12 พ.ค. เวลา 13:25 • หนังสือ

📚 สรุปไอเดียสำคัญจากหนังสือ “Zero to One”

คัมภีร์ที่คนทำ startup ทุกคนต้องอ่านจาก Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal
📌 Peter Thiel คือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal ที่หลังจากการขายบริษัทให้กับ e-Bay ในปี 2002 เขาและผู้ร่วมก่อตั้งคนดังอีกหลายคนที่เราคุ้น ๆ ชื่ออย่าง Elon Musk ก็ไปเป็นผู้ก่อตั้ง SpaceX และร่วมก่อตั้ง Teslaหรือไม่ว่าจะเป็น Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง Linkedin และตัว Peter Thiel เองก็ไปตั้งบริษัท Palantir จนแก๊งค์นี้ได้รับการขนานนามว่า “Paypal Mafia”
หนังสือเล่มนี้ที่เขาเขียนร่วมกับ Blake Masters นั้นมาจากคลาสเรียนเกี่ยวกับ startup ที่ตัวเขาเองไปสอนที่มหาวิทยาลัย Stanford ในปี 2012 และ Blake Masters ก็คือหนึ่งในนักเรียนของเขาที่จดโน้ตจากการเรียนคลาสนี้นั่นเองครับ
📌 ใครอยากอ่านบทความแบบเต็ม ๆ ไปอ่านได้ที่เว็บไซต์นี้เลยครับ
ขอสรุปไอเดีย 20 ข้อสั้น ๆ จากหนังสือ Zero to One ไว้ดังนี้ครับ
1. Peter Thiel ได้เริ่มต้นพูดถึงเรื่องของอนาคตที่เมื่อเราพูดถึงอนาคต เราหวังว่าจะเห็นความเจริญก้าวหน้าของโลกเรา Peter Thiel บอกว่ามันความก้าวหน้านั้นมันมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ horizontal หรือ extensive progress กับ vertical หรือ intensive progress
2. Horizonal progress ก็คือ การทำของเดิม ๆ ที่ดีอยู่แล้ว copy things that work ส่วน Vertical progress คือ การทำสิ่งใหม่เลย
3. Horizontal progress นั้นก็คือ Globalization นั่นเอง คือการขยายสิ่งนั้น ๆ ออกไปทั่วโลก ประเทศจีนเป็นตัวอย่างการทำ globalization ที่ชัดเจนมาก ๆ
4. Vertical progress มันคือ technology หรือสิ่งใหม่ที่จะทำให้ 0 กลายเป็น 1 ตามชื่อหนังสือเลยย แต่ globalization หรือ horizontal progress มันคือการทำ 1 ไปหา n (2, 3, 4 ไปเรื่อย ๆ )
5. Technology ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นของพวกคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่การทำอะไรด้วยวิธีใหม่ ๆ นั้นถือเป็นเทคโนโลยีทั้งหมด
6. คนส่วนใหญ่มักคิดว่า globalization นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับโลกอนาคตของเรา แต่ความเป็นจริงแล้วเป็น technology ต่างหากที่สำคัญ หากเรามุ่งเน้นการขยายตัวแบบ globalization โดยปราศจาก technology สิ่งที่จะเกิดก็คือความไม่ยั่งยืน
7. ธุรกิจที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องมียอดขายที่สูงมาก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ความสามารถในการทำไรที่ต้องสูง หรือ ต้อง capture value ที่สร้างมาไว้ให้ได้ โดยยกตัวอย่าง Google เทียบกับบริษัทที่ทำสายการบิน ที่ Google นั้นมีขนาดหรือรายได้ที่น้อยกว่าหลายเท่าตัวแต่มีสัดส่วนที่เป็นกำไรนั้นสูงกว่าหลายเท่าตัว
8. ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงหรือสมบูรณ์แบบเป็น Perfect Competition นั้น ในระยะยาวกำไรจะเริ่มถดถอย แต่ในธุรกิจที่เป็น monopoly (ผูกขาด) นั้นสามารถตั้งราคาเองได้ตามที่ต้องการเพราะไม่มีใครมาแข่งขัน นั่นทำให้สามารถทำกำไรได้สูง Peter บอกว่าเราจำเป็นต้องสร้างธุรกิจที่เป็น monopoly ให้ได้
9. Peter Thiel บอกว่า เราถูกปลูกฝังให้อยู่กับการแข่งขันมาตลอดในสังคม ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งกันเรียน สอบเข้า ที่ถูกบังคับให้แข่งขันในระบบเดียวกันมาตลอด ทำให้ยึดติดว่าเราจำเป็นต้องแข่งขันกันเองตลอด ทั้งที่เราสามารถไปทำสิ่งใหม่ที่ไม่มีคู่แข่งเลยได้จะดีกว่า
10. มูลค่าของธุรกิจใด ๆ นั้นถูกประเมินจากความสามารถในการสร้าง cash flow ในอนาคตดังนั้นการเป็น First Mover ก็ไม่ใช่ว่าจะชนะเสมอไป ผู้ชนะตัวจริงคือ Last Mover คนที่อยู่ทน อยู่ได้ในระยะยาว
11. การจะเป็น Monopoly ให้ได้จำเป็นต้องมีองค์ประกอบต่อไปนี้
🟢 Proprietary Technology เป็นเจ้าเทคโนโลยีเฉพาะตัวของตัวเอง
🟣 Network Effects มีเครือข่ายการใช้งาน ที่คนยิ่งใช้ก็ยิ่งขยายวงออกไปเรื่อย ๆ
🔵 Economies of Scale ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลงเรื่อย ๆ เมื่อมีคนใช้เพิ่ม
🔴 Branding มีแบรนด์ที่โดดเด่น
12. ในฐานะ founder นั้น หน้าที่สำคัญคือต้องเริ่มต้นให้ถูกต้อง เพราะว่าเราไม่สามารถสร้างองค์กรที่ดีได้หากพื้นฐานเริ่มมาไม่ดี
13. สิ่งสำคัญที่สุดของ founder ที่ต้องทำคือ การหา co-founder ที่ดีและใช่ก่อนเลย
14. CEO นั้นยิ่งเงินเดือนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อบริษัท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ CEO ให้ทำงานเพื่อมูลค่าของบริษัทในอนาคตมากกว่ามองแค่ระยะสั้น และยังสร้างมาตรฐานให้แก่คนอื่น ๆ ในบริษัทอีกด้วย
15. แทนที่จะจ่ายเป็นเงินเยอะ ๆ ให้กับพนักงาน startup สามารถให้เป็นหุ้นบางส่วนไปเลย และสิ่งนี้แหละจะช่วยกระตุ้นให้พนักงานอยากทำให้บริษัทดีขึ้น เพิ่มมูลค่าระยะยาวให้บริษัท เพื่อที่ราคาหุ้นที่ตัวเองถือนั้นจะได้มีมูลค่าสูงขึ้นตามนั่นเอง
16. ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไร เราต้องมีการขาย ซึ่งความสามารถในการขาย หรือใครที่ขายเก่งนั้น จะเป็นตัวแบ่งแยกคนที่จะเป็น superstar กับคนทั่วไปเลยทีเดียววว
17. คนมักจะกลัวการมาแทนมนุษย์ของ AI แต่ธุรกิจที่จะมี value มากคือธุรกิจที่จะสร้างโดยการที่ให้ความสำคัญและเพิ่มศักยภาพให้กับมนุษย์โดยใช้ AI มากกว่าการเอามาแทนมนุษย์
18. การจะทำธุรกิจใหม่ให้ไปต่อได้นั้นเราต้องคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
- Engineering question เรามี breakthrough technology ที่เจ๋งมั้ย แทนที่จะใช้พัฒนาแบบเดิม ๆ
- The Timing question ณ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจนี้หรือเปล่า
- The Monopoly question เราเริ่มจากการเป็นเจ้าของตลาดเล็กหรือเปล่า
- The People question เรามีทีมที่ดีและเหมาะสมมั้ย
- The Distribution question นอกจากการสร้าง product แล้วเรามีแนวทางในการขายหรือส่งมอบสินค้ารึยัง
- The Durability question ธุรกิจเราจะยังอยู่ได้ในอีก 10-20 ปีมั้ย
- The Secret question คุณมีโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็นรึเปล่า
19. คนที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คน อาจจะพูดถ่อมตัวว่า “เพราะโชคดี” แต่ความจริงแล้ว การประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งอาจมาจากโชค แต่ถ้าไม่ได้วางแผนที่ดีพอ โชคก็จะไม่เข้าข้าง
20. ผมมีโอกาสได้ฟัง อ. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พูดถึงหนังสือเล่มนี้ อาจารย์บอกว่าเราสามารถนำแนวคิดของหนังสือเล่มนี้ไปใช้กับการพัฒนาตนเองได้เช่นกัน โดยเราควรคิดว่าเราจะพัฒนาทักษะหรือความสามารถของเราให้เป็น monopoly แบบไม่มีคู่แข่ง (หรือมีแต่น้อยมาก) ได้อย่างไร เราจะทำตัวเราให้เป็น Zero to One ได้อย่างไร ก็น่าคิดและน่าจะนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ดีเลยครับ
โฆษณา