12 พ.ค. เวลา 02:05 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Agile Coach ต้องเป็น COO?

(เมื่อ 'การ Delivery' สำคัญกว่า 'พิธีกรรม' ในโลกธุรกิจจริง 👨‍🏫➡️👨‍💼🚀)
วันนี้เปิดอ่านบทความใน Medium ก็ไปสะดุดตากับหัวข้อหนึ่งที่ค่อนข้าง "แรง" และ "กระแทกใจ" คนในวงการ Agile ไม่น้อยครับ บทความนั้นชื่อว่า "Agile Coaching is Dying" เขียนโดย John Davidson ซึ่งเป็น Agile and Program Manager ที่มีประสบการณ์คนหนึ่ง
โอ้โห!...แค่เห็นชื่อก็อาจจะทำให้ Agile Coach หรือ Scrum Master หลายท่านมีอาการ "ใจหายแวบ" หรือ "ร้อนๆ หนาวๆ" กันเลยใช่ไหมครับ? แต่เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งตกใจหรือเข้าใจผิดไปว่าอาชีพนี้กำลังจะ "สูญพันธุ์" เพราะเมื่อได้ลองอ่านเนื้อหาจริงๆ (ซึ่งเป็นส่วนสำหรับ Paid Subscriber นะครับ) คุณ John Davidson เขาไม่ได้จะมา "สาปแช่ง" หรือ "Discredit" บทบาทนี้แต่อย่างใด
แต่เขากำลังจะ "ชี้ทางสว่าง" และ "ท้าทาย" ให้คนทำงานในสาย Agile โดยเฉพาะ Agile Coach และ Scrum Master ต้อง "Evolve" หรือ "Uplevel" ตัวเองไปอีกขั้น เพื่อให้สามารถสร้าง "คุณค่าที่แท้จริง" และ "อยู่รอดได้" ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่างหาก!
วันนี้เลยอยาก "เจาะลึก" ว่า ทำไมบทบาทของ Agile Coach หรือ Scrum Master ในองค์กรยุคใหม่ จึงอาจจะต้อง "คิด" และ "ทำ" ให้ได้ลึกซึ้งและกว้างขวาง ราวกับเป็น "Chief Operation Officer (COO)" หรือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของทีมหรือองค์กรนั้นๆ เลยทีเดียว
====
🤔 "ความจริงที่ (อาจจะ) เจ็บปวด": ทำไมองค์กร (บางแห่ง) เริ่ม "ลดความสำคัญ" ของ Agile Coach แบบเดิมๆ?
คุณ John Davidson เขาไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ นะครับ เขามีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า แม้หลายองค์กร โดยเฉพาะในสาย Tech จะยังคงต้องการ "โค้ช" หรือ "เทรนเนอร์" ที่จะมาช่วยให้ทีมทำงานได้ดีขึ้นอยู่อย่างมาก แต่ "บทบาท" และ "ความคาดหวัง" ที่องค์กรมีต่อคนเหล่านี้มัน "เปลี่ยนไปแล้ว" ครับ
โฟกัสที่ "การส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจ (Business Delivery)" ไม่ใช่แค่ "การทำตามกระบวนการ (Process Adherence)"
* องค์กรยุคนี้ไม่ได้ต้องการแค่คนที่มาสอน "พิธีกรรม" หรือ "ทฤษฎี Agile/Scrum" แบบผิวเผินตามตำราอีกต่อไปแล้วครับ แต่พวกเขาต้องการคนที่สามารถเข้ามาช่วยให้ทีม "ส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ (Tangible Business Outcomes)" ได้จริง
* และสามารถ "เชื่อมโยง" การทำงานแบบ Agile เข้ากับ "เป้าหมายทางธุรกิจ" ขององค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม
ความสามารถในการ "นำทางทีมให้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน" ให้เข้ากับ "โจทย์และความท้าทายขององค์กร" ได้อย่างยืดหยุ่น
* โค้ชยุคใหม่ต้องเป็นมากกว่า "ผู้คุมกฎ Scrum" แต่ต้องมีความสามารถในการ "นำทาง (Guide)" และ "อำนวยความสะดวก (Facilitate)" ให้ทีมสามารถ "ปรับเปลี่ยน (Adapt)" วิธีการทำงานของตัวเองได้หลากหลายรูปแบบ
* ไม่ว่าจะเป็น Agile, Mini-Waterfall, Waterfall หรือแม้แต่วิธีการที่องค์กรนั้นๆ ออกแบบขึ้นมาเอง (Tailored หรือ Hybrid Approach) เพื่อให้ "เหมาะสม" กับ "บริบท", "ความซับซ้อนของงาน", และ "ความท้าทายทางธุรกิจ" ที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา
ไม่ใช่แค่ "รู้ทฤษฎี" แต่ต้อง "เข้าใจ Business Case" และ "โค้ชให้รอดได้จริง"
* องค์กรไม่ได้ต้องการแค่คนที่ "ท่อง Scrum Guide" ได้ขึ้นใจ หรือ "มี Certificate" แปะข้างฝาเยอะๆ อีกต่อไปแล้วครับ แต่พวกเขาต้องการคนที่ "เข้าใจอย่างลึกซึ้ง" ว่าสิ่งที่ทีมกำลังทำ หรือสิ่งที่โค้ชกำลังแนะนำนั้น มัน "ปรับเข้ากับ Business Case" ที่องค์กรกำลังเผชิญอยู่ได้อย่าง "เหมาะสม"
* และ "สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจ" ได้อย่างไรบ้าง คุณ John Davidson ถึงกับใช้คำว่า "Coaching in business cases survive" เลยทีเดียวครับ ซึ่งหมายถึงการโค้ชที่ต้องช่วยให้ "ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้จริง" ไม่ใช่แค่โค้ชให้ทำตาม Process สวยๆ เท่านั้น
====
🚀 "Evolve or Be Overlooked": ถึงเวลาที่ Agile Coach/Scrum Master ต้องสวมหมวก "COO ย่อส่วน"
เมื่อความคาดหวังขององค์กรเปลี่ยนไป บทบาทของ Agile Coach และ Scrum Master ก็จำเป็นต้อง "วิวัฒนาการ" ตามครับ คุณ John Davidson ได้เสนอแนวคิดที่ "ท้าทาย" และ "น่าสนใจ" มากๆ ว่า จริงๆ แล้วบทบาทและความรับผิดชอบของคนเหล่านี้ในองค์กรยุคใหม่ ควรจะก้าวข้าม "กรอบเดิมๆ" ที่ระบุไว้ใน Guideline หรือสิ่งที่เรียนมาจากคอร์ส Certified ต่างๆ และมองให้ลึกไปถึงระดับ "COO (Chief Operation Officer) ย่อส่วน" ของทีมหรือองค์กรนั้นๆ เลยทีเดียว!
ทำไมถึงต้องคิดใหญ่เบอร์นั้น? เหตุผลก็คือ
เพราะต้อง "Align ธุรกิจ" และ "ปรับจูน Process" ให้เข้ากัน
* หนึ่งในความรับผิดชอบหลักของ COO คือการทำให้ "การปฏิบัติงาน (Operations)" ขององค์กรมัน "สอดคล้อง (Align)" กับ "กลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ" ใช่ไหมครับ?
* Agile Coach หรือ Scrum Master ในบทบาทใหม่นี้ก็เช่นกันครับ ต้องสามารถ "เชื่อมโยง" เป้าหมายทางธุรกิจเข้ากับ "กระบวนการทำงาน (Working Process)" ของทีม และต้องสามารถ "ปรับจูน (Fine-tune)" การทำงานของทีมให้ "สอดประสาน" กับทีมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง Product Team, Technical Team, หรือ Stakeholders ต่างๆ ในองค์กรได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
"ความมีประสิทธิผล (Effectiveness)" มันเกิดจากการ "ลงสนามจริง" และ "วัดผลจริง" ไม่ใช่แค่ใน "ห้องเรียน" หรือ "Workshop"
* การ Coaching หรือการอำนวยความสะดวกที่ "สร้างผลกระทบเชิงบวก" ได้จริงๆ มันไม่ได้เกิดจากการสอนทฤษฎีใน Classroom หรือการทำ Workshop สนุกๆ เท่านั้นนะครับ
* แต่มันต้องเกิดจากการ "เฝ้าติดตาม (Monitor)" การทำงานจริง, การ "ร่วมรับผิดชอบต่อเป้าหมาย (Accountability for Goals)" ของทีมหรือองค์กร, และการ "วัดผลลัพธ์ (Measure Outcomes)" ทั้งในเชิงประสิทธิภาพของการทำงาน (Efficiency) และผลกระทบทางธุรกิจ (Business Impact)
* เสมือนหนึ่งว่าคุณคือ "COO" คนหนึ่งของทีมที่ต้องทำให้ "ตัวเลข" หรือ "ผลงาน" มันออกมาดีจริงๆ
มิติของ "Performance" และ "Accountability" ที่มักจะ "ขาดหายไป" จากบทบาทเดิม
* หากเรายังคงจำกัดบทบาทของ Agile Coach หรือ Scrum Master ไว้แค่การเป็น "ผู้ให้คำแนะนำ (Coach)", "ผู้อำนวยความสะดวกในพิธีกรรม (Ceremony Facilitator)", หรือ "ผู้ขจัดอุปสรรค (Impediment Remover)" ตามตำรา Scrum Guide แบบเดิมๆ เพียงอย่างเดียว มิติของการ "ร่วมรับผิดชอบต่อเป้าหมายทางธุรกิจ" หรือการ "ผูกติดกับ Performance" ขององค์กรหรือทีม มันมักจะ "ถูกมองข้าม" หรือ "ขาดหายไป" อย่างน่าเสียดายครับ
* ซึ่งนี่คือ "ช่องว่าง" ที่บทบาทใหม่แบบ "COO as a Coach" จะเข้ามาเติมเต็ม
====
🌟 "คุณสมบัติ" ของ "COO as a Coach": ไม่ใช่แค่ "รู้ Scrum" แต่ต้อง "รู้ธุรกิจ" และ "รู้คน"
แน่นอนครับว่าการจะก้าวขึ้นมาสวมหมวก "COO as a Coach" ได้นั้น มันไม่ใช่ว่าใครก็เป็นได้ และไม่ใช่แค่การมี Certificate Scrum Master หรือ Agile Coach หลายใบก็เพียงพอ แต่ต้องมี "คุณสมบัติ" และ "ทักษะ" ที่รอบด้านมากขึ้น
ต้อง "Qualified" และมี "หลักฐานเชิงประจักษ์" ที่จับต้องได้
* คุณ John Davidson เน้นย้ำว่า "โลกยังต้องการการ Coaching ที่ดีอยู่" แต่โค้ชคนนั้นต้อง "มีคุณภาพ" จริงๆ
* ซึ่งหมายถึงต้องมี "หลักฐาน" ที่สามารถชี้วัดได้ทั้งในเชิง "ประสบการณ์และชั่วโมงบินในการทำงานจริง (Real-world Experience & Flight Hours)" ที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว
* "ทักษะด้าน Soft Skills ที่แข็งแกร่ง" (เช่น การสื่อสารที่ทรงพลัง, การโน้มน้าวใจ, การแก้ไขความขัดแย้ง, การสร้างแรงจูงใจ, และการเป็นผู้ฟังที่ดี)
* และ "Credentials หรือการรับรอง" จากสถาบันที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานสากล (ซึ่งอาจจะมองไปไกลกว่าแค่ Certificate จากการเข้าอบรมระยะสั้น)
ต้องสามารถให้ "Delivery Leadership Training" ได้
* นอกจากจะเก่งเรื่อง "กระบวนการทำงาน (Process)" แล้ว "COO as a Coach" ยังต้องมีความสามารถในการ "ฝึกอบรม (Train)" หรือ "พัฒนา (Develop)" ทักษะความเป็นผู้นำในการส่งมอบคุณค่า หรือ "Delivery Leadership" ให้กับทีมงานและผู้นำคนอื่นๆ ในองค์กรด้วย
* ซึ่งรวมถึงเรื่องของการ "สร้างคุณค่า (Value Generation)" ให้กับธุรกิจ, การ "บริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management)" ในระดับโครงการและองค์กร
* ความเข้าใจใน "หลักการกำกับดูแลที่ดี (Governance Principles)" ต่างๆ
* และทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการเป็น "ผู้นำที่ขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจ" ได้อย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่ควรจะถูกเพิ่มเข้าไปใน "Job Description" ของบทบาทนี้ในอนาคต
====
🚀 "เมื่อองค์กรเติบโตเต็มที่ Agile Role ก็ต้อง Evolve ตาม": บทสรุปจากมุมมองของ Tech Organization
มีคำพูดหนึ่งที่น่าสนใจมากในบทความต้นฉบับของ John Davidson ที่สะท้อนภาพนี้ได้เป็นอย่างดีครับ เขาบอกว่า
"บทบาทของ Agile ในองค์กรเทคโนโลยีของเรานั้นสำคัญอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ ของการทำ Transformation แต่เมื่อองค์กรของเราเติบโตเต็มที่และมีความเข้าใจใน Agile อย่างลึกซึ้งแล้ว ก้าวต่อไปที่เป็นธรรมชาติก็คือการหลอมรวมกระบวนการส่งมอบงานแบบ Agile ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการทำงานหลักด้านวิศวกรรมขององค์กรโดยตรง"
นี่คือ "ภาพอนาคต"ว่า เมื่อองค์กร "อิ่มตัว" กับ Agile ในระดับหนึ่งแล้ว บทบาทของ Agile Coach หรือ Scrum Master แบบ "แยกส่วน" หรือ "เฉพาะกิจ" อาจจะมีความจำเป็นน้อยลง แต่ "หลักการ" และ "Mindset" แบบ Agile จะต้องถูก "ฝัง" เข้าไปใน DNA ของทุกๆ คนในองค์กร โดยเฉพาะในทีม Engineering และ Product
====
🛤️ "เส้นทางอาชีพ (Career Path)" ของ Agile Coach และ Scrum Master ในโลกยุคใหม่: ไม่ใช่แค่ "ทางตัน" แต่คือ "ทางแยกสู่การเป็นผู้นำ"
เมื่อเห็นภาพแบบนี้แล้ว หลายคนอาจจะเริ่มกังวลว่า "แล้วอาชีพ Agile Coach หรือ Scrum Master มันจะยังมีอนาคตอยู่ไหม?" คำตอบคือ "มีแน่นอนครับ!" แต่เป็นอนาคตที่ "ท้าทาย" และต้องการ "การปรับตัวครั้งใหญ่"
มองให้ไกลในฐานะ "COO as a Coach" หรือ "Strategic Change Leader"
* องค์กรควรจะเริ่มวาง "เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path)" ที่ชัดเจนและน่าสนใจให้กับคนทำงานในสาย Agile เหล่านี้ โดยมองว่าพวกเขามีศักยภาพที่จะเติบโตไปเป็น "ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์" หรือผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลเรื่อง "Operation Excellence" และ "Organizational Transformation" ได้
"โลกยังต้องการการฝึกสอนที่มีคุณภาพ" แต่ต้อง "ปรับเปลี่ยนให้ทันยุค"
* การฝึกสอน (Coaching และ Training) ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการพัฒนาบุคลากรและปรับตัวให้ทันโลกอยู่เสมอ แต่ "วิธีการ" และ "เนื้อหา" ของการฝึกสอนนั้นต้อง "สดใหม่" และ "ปรับเปลี่ยน" ให้เข้ากับ "สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ" ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
* และที่สำคัญที่สุดคือ "คนฝึกสอน" หรือ "โค้ช" เองก็จำเป็นต้อง "ลงลึก", "ฝังตัว (Embed)", และ "เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง" ในบริบทเฉพาะขององค์กรที่ตัวเองเข้าไปให้คำแนะนำ ไม่ใช่แค่ "บินไปบินมา" หรือ "สอนตามสไลด์" อย่างเดียว
ไม่ใช่แค่ "Trainer จากภายนอก" แต่คือ "ส่วนหนึ่งของ Org Chart" ที่ร่วมรับผิดชอบผลลัพธ์
* เพราะในท้ายที่สุดแล้ว บทบาทของพวกเขาจะไม่ใช่เป็นเพียง "ผู้ให้คำแนะนำจากภายนอก" หรือ "คนคอยอำนวยความสะดวกในพิธีกรรม Agile" อีกต่อไป
* แต่พวกเขาคือ "ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง (Stakeholder)" กับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของทีมและองค์กร เสมือนเป็นหนึ่งใน "ผู้บริหารระดับ COO" ที่มีชื่อปรากฏอยู่ใน "โครงสร้างองค์กร (Org Chart)" และร่วม "แบกรับ" เป้าหมายทางธุรกิจอย่างแท้จริง
====
💡 ดังนั้น Agile Coach/Scrum Master ถึงเวลา "ยกระดับ" สู่ "ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์" ที่ธุรกิจต้องการ
แนวคิด ที่ท้าทายให้ Agile Coach หรือ Scrum Master ต้อง "Evolve" บทบาทของตัวเองให้เป็นเหมือน "COO" นั้น เป็นเหมือน "กระจกบานใหญ่" ที่สะท้อนให้เห็นถึง "ความคาดหวังที่เปลี่ยนไป" ขององค์กรในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการมากกว่าแค่ "การทำตาม Framework" หรือ "การมีคนมาช่วยจัดประชุมตามตำรา"
องค์กรยุคใหม่กำลังมองหา "ผู้นำการเปลี่ยนแปลง" ที่สามารถ "เชื่อมโยง" หลักการและแนวปฏิบัติของ Agile เข้ากับ "เป้าหมายทางธุรกิจ" ได้อย่างเป็นรูปธรรม, สามารถ "นำทีม" ให้ส่งมอบคุณค่าที่จับต้องได้และสร้างผลกระทบเชิงบวก, สามารถ "บริหารจัดการความซับซ้อนและความเสี่ยง" ที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ, และสามารถ "ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม" จากภายในสู่ภายนอกได้อย่างยั่งยืน
นี่คือ "ความท้าทาย" และในขณะเดียวกันก็เป็น "โอกาสทอง" ครั้งสำคัญสำหรับคนทำงานในสาย Agile ทุกคน ที่จะต้อง "ไม่หยุดที่จะเรียนรู้", "กล้าที่จะก้าวข้ามกรอบความคิดเดิมๆ", และ "พัฒนาตัวเอง" ให้มีทักษะและความสามารถที่รอบด้านมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะก้าวขึ้นมาเป็น "ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Strategic Change Leader)" ที่องค์กรยุคใหม่ต้องการและให้คุณค่าอย่างแท้จริง
"ในโลกที่ 'ความเปลี่ยนแปลง' คือ 'สิ่งเดียวที่ไม่เคยหยุดนิ่ง' บทบาทของคนที่เข้ามาช่วยให้องค์กรสามารถ 'ปรับตัว' และ 'เติบโต' ได้อย่างแข็งแกร่ง ก็ย่อมต้อง 'วิวัฒนาการ' ตามไปด้วย...Agile Coach หรือ Scrum Master ที่จะประสบความสำเร็จและสร้างผลกระทบได้อย่างแท้จริงในอนาคต จะไม่ใช่แค่คนที่ 'รู้เรื่อง Agile ดีที่สุด' หรือ 'ท่อง Scrum Guide ได้แม่นที่สุด'
แต่คือคนที่เป็น 'หุ้นส่วนทางความคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner)' ที่สามารถช่วยให้องค์กร 'เดินเกมธุรกิจ' และ 'ขับเคลื่อนทีมงาน' ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างชาญฉลาดและยั่งยืนที่สุดต่างหากครับ"
การ "Evolve" อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจจะต้องก้าวออกจาก "Comfort Zone" เดิมๆ ที่คุ้นเคย แต่มันคือ "หนทางเดียว" ที่จะทำให้เรา "เติบโต" และ "สร้างผลกระทบ" ในโลกที่หมุนเร็วใบนี้ได้มากยิ่งขึ้น...คำถามสำคัญก็คือ เราพร้อมที่จะ "ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ" ของบทบาทที่เราเป็นอยู่ และ "ทะยานไปสู่บทบาทใหม่" ที่ท้าทายกว่าเดิมแล้วหรือยัง?
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#AgileCoachEvolution
#ScrumMasterAsCOO
#AgileTransformation
#StrategicLeadership
โฆษณา