12 พ.ค. เวลา 07:56 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🇺🇸🤝🇨🇳 สหรัฐฯ - จีน ตกลงลดภาษีการค้าครั้งใหญ่ ยันไม่มีใครต้องการตัดขาดทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

ในที่สุด สหรัฐอเมริกา กับ จีน สองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ประกาศข่าวดีว่าจะลด "กำแพงภาษี" (Tariffs) ที่ตั้งใส่กันอยู่ ลงชั่วคราวแล้วค่ะ
👉🏻 เกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องลด? ลดเท่าไหร่? นานแค่ไหน?
ทั้ง 2 ประเทศนี้ก็ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าจะ ลดภาษีที่เก็บจากสินค้าของอีกฝ่ายลงชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน หรือประมาณ 3 เดือน เพื่อให้มีเวลาเพิ่มในการเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าค่ะ
แล้วลดเยอะแค่ไหน มาดูกันค่ะ
🇺🇸 ฝั่งสหรัฐฯ: จากเดิมที่เก็บภาษีสินค้าจีนส่วนใหญ่แบบจัดเต็มถึง 145% (ซึ่งรวมอัตราภาษีที่เชื่อมโยงกับยาเฟนทานิลด้วย) จะลดลงมาเหลือ 30% ภายในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
🇨🇳 ฝั่งจีน: ก็ลดให้เช่นกัน จากเดิมที่เก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ สูงถึง 125% จะลดลงมาเหลือแค่ 10% เท่านั้น
คุณ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกว่า "เราได้มีการหารือที่เข้มข้นและมีประสิทธิผลเกี่ยวกับแนวทางข้างหน้าในเรื่องเฟนทานิล" และที่สำคัญคือ "เราเห็นพ้องต้องกันว่าไม่มีฝ่ายใดต้องการที่จะแยกตัวออกจากกัน (Decouple)" หรือพูดอีกแบบคือ ยังอยากค้าขายกันอยู่นั่นแหละค่ะ แต่ก็ต้องการให้การค้ามัน "สมดุล" มากขึ้น
ซึ่งคุณ Jamieson Greer ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ก็ย้ำว่าสหรัฐฯ อยากให้การค้ากับจีนมีความสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า "ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งกลไกเพื่อสานต่อการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า"
✅ เรื่องตัวเลขภาษีสหรัฐฯ มีรายละเอียดนิดนึงนะ
คุณ Greer ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่บอกว่าสหรัฐฯ ลดภาษีเหลือ 30% ในวันนี้ มันหมายถึงภาษีที่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นตอบโต้กันไปมาตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน และการตอบโต้จากจีน แต่ต้อง "ดอกจัน" ตัวโตๆ ไว้ว่า ภาษี 20% ที่สหรัฐฯ เก็บกับสินค้าจีนบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องยาเฟนทานิลก่อนหน้านี้ "ยังคงอยู่" นะคะ
และอัตรานี้ก็ยังไม่รวมภาษีเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมบางอย่างที่สหรัฐฯ เก็บกับสินค้านำเข้าจากทั่วโลกด้วย แปลง่ายๆ ว่า สินค้าจีนบางรายการก็อาจจะยังต้องเจอภาษีที่สูงกว่า 30% อยู่นั่นเองค่ะ
🎯 ท่าทีที่แตกต่างระหว่างสองฝั่ง
แม้ว่าแถลงการณ์ร่วมที่ออกมาจะเหมือนกันเป๊ะๆ แต่พอเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายมาแถลงข่าวเอง กลับมีน้ำเสียงและรายละเอียดที่ต่างกันอยู่บ้างค่ะ
🇺🇸 ฝั่งสหรัฐฯ: คุณ Scott Bessent และคุณ Jamieson Greer เน้นย้ำว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และคืบหน้ามาก มีกระบวนการที่จะคุยกันต่อ และตั้งเป้าว่าจะไม่ให้มีการขึ้นภาษีกันอีก คุณ Bessent ย้ำว่าทั้งสองประเทศ ไม่ต้องการ ที่จะตัดขาดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ (Decouple)
🇨🇳 ฝั่งจีน: โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกลับให้รายละเอียดน้อยมาก เมื่อนักข่าวถามถึงประเด็นข้อจำกัดทางการส่งออก ก็ได้แต่บอกให้ไปดูรายละเอียดในแถลงการณ์ร่วมเท่านั้น ซึ่งผู้แทนของจีนในการเจรจาต่อเนื่องคือรองนายกรัฐมนตรี He Lifeng ค่ะ
👉🏻 คุณ Bessent ยังแอบให้ข้อมูลที่น่าสนใจด้วยว่า สหรัฐฯ และจีนได้ระบุอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์และห่วงโซ่อุปทานที่เปราะบางไว้ประมาณ 5-6 อย่าง เช่น ยา และเหล็ก ซึ่งสหรัฐฯ จะพยายามสร้างความเป็นอิสระในห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ และหาแหล่งนำเข้าที่เชื่อถือได้จากประเทศพันธมิตรแทน และจะมีการ "ปรับสมดุลเชิงกลยุทธ์" ในภาคส่วนเหล่านี้ต่อไป
📊 ตลาดตอบรับข่าวดี๊ดี!
พอข่าวนี้ออกมาปุ๊บ ตลาดหุ้นก็คึกคักขึ้นทันทีเลยค่ะ!
หุ้นจีน: ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงพุ่งขึ้นถึง 3.6% ชดเชยที่เคยร่วงไปตอนประกาศขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายนได้เกือบหมด
ตลาดสหรัฐฯ: สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P500 (S&P500 Futures) ก็บวกไป 2.8% ส่วน Nasdaq 100 Futures ก็เพิ่มขึ้น 3.5%
ค่าเงิน: เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน เรียกว่านักลงทุนทั่วโลกใจชื้นขึ้นเยอะเลยค่ะ
🗓️ มองอดีต...เพื่อเข้าใจปัจจุบัน
แม้ว่าข่าวนี้จะเป็นข่าวดี แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าในอดีต การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้นไม่ง่ายเลยค่ะ เคยมีบทเรียนมาแล้ว อย่างในปี 2018 ทั้งสองฝ่ายก็เคยตกลงว่าจะ "พักรบ" กันชั่วคราว แต่ไม่นานสหรัฐฯ ก็ถอยออกจากข้อตกลงนั้น นำไปสู่การขึ้นภาษีและการเจรจาที่ยืดเยื้อกว่า 18 เดือน ก่อนจะมีการลงนามในข้อตกลง "ระยะที่หนึ่ง" (Phase One) เมื่อเดือนมกราคม 2020
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จีนก็ไม่ได้ทำตามข้อตกลงเรื่องปริมาณการสั่งซื้อสินค้าในดีลนั้น และตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับจีนก็ยังพุ่งสูงขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 จนนำมาสู่สงครามการค้ารอบปัจจุบันนี่แหละค่ะ
🎯 สรุปและความเห็นส่วนตัว
ข่าวการลดภาษีชั่วคราวนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ค่ะ ที่สองประเทศมหาอำนาจยอมถอยคนละก้าวเพื่อเปิดทางเจรจา มันจะช่วยลดความร้อนแรงของสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกลงได้เยอะ และน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม เรายังต้องจับตาดูกันยาวๆ ค่ะว่าภายใน 90 วันนี้ พวกเขาจะสามารถตกลงกันในประเด็นสำคัญๆ ได้จริงจังแค่ไหน หรือจะเป็นเพียงการ "พักรบ" ชั่วคราวแล้วก็กลับมาเผชิญหน้ากันอีกเหมือนที่เคยเป็นมา
ส่วนตัวแอดมองว่า หลังจากนี้คงจะมีแต่ข่าวดี เพราะว่าเจ็บหนักทั้งคู่ และทุกคนเห็นผลกระทบแบบ preview ไปแล้วนั่นเองค่ะ แถมคุณ Bessent ดันพูดออกมาด้วยว่าไม่มีใครต้องการ decouple ออกจากกัน แค่สหรัฐฯ ไม่อยากพึ่งพาจีนมากเกินไปค่ะ
ผลลัพธ์น่าจะเหมือนที่แอดบอกแหละว่า สหรัฐฯ อยากให้ตัวเองผลิตสิ่งที่ตัวเองใช้และจำเป็นให้ได้ ส่วนที่ขายให้ทั้งโลกก็คงจะให้จีนผลิตต่อไปเหมือนเดิมค่ะ
คิดว่ามีโอกาสที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะกลับไปทำ ATH อีกรอบ และจีนจะกลับไป test ที่ high เดิมค่ะ
ทองคำคงร่วงก่อนแน่ๆ ถ้ามีเยอะและกำไร ลดสัดส่วนลงบ้างก็ดีค่ะ
ปล. แอดบอกแล้วว่าถ้าไม่รู้จะทำอะไร ให้เรา Hold หรืออยู่เฉยๆไว้ก่อนค่ะ ถ้าเชื่อพาดหัวข่าวเยอะ โดยเฉพาะพวกเว่อร์ๆ เช่น lost decade อะไรทำนองนี้ค่ะ ไม่งั้นเจ็บตัวหนักแน่นอน
โฆษณา