11 พ.ค. เวลา 13:41 • นิยาย เรื่องสั้น

เศษขนมปังที่ไร้เสียง (นิทาน) กับเมนูที่เห็นแล้วใจไม่กล้าปฏิเสธ

ณ หุบเขาเงียบงันที่ปกคลุมด้วยไอหมอกในยามเช้า มีหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่า "อาเนลลา" ซ่อนตัวอยู่หลังผืนป่าทึบและหุบผาสูงชัน ผู้คนภายในหมู่บ้านนี้นั้นสื่อสารกันด้วยดวงตาและท่าทางเท่านั้น เพราะเสียงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ใช้มาตั้งแต่ปู่ย่าตายายแล้ว กล่าวกันว่า หากใครเปล่งเสียงออกมาดังเกินไป จะทำให้ดินถล่มและหมอกในยามเช้าจะไม่จางหายไปอีกเลย
ในหมู่บ้านแห่งนี้ มีเด็กน้อยคนหนึ่งเธอชื่อ "ลีโอนา" ซึ่งอาศัยอยู่กับ คุณยาย "เอซิล" หญิงชราผู้พูดได้น้อยยิ่งกว่าทุกคนในหมู่บ้าน นางเป็นคนอบขนมปังประจำหมู่บ้าน และมักจะสอนลีโอนาด้วยสายตา อ้อมแขน และกลิ่นหอมของขนมอบ
วันหนึ่ง..
เสียงสั่นสะเทือนเบาๆ แผ่วผ่านพื้นดิน ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้องที่ไม่เคยมีใครในหมู่บ้านได้ยินมาก่อน แผ่นดินเริ่มไหว กระเบื้องหลังคาร่วงลงมา ต้นไม้เอนล้ม และแม่น้ำสายเดียวที่ไหลผ่านหมู่บ้านเปลี่ยนทางอย่างฉับพลัน
เมื่อแผ่นดินนิ่ง น้ำก็เอ่อล้นท่วมเส้นทางเดียว ที่เชื่อมต่อหมู่บ้านกับโลกภายนอก ทำให้หมู่บ้านอาเนลลานั้นถูกตัดขาด
ในคืนถัดมา..
ลีโอนา เธอนอนกระสับกระส่าย ขณะได้ยินเสียงเปลวไฟลุกกรอบแกรบในเตาผิง และมองไปเห็นคุณยายเอซิล กำลังนั่งมองแผนที่เก่าบนโต๊ะไม้ เธอรู้สึกได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ใครบางคนต้องออกเดินทางไกล เพื่อขอความช่วยเหลือ
เช้าวันรุ่งขึ้น..
คุณยายเอซิลหยิบขนมปังก้อนกลมแข็งหนึ่งก้อนออกจากถุงผ้า แล้วฉีกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ เธอวางมันลงในมือของลีโอนาอย่างเงียบงัน ก่อนจะคลี่ผ้าทอลายใบสนออกและแบ่งใส่ห่อเล็กๆ แยกไว้หลายห่อ พร้อมใส่ลงในกระเป๋าสะพายของเธอ
"ให้เจ้าวางเศษขนมปังไว้ตามทาง เผื่อเจ้าจะต้องย้อนกลับมา"
นั่นคือคำพูดเพียงประโยคเดียวที่ยายเปล่งออกมาในรอบหลายสิบปีนี้ น้ำเสียงของคุณยายเอซิลสั่นเล็กน้อย แต่หนักแน่น
ลีโอนาหยิบกระเป๋าสะพายไว้ข้างหลัง เธอใส่รองเท้าหนังเก่าๆ เดินก้าวแรกออกจากหมู่บ้าน พร้อมกับลมหายใจลึกๆ และแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านหมอกหนา
เบื้องหน้าของเธอนั้นคือป่าลึก เส้นทางแคบ และภูเขาสูงชัน แต่เด็กหญิงคนหนึ่งที่เติบโตมาท่ามกลางความเงียบ กำลังจะได้ยินเสียงของโลกภายนอกเป็นครั้งแรก
เส้นทางบนภูเขาเริ่มแคบลงเมื่อเข้าสู่ช่วงบ่าย หมอกที่เคยอยู่ห่างไกลเริ่มเลื้อยมาล้อมรอบ ลีโอนาเดินผ่านแนวไม้สูง เธอหมั่นหยิบเศษขนมปังจากกระเป๋าผ้าของยาย ทิ้งไว้ทีละชิ้น บางชิ้นตกลงบนหญ้าแห้ง บางชิ้นติดบนโขดหินเหมือนจุดสัญญาณเล็กๆ
เสียงลมพัดผ่านต้นไม้สูง ฟังคล้ายเสียงกระซิบจากที่ไกลโพ้น
แต่แล้ว เงาหนึ่งตวัดผ่านยอดไม้เบื้องบนเร็วราวสายฟ้า เสียงปีกกระพือขนาดใหญ่ดัง "ฟึ่บ ฟึ่บ" จนต้นสนสั่นไหว
เธอรีบเงยหน้าขึ้นเห็นบางสิ่งที่มีร่างกายมหึมา รูปร่างคล้ายนกเงือก แต่สูงเท่าหอคอย หัวและจะงอยปากเป็นหินโปร่งแสง ดวงตาเป็นหลุมมืดหม่น ส่องประกายเย็นเยียบอย่างไร้ชีวิต
มันคือนกเงือกแห่งตำนาน "เอเลกา" เธอรู้ได้ในทันทีเพราะเป็นสัตว์โบราณที่ชาวหุบเขาเคยเล่าให้ฟังในเสียงกระซิบ
สัตว์โบราณตัวนี้นั้นมีฉายาว่า ผู้กลืนเสียง ผู้กินถ้อยคำ และเกลียดเส้นทางกลับบ้าน
มันพุ่งลงมาอย่างเงียบเชียบ และเมื่อจงอยปากแตะพื้น เศษขนมปังที่ลีโอนาวางไว้ก็หายไป เหมือนถูกดูดกลืนเข้าสู่ความว่างเปล่า
ลีโอนาร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่..กลับไม่มีเสียง
ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของเธอเอง ไม่มีเสียงลมหายใจ ไม่มีแม้แต่เสียงหัวใจเต้น
โลกกลายเป็นความเงียบสนิท
เธอรีบวิ่ง..
ฝีเท้ากระทบพื้นหินอย่างไร้เสียง ใบไม้แห้งที่เหยียบย่ำไม่ขยับ
รอยเท้าของเธอก็เริ่มหายไปทีละจุด มองกลับไปไม่มีเส้นทางที่โรยไว้ ไม่มีอะไรเลย มีเพียงหมอก และเงาใหญ่ที่ลอยตามมา
ในจังหวะที่เกือบล้ม ก้อนหินเล็กๆ หลุดออกจากกระเป๋า เธอมองเห็นมัน เรียงตัวเป็นรูปหัวใจ เธอหยิบขึ้นมา มันอุ่นและมีสัญลักษณ์เหมือนลายผ้าของคุณยายเอซิล
: เป็นของที่ยายแอบใส่ไว้โดยไม่บอก
หัวใจจดจำทางได้แม้ไม่มีเสียง
เธอกอดมันแน่น และตั้งสติใหม่ ปล่อยให้เสียงภายในใจเป็นแสงนำทางแทนเสียงภายนอก เธอเปลี่ยนจากการโรยขนมปัง มาใช้มือสัมผัสเปลือกไม้ หิน และรอยแยกของโลกเพื่อจำทิศทาง
เสียงของเธอยังหายไป
แต่สายตาของเธอเริ่มฟังได้
หัวใจของเธอเริ่มเห็นทาง
...
เธอหนีรอดจากเงาของนกเอเลกา ลีโอนาเริ่มเดินลึกเข้าไปในหุบเขาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ลอดถึง หมอกหนาแน่นยังคงเกาะอยู่รอบตัวเธอ ราวกับโลกทั้งใบกำลังกลั้นหายใจอยู่กับเธอ
เสียงยังคงไม่กลับมา ไม่ใช่แค่จากปากของเธอ แต่จากทุกสรรพสิ่ง
ทว่า..
ในความเงียบนั้นเอง เด็กหญิงเริ่มสังเกตสิ่งที่เคยละเลย
เสียงของลมหายใจในอก
เสียงของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ
เสียงของความคิดที่พูดในใจ
เธอเริ่ม "ฟัง" ด้วยวิธีใหม่ ฟังด้วยใจแทนหู และเมื่อเธอทำเช่นนั้น โลกเริ่มตอบสนอง
เบื้องหน้ามีเงาดำตัดกับม่านหมอก รูปทรงเหมือนต้นไม้ใหญ่ แต่มีกิ่งก้านที่แผ่ออกคล้ายแขนที่กำลังยื่นมาอย่างช้าๆ ต้นไม้ต้นนั้นสูงชะลูด เปลือกเป็นสีเทาเข้มมีลวดลายคล้ายลายมือมนุษย์ และใบไม้ของมันไม่เขียว แต่เรืองแสงอ่อนๆ เหมือนพรายน้ำ
มันคือต้นเสียง
ต้นไม้โบราณที่เล่ากันว่าถูกฝังไว้กลางโลกตั้งแต่ก่อนจะมีภาษา เป็นที่เก็บเสียงทุกเสียงของผู้คนที่สาบสูญ บางเสียงถูกลืม บางเสียงถูกขโมย บางเสียงถูกซ่อนเพื่อรอเจ้าของมาทวงคืน
เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจเธอ เสียงที่ทั้งอบอุ่น เยือกเย็น และลึกซึ้งเหมือนเสียงของแผ่นดิน
"เสียงของเจ้าอยู่ที่นี่ แต่ต้องแลกกับสิ่งที่จริงแท้ น้ำตาที่ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะรู้ว่า ใครสำคัญ"
เธอยืนนิ่งอยู่นาน..
นานพอให้หัวใจฟื้นความทรงจำ
เธอเห็นภาพคุณยายเอซิลนั่งอบขนมปังอยู่ในครัวเล็กๆ
เห็นมือเหี่ยวย่นวางผ้าห่ออาหารลงในกระเป๋าอย่างเงียบงัน
เห็นรอยยิ้มจางๆ ที่ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะ
และนั่นเอง..
น้ำตาหนึ่งหยดร่วงลงมาจากดวงตาเธอ
ไม่ใช่เพราะกลัว ไม่ใช่เพราะหนาวหรือเจ็บ
แต่เพราะเธอคิดถึงคุณยาย
เธออยากกลับไป
อยากพูดคำว่า "ขอบคุณ และรักคุณยาย" ให้ดังๆ สักครั้ง
น้ำตานั้นตกลงบนรากไม้ของต้นเสียง ใบไม้ทั้งต้นพลันสั่นไหว เสียงนับไม่ถ้วนดังกระซิบรอบตัวเธอเหมือนสายลมผ่านป่า บางเสียงเป็นบทเพลง บางเสียงเป็นเสียงร้องไห้ บางเสียงเป็นเสียงหัวเราะของเด็กๆ
และในนั้น..
ลีโอนาได้ยินเสียงของเธอเอง
เบาๆ..
ใส..
และจริงแท้
เสียงกลับมาแล้ว
ไม่ใช่แค่เสียงของเธอ แต่คือเสียงของ “ใจ” ที่กล้าเดินทางไกล เพื่อเรียนรู้ว่าความเงียบไม่ใช่ศัตรู
...
รุ่งเช้าวันถัดมา..
หมอกเริ่มจางลง ลีโอนาเดินออกจากเงาของต้นเสียง เธอไม่มีเสียงฝีเท้าที่จะเตือนเธอว่ากำลังเคลื่อนไหว ไม่มีเศษขนมปังไว้ทิ้งร่องรอย ไม่มีใครเคียงข้าง มีเพียงหัวใจที่เงียบสงบและจดจำ
เธอเดินผ่านต้นสนสูง ผ่านหินที่เธอเคยสะดุด ผ่านเงาไม้ที่เคยกลัวแต่บัดนี้กลับเริ่มรู้สึกว่าเป็นเพื่อน
แม้ไม่มีเครื่องหมายใดๆ แต่เธอกลับ "รู้" เส้นทาง ไม่ใช่จากตา แต่จากใจ
หัวใจที่กล้าเงียบพอจะฟังโลก และกล้าชัดพอจะจำสิ่งสำคัญ
เส้นทางที่เธอเดินนั้น คดเคี้ยว ไม่คุ้นเคย และยากลำบากกว่าทุกทางที่ใครเคยใช้
แต่ก็เป็นเส้นทาง "ของเธอ"
เส้นทางใหม่ที่ไม่ต้องโรยขนมปัง
ไม่ต้องตามรอยใคร
เป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นจากความกล้าและการมองโลกในแบบที่ไม่ต้องใช้คำพูด
...
หลายวันต่อมา..
เธอมาถึงเมืองใหญ่ เมืองที่เต็มไปด้วยเสียง เสียงล้อเกวียน เสียงแม่ค้า เสียงหัวเราะ เสียงเถียงกัน เสียงดนตรี เสียงชีวิต
ลีโอนาใช้เสียงของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงที่เธอรู้ว่าได้มาอย่างแท้จริง
เสียงของความเชื่อ เสียงของความตั้งใจ และเสียงของความรัก
เธอเดินเข้าไปหาอัศวินที่ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาเมือง เธอเล่าเรื่องหมู่บ้านที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ในเวลาต่อมา ผู้คนในเมืองช่วยกันสร้างสะพานไม้ใหม่ ไม่ใช่แค่สะพานที่ข้ามน้ำ แต่เป็นสะพานที่เชื่อมใจจากความห่วงใย
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน คุณยายเอซิลยืนรออยู่ริมฝั่งน้ำ
ทั้งสองไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้ม
ก่อนที่ลีโอนาจะพูดเบาๆ ว่า
"ขอบคุณ และรักคุณยาย"
นับแต่นั้น ผู้คนในหมู่บ้านเรียกเธอว่า
"เด็กหญิงที่เดินตามเสียงใจตนเอง"
: แม้ไร้เสียงนำทาง หากใจแน่วแน่พอ โลกก็จะเผยเส้นทางใหม่ให้เสมอ
...
วันครูตองซ์ (ขนมปังกรอบชิ้นเล็ก) 13 พฤษภาคม National Crouton Day
ในทุกวันที่ 13 พฤษภาคมของทุกปี สายกินทั่วอเมริกาและผู้รักการทำอาหาร จะฉลองวันขนมปังกรอบเล็กๆ นี้ที่เรียกกันว่า ครูตองซ์ โดยถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 2015 โดยบริษัท Rothbury Farms ซึ่งเป็นผู้ผลิตขนมปังครูตองและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่รายย่อยในอเมริกา
ต้นกำเนิดของครูตองสามารถย้อนไปได้หลายร้อยปี โดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการใช้ขนมปังแห้งหรือขอบขนมปังหั่นชิ้นเล็กเพื่อเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มหรืออาหารมาตั้งแต่ยุคกลาง สมัยก่อนผู้คนไม่นิยมทิ้งขนมปังเก่า จึงนำมาแปรรูปเพื่อไม่ให้เสียของ
บางตำนานพื้นบ้านบนอินเทอร์เน็ตยังเล่าขานถึง "เซอร์เอ็ดการ์ ครูตองซ์" อัศวินผู้กลายเป็นนักการทูตที่พลั้งมือทำขนมปังตกลงในซุปต่อหน้าองค์ราชา และเผลอกินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาหารที่เรียกว่า "ครูตองซ์" อย่างขำขันในตำนาน
...
ครูตองซ์อาจเป็นเพียงขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆ ที่วางบนสลัดหรือซุป แต่ก็นั่นแหละ เมื่อได้วางลงไปแล้ว ความอร่อยที่เรียบง่ายและลงตัวนี้ ไม่ว่าใครก็ยากที่จะปฏิเสธ
1. Caesar Salad
เมนูคลาสสิกที่ขาดไม่ได้เลยคือครูตอง โรยลงบนผักโรเมนสด ๆ ชีสพาร์เมซาน และน้ำสลัดซีซาร์ เข้ากันอย่างลงตัว
2. Creamy Tomato Soup
ซุปมะเขือเทศครีม
3. Poached Egg & Crouton Bowl
ไข่ลวกเสิร์ฟบนเตียงของผักโขม ผักย่าง และครูตอง คล้ายๆ กับสลัดเช้า
4. French Onion Soup
ซุปหัวหอมฝรั่งเศส อบพร้อมชีสด้านบน
5. Mushroom Cream Soup
ซุปเห็ด
...
นิทานเรื่องนี้แต่งขึ้นมาใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นิทาน "Hop-o'-My-Thumb" เด็กชายตัวจิ๋วกับเศษขนมปัง โดยชาร์ล แปโรต์ (Charles Perrault) นักเขียนชาวฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1697
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: wikidates
: wikipedia
: pookpress
: childstories .org
: tasteatlas
.
นามปากกา: KUroButa
LookAtEvent
โฆษณา