12 พ.ค. เวลา 07:51 • ข่าวรอบโลก

"เเคชเมียร์" ดินเเดนเเห่งความขัดเเย้ง ระหว่างอินเดียเเละปากีสถาน

พื้นที่แคชเมียร์กลับมาเป็นจุดสนใจของประชาคมโลกอีกครั้ง หลังจากมีนักท่องเที่ยวร่วม 26 คน ถูกมือปืนยิงเสียชีวิตระหว่างพักชมทิวทัศน์บนเทือกเขาเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่กินเวลามาหลายทศวรรษให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
พื้นที่แคชเมียร์ ระหว่างอินเดียเเละปากีสถาน
โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในเมืองพาฮาลแกม (Pahalgam) เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘สวิตเซอร์แลนด์แห่งอินเดีย’ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โอมาร์ อับดุลละห์ (Omar Abdullah) หัวหน้าผู้บริหารประจำรัฐแคชเมียร์ระบุว่า การโจมตีของมือปืนนั้น “เป็นการโจมตีพลเรือนครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นในรอบหลายปีที่ผ่านมา” โดยนอกเหนือจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกราว 17 ราย ทั้งหมดถูกนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแล้ว
Time line ความขัดเเย้งระหว่างอินเดียเเละปากีสถาน
ดี เอส ฮูดา (D.S. Hooda) นายพลเกษียณของกองทัพอินเดียให้สัมภาษณ์สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์สว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นพลเรือน จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตระบุว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจโจมตีชาวฮินดูเป็นหลัก โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาวฮินดู 25 ราย
แม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ แต่รัฐบาลอินเดียก็มีท่าทีกล่าวโทษไปยังปากีสถาน ประเทศซึ่งถือเป็นคู่กรณีมาหลายทศวรรษจากข้อพิพาทเรื่องดินแดนแคชเมียร์ -แม้จะยังไม่มีการอธิบายชัดเจนว่าความรุนแรงครั้งนี้เกี่ยวข้องกับปากีสถานอย่างไร- พร้อมประกาศปิดพรมแดนระหว่างประเทศและประกาศว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับปากีสถานและจำกัดการออกวีซ่าเข้าประเทศสำหรับพลเมืองชาวปากีสถาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข้อจำกัดในการเดินทางมากอยู่แล้ว
รัชนาถ ซิงห์ (Rajnath Singh) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอินเดียระบุว่า “ประเทศอินเดียมีนโยบายไม่ยอมรับการก่อการร้ายโดยเด็ดขาด” และกล่าวในทำนองว่า เป็นไปได้ว่าอาจเกิดการใช้กำลังทางการทหารเพื่อตอบโต้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ “เราจะไม่เพียงแค่มุ่งเป้าไปยังผู้ก่อเหตุเท่านั้น แต่เราจะมุ่งเป้าไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าวบนแผ่นดินของอินเดียนี้ด้วย”
Time line ความขัดเเย้งระหว่างอินเดียเเละปากีสถาน
ทั้งนี้ยังมีรายงานว่าทางการอินเดียไล่เจ้าหน้าที่ชาวปากีสถานที่ประจำการด้านการทหารออกจากเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำกรุงนิวเดลีด้วย รวมทั้งระงับสนธิสัญญาระบบน้ำสินธุ (Indus Waters Treaty) ข้อตกลงเรื่องการใช้น้ำกับปากีสถานที่มีมาตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงทางการทูตไม่กี่ประการของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนมหาศาลให้ชาวปากีสถาน รวมทั้งชาวอินเดียที่อาศัยทางตอนเหนือของประเทศ รัฐบาลปากีสถานกล่าวว่า การกระทำเช่นนี้ของอินเดียจะถือเป็น ‘เหตุแห่งสงคราม’ (act of war) ได้
และตอบโต้ทางการอินเดียด้วยการยุติการแลกเปลี่ยนกับอินเดียทันที ทั้งยังปิดน่านฟ้าและไล่ทูตอินเดียด้วย พร้อมระบุว่า “การกระทำของอินเดียนั้นไม่ยุติธรรมและเต็มไปด้วยแรงจูงใจทางการเมือง ทั้งยังปราศจากความรับผิดชอบและไร้คุณธรรมอย่างยิ่ง”
“อินเดียกล่าวโทษเรามาหลายครั้งแล้ว หากคุณมีหลักฐานว่าปากีสถานมีส่วนเกี่ยวข้อง (กับเหตุกราดยิงในพาฮาลแกม) ก็ได้โปรดบอกพวกเราและโลกด้วยเถอะ” อิชาค ดาร์ (Ishaq Dar) รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานกล่าว โดยในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจแคชเมียร์ระบุว่าจับผู้ต้องสงสัยได้สามราย สองในสามเป็นชาวปากีสถาน โดยไม่ได้ระบุว่าพวกเขาระบุตัวผู้ต้องสงสัยอย่างไร หรือด้วยวิธีการไหน
ขณะที่ ควาจา มูฮัมหมัด อาซิฟ (Khawaja Muhammad Asif) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศปากีสถาน ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต และให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นว่าปากีสถานไม่สนับสนุนการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ทั้งระบุว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงดังกล่าวเป็นคนใน (homegrown) ประเทศอินเดียเอง
โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเขากล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในแคชเมียร์นั้นชวนให้สะเทือนใจอย่างมาก สหรัฐฯ ขอยืนหยัดกับอินเดียในการต่อต้านการก่อการร้าย” ด้าน วลาดีเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซียเรียกโศกนาฏกรรมครั้งนี้ว่าเป็น “การก่ออาชญากรรมอันแสนอำมหิต”
ทั้งนี้ แคชเมียร์เป็นพื้นที่พิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถานมานานนับตั้งแต่ทั้งสองประเทศเป็นเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1947 ต่างอ้างว่าแคชเมียร์เป็นดินแดนของประเทศตัวเองและเริ่มทำสงครามช่วงชิงพื้นที่กันหลังเป็นเอกราชไม่นาน ยังผลให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ที่มีกองกำลังทหารเข้าประจำการมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พ้นไปจากการเมืองเรื่องพื้นที่ ความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถานยังลงรากลึกไปถึงเรื่องความเชื่อและศาสนา
สืบเนื่องมาจากการที่อังกฤษก่อนหน้าการประกาศเอกราช ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองและวัฒนธรรมของอินเดียมากพอ จึงตัดสินใจแบ่งประเทศคร่าวๆ ด้วยการให้พื้นที่ฝั่งอินเดียมีผู้นับถือฮินดูเป็นประชากรส่วนใหญ่ ขณะที่ฝั่งปากีสถานเป็นชาวมุสลิม ยังผลให้มีชาวฮินดูกับชาวมุสลิมหลายล้านชีวิตต้องอพยพย้ายถิ่นฐานตามการแบ่งเขตแดนใหม่ พร้อมกันกับที่ความตึงเครียดของการย้ายดินแดนและการพลัดถิ่นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความขัดแย้งด้านศาสนาที่ผนวกรวมเข้ากับกับข้อพิพาทเรื่องพรมแดนประเทศ
เทียบขุมกำลังอาวุธ ระหว่างอินเดียเเละปากีสถาน
มีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธ The Resistance Front (TRF) ประกาศว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังความไม่สงบในแคชเมียร์ ระบุว่าการต้องเห็น ‘คนนอก’ (outsiders) มาตั้งรกรากในพื้นที่แคชเมียร์ถือเป็นเรื่องที่ชวนให้ขุ่นใจ โดยสำนักข่าว CNN ชี้เพิ่มเติมว่าคำอ้างอิงของกลุ่ม TRF นั้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมนี้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ TRF ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2019 ผ่านการติดต่อและรวมกลุ่มทางแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram)
และเคยอ้างว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดในศรีนาการ์ อันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นแคชเมียร์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2024 ด้านทางการอินเดียระบุให้ TRF ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มก่อการร้ายที่มีแนวโน้มว่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มกองทัพแห่งความชอบธรรม (Lashkar-e-Taiba -LeT) อันเป็นองค์กรทหารอิสลามที่ปฏิบัติการในพื้นที่อินเดียและปากีสถาน ทั้งมีประวัติโจมตีชาวอินเดียมาตั้งแต่ปี 1993
เทียบขุมกำลังอาวุธ ระหว่างอินเดียเเละปากีสถาน
ล่าสุด มีรายงานว่าประชาชนชาวอินเดียในเมืองมังคาลูรูและพาฮาลแกม ออกมารวมตัวกันชุมนุมเพื่อประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้น สำนักข่าว The Indian Express รายงานว่ามีผู้ร่วมชุมนุมราวแปดร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ออกมาเดินถนนกลางเมืองและถือป้ายแสดงความโกรธเคืองต่อโศกนาฏกรรมดังกล่าว
มัชทัก อาห์มัด (Mushtaq Ahmad) ประธานสมาคมผู้ประกอบการโรงแรมแห่งพาฮาลแกมกล่าวว่า “เราออกมารวมตัวกันเพื่อบอกผู้ที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงนี้ว่าเราจะไม่ทนให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป ไม่ใช่แค่เพราะมันกระทบต่ออาชีพการทำงานของพวกเรา หากแต่การนิ่งเฉยต่อสถานการณ์นี้ยังเป็นบาปด้วย”
“การที่พลเรือนซึ่งไม่มีอาวุธ ต้องมาแบกรับความเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งเหล่านี้ช่างเป็นเรื่องเลวร้ายจริงๆ” อัมนา อาลี (Amna Ali) หญิงที่เข้าร่วมการประท้วงกล่าว “ผู้ที่เสียชีวิตเป็นแค่คนที่เลือกมาใช้เวลาอันแสนสุขกับครอบครัวพวกเขาที่นี่ พวกเขาไม่สมควรต้องลงเอยในโลงศพเลย”
หลายฝ่ายแสดงความกังวลต่อข้อพิพาทของอินเดียและปากีสถาน เนื่องจากล้วนเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ทั้งคู่ หุมายุน (Humayun) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยทัฟส์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNN
ว่าหากรัฐบาลอินเดียเลือกตอบโต้ด้วยกำลังทางการทหาร ก็เชื่อว่าปากีสถานจะตอบกลับในลักษณะเดียวกัน “หากไม่มีการหยุดยั้งความขัดแย้งหรือการแทรกแซงใดๆ ก็มีโอกาสที่ความขัดแย้งนี้จะทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่อาจควบคุมได้แน่นอน” เขากล่าว หากพูดถึงปัญหาของอินเดียเเละปากีสถานนั้นต้องย้อนไปถึงช่วงที่มีการเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ อย่างกลุ่มของมหาตมะ คานธี และชวาหะร์ลาล เนห์รูมีเเนวคิดสันติอหิงสา เป็นการเรียกร้องเอกราชเพื่อเป็นอินเดีย
ซึ่งเมื่อพูดมาถึงประเด็นนี้ ปรากฎว่ามีกลุ่มเรียกร้องเอกราชซึ่งมองว่าต้องมีการเเยกการตั้งประเทศจากการนับถือศาสนา อย่างมูฮัมหมัด อาลี จินดา มองต่างจาก 2 คนเเรกที่กล่าวข้างต้นในการตั้งประเทศ ว่าต้องมีการเเยกเป็นมุสลิม 1 ประเทศ พราหมณ์-ฮินดู 1 ประเทศ
เมื่ออัตลักษณ์เเตกต่างกันจึงไม่สามารถรวมกันได้ 3 คนนี้ก็เรียกร้องเอกราชในเเบบของตนเอง หลังสงครามโลกอังกฤษเเม้ชนะสงครามเเต่ก็ไม่สามารถปกครองอินเดียในฐานะประเทศใต้อาณานิคมได้ จึงต้องการจะมอบเอกราชให้อินเดีย
ปี 1947 อังกฤษต้องการเจรจามอบเอกราชให้อังกฤษ มหาตมะ คานธี และชวาหะร์ลาล เนห์รู ยอมรับเเละเรียกร้องในนโยบายอินเดียเดียว ส่วน มูฮัมหมัด อาลี จินดา ไม่ยอมรับในอินเดียเดียว
ผู้ที่เรียกร้องเอกราชในอินเดีย
ผ่านการเจรจามหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ เมื่ออังกฤษส่ง ลอร์ด ลูอิซ เมาส์เเบทเทิล มาหรืออีกชื่อที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า ลุงมิกกี้ มาทำการขีดเส้นเเบ่งอินเดียเเละปากีสถาน มาถึงอินเดียเจรจารเดือนมีนาคม 15 สิงหาคม ประกาศเอกราช เเบบตกใจกันทั้งอินเดีย (ขาดการเตรียมความพร้อมของชนพื้นเมือง) เลยมีการเเบ่งอินเดีย เเละ ปากีสถานเเยกจากการนับถือศาสนา ซึ่งหลังเหตุการณ์นี้มีการอพยพย้านถิ่นฐานครั้งใหญ่ จนชาวโลกเเละนักประวัติศาสตร์มองว่าการกระทำนี้ ยิ่งกว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิว
ปรากฎว่า 14 สิงหาคม วันประกาศอิสระภาพของปากีสถาน ทั้งตะวันออกเเละตะวันตก ส่วน 15 สิงหาคม วันประกาศอิสระภาพของอินเดีย
ซึ่งหลังประกาศ 2 วันมีการอพยพปรากฎว่า เเคว้นที่มีมหาราชา หรือรัฐมหาราช คือ เเคว้นเเคชเมียร์ ซึ่งเเคชเมียร์ มีผู้ปกครองเป็นพราหมณ์-ฮินดู เเต่ประชาชนเป็นมุสลิม คราวนี้จะยุ่งตรงจะไปอยู่ประเทศไหน
ส่งผลถึงปัญหาหึม หึ่ม หันจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
เเคชเมียร์ตะวันออก อินเดีย
เเคชเมียร์ตะวันตก ของปากีสถาน สู่สงครามเเคชเมียร์ครั้งที่ 2
ขอบคุณที่ตามอ่านถึงตรงนี้นะครับ
เย็นนี้ติดตามและสามารถรับชม ANURAK TV
ได้ทางช่องทางต่อไปนี้
- PSI 235 - GMMz 159
- infosat 211 - ideasat 175
- thaisat 175 - ks tv 175
- facebook : มูลนิธิอนุรักษ์มรดกอิสลาม
-youtube : Moradokislam
เรียบเรียงโดย อาจารย์ต้นสัก สนิทนาม
#อินเดีย #ปากีสถาน #ความขัดเเย้ง #สงคราม #เเคชเมียร์ #สงครามโลก
โฆษณา