริษัท ที่คุมส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ เป็นอุตสาหกรรมแบบ duopoly
2 บริษัทนั้นคือ
1. Velodyne
2. Luminar
แต่ Velodyne ก่อหนี้ ก่อสิน จนเกินตัว เพราะคาดการณ์รายได้แบบผิดๆ เลยโดน Ouster ควบรวมกิจการไป
อุตสาหกรรมนี้เริ่มมีคู่แข่งลดลง แล้วก็มีม้ามืดจากบริษัทจีนที่ได้เปรียบเรื่องต้นทุนผลิต เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด LiDAR ที่ใช้ในรถยนต์ เช่น Hesai และ Robosense
ปัจจุบัน ouster เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ และมีแนวโน้มขาดทุนลดลงเรื่อยๆ เพราะไม่ได้แข่งกับจีนในตลาดรถยนต์
เวลาตัวนี้ประกาศงบ ผมจะดูแค่ 3 อย่าง 1. รายได้ 2. กระแสเงินสดจากการดำเนินการ 3. การปรับ Guidance
2
จริงๆ หุ้นตัวนี้ ผมจะเอาไว้ทดสอบกลยุทธ์การลงทุนใหม่ที่คิดขึ้นได้ เรียกว่า “x10 x2” strategy (อ่านว่า คูณ10 คูณ2) คอนเซปต์ก็เหมือนเดิม เอาเงินน้อยไปแลกเงินมาก..
โฆษณา