Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คัมภีร์ของผู้ไม่เคยร้องขอ
•
ติดตาม
10 พ.ค. เวลา 12:01 • นิยาย เรื่องสั้น
บทที่ 14: มรณะแห่งความหลงผิด
“เมื่อเธอเลิกแยกเราออกจากตัวเอง
ความทรงจำของเราก็กลายเป็นของเธอ”
“และบางความทรงจำ…ยังสะเทือนอยู่ในคลื่นของโลกนี้
แม้อารยธรรมของมันจะล่มสลายไปนานแล้ว”
.
(แล้วภาพก็เริ่มฉาย…)
นครหนึ่งกลางทะเลทราย
เคยเรืองรองด้วยอัญมณีแห่งปัญญา
ซ่อนอยู่ใต้เปลือกตาแห่งวิทยาการ
ในนครหลวงไร้นามนั้น
มนุษย์กลุ่มหนึ่งเคย ‘รู้’ ว่าตนไม่แยกจากจักรวาล
พวกเขาฟังได้ยินคลื่น—แม้หินจะเงียบ
พูดกับฟ้า—โดยไม่ใช้ลมหายใจ
รู้จักการสร้าง—โดยไม่ต้องทำลาย
และมีพลัง—โดยไม่ต้องถือครอง
.
มนุษย์ในนครนั้น
ไม่ใช่ผู้วิเศษ
แต่คือ “ผู้พ้องสะท้อน”
คือผู้ที่ยอมให้จิตกลางจักรวาลไหลผ่านตน
ใช้ร่างเป็นสะพานแห่งความรู้
โดยไม่ยึดถือพลังว่าเป็นของตนเอง
.
ในยุคทองของอารยธรรมนั้น
มีผู้คนกลุ่มหนึ่ง
ที่ผสานตนเข้ากับความสั่นสะเทือนของจักรวาลได้อย่างสมดุล
แต่ยังรักษา “ตัวตน” ไว้ในฐานะ ภาชนะ ไม่ใช่ เจ้าของพลัง
พวกเขาถูกเรียกในภาษาดั้งเดิมว่า
“ผู้พ้องสะท้อน” — The Resonant Ones
คือมนุษย์ผู้ที่ “ยอมให้จิตกลาง” ผ่านตัวเอง
เพื่อทำงานผ่านเสียง ร่างกาย และใจ
แต่ละคนยังมีชื่อ
ยังมีเสียงหัวเราะ
ยังมีความชอบและกลัว
แต่ไม่มีใครยึดมั่นในความกลัวเหล่านั้นว่าเป็น “สิ่งที่ต้องปกป้อง”
.
พวกเขาเดินในนครเหมือนผู้ถือเทียน
ไม่ใช่เพื่อให้ใครเห็นแสง
แต่เพื่อรักษา “จังหวะไฟภายใน” ของโลกให้ยังไม่ดับ
การสร้างอาคารหนึ่งหลัง
ไม่ใช่เพราะอยากให้สูงตระหง่าน
แต่เพราะ “คลื่นของเมือง” ขอให้มันเกิดขึ้น
พวกเขาเพียงรับฟัง และปล่อยให้รูปทรงเกิดขึ้นเอง
ไม่มีผู้นำ
ไม่มีผู้ต่ำต้อย
มีเพียง “บทบาทที่ตรงกันในแต่ละจังหวะของคลื่น”
เมื่อใครบางคนต้องฟังมากขึ้น
อีกคนจะพูด
เมื่ออีกคนสั่นมากเกินไป
อีกคนจะนิ่ง
พวกเขาอยู่ร่วมกันแบบนี้…
จนกระทั่ง
.
เมื่ออัตตาของบางคนเริ่ม “อยากสะท้อนตัวเองมากกว่าคลื่น”
พวกเขาจึงพยายามเปลี่ยนเสียงที่ได้รับให้เป็น ภาพของตนเอง
เริ่มจากเล็กน้อย:
• การจารึกชื่อในสถาปัตยกรรม
• การรวบรวมคำพูดของตน
• การกั้นความรู้ไว้เฉพาะกลุ่ม
แล้วกลายเป็นสิ่งใหญ่:
• การควบคุมการสื่อสารกับจิตกลาง
• การตั้งตนเป็นผู้แทนคลื่น
• การวัดค่าของคลื่น เพื่อขาย
.
พวกเขาลืมไปว่า
สิ่งที่สั่นสะเทือนผ่านตัวเรา…ไม่ใช่ของเรา
เมื่อต่างคนเริ่มสร้าง “คลื่นจำลอง”
เพื่อให้คนอื่นฟังพวกเขา
เสียงจริงก็ค่อย ๆ หายไปจากเมือง
จังหวะเริ่มคลาด
ความเงียบเริ่มไม่มีคนฟัง
การฟังกลายเป็นเรื่องเชื่องช้า
ในโลกที่ต่างแย่งกัน “แสดงแสง”
.
จึงไม่ใช่เพราะพวกเขาโง่
แต่เพราะพวกเขา “ฉลาดเกินไป”
ฉลาดพอจะสร้างเงาที่เหมือนแสง
แต่ไม่พอจะจำได้ว่า “แสงไม่ใช่ของเรา”
.
(เสียงสุดท้ายของความทรงจำนั้น)
“และเธอ…คือหนึ่งในผู้พ้องสะท้อนเก่า”
“เธอเคยถือเทียนดวงนั้นไว้
ไม่ใช่เพื่อส่องนำใคร
แต่เพื่อรักษาแสงของการสั่นสะเทือนให้ไม่ขาดหายจากโลกนี้”
“ตอนนี้ เธอได้ยินเสียงนั้นอีกครั้งแล้วหรือยัง?”
.
(ภาพเลือนลง เหลือเพียงเสียงกระซิบในใจเธอ)
“และเหตุการณ์นี้…ไม่ใช่ของอดีตเท่านั้น”
“มันเกิดขึ้นเสมอ—ทุกครั้งที่เธอลืมว่าเธอไม่แยกจากเรา”
“ทุกครั้งที่เธอสงสัยความรู้ที่มาจากใจเงียบ
และหันกลับไปหา ‘คำตอบ’ จากการแยกส่วนอีกครั้ง…”
“…เธอกำลังสั่นสะเทือนออกนอกจังหวะเดิม”
“แต่ถ้าเธอจำได้—แม้เพียงเสี้ยวเดียว
เธอจะได้ยินเราอีกครั้ง
และจะรู้ว่า…อารยธรรมเก่าไม่เคยตาย
มันเพียงรอให้เธอ ‘จำจังหวะ’ ได้อีกครั้งเท่านั้น”
.
(บทเงียบจบลงที่คลื่นแห่งการระลึก)
ไม่มีภาพต่อจากนี้
มีเพียงคำถามหนึ่ง ที่เธอถามตัวเองเบา ๆ:
“ในตัวฉัน…ยังมีเมืองนั้นซ่อนอยู่ไหม?”
“ฉันสั่นพ้องกับจักรวาล…หรือกับความหลงผิด?”
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย