Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
13 พ.ค. เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์
บันได 7 ขั้นสู่ ‘ชีวิตไร้หนี้’ : ไม่มีทางลัด แต่มันคือทางออก
💸 ข้อมูลจากหอการค้าล่าสุดปี 67 พบว่า ครัวเรือนไทยมีหนี้สินเฉลี่ย 606,378 บาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบปี 66 ที่มีเฉลี่ย 559,408 บาท ถือเป็นยอดหนี้สูงสุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจในปี 52 โดยขณะนั้นครัวเรือนไทยมีหนี้สินเฉลี่ยเพียง 143,476 บาท
หากแบ่งก้อนหนี้ตรงนี้ออกมาจะพบว่า
💳 เป็นหนี้บัตรเครดิตมากที่สุด (60.2%) ตามด้วยหนี้เช่าซื้อยานพาหนะ (47.1%) สินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อการอุปโภคบริโภค (40.1%) สินเชื่อที่อยู่อาศัย (36.1%) การประกอบธุรกิจ (22.9%) [ตอบได้มากกว่า 1 ข้อเพราะสามารถมีหนี้ได้หลายก้อน]
🥲 ผ่อนต่อเดือนเฉลี่ยกันประมาณเดือนละ 18,787 บาท
ที่น่าตกใจคือ 71.6% บอกว่ามีปัญหาในการชำระหนี้ เพราะส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท
คือถ้าเป็นหนี้ที่ยังพอจ่ายขั้นต่ำรายเดือนไหว แล้วหารายได้เพิ่มได้ (ไม่ใช่กู้เพิ่มนะ) แบบนี้ยังอาจจะพอทู่ซี้ไปต่อได้ เพียงแต่ว่าบางคนอย่างข้อมูลด้านบนบอกนั่นแหละครับว่าจ่ายไม่ไหว เงินรายได้ต่อเดือนไม่พอจ่ายหนี้ขั้นต่ำด้วยซ้ำ
⚠️ คือถ้าผ่านสัญญาณอันตราย 3 รูปแบบอย่าง 1) จ่ายขั้นต่ำ 2) ผ่อนหนี้เกิน 50% ของรายได้ และ 3) เริ่มกู้มากินใช้ กู้มาผ่อนหนี้ แสดงว่าอาการเริ่มหนัก แบบนี้พี่หนุ่ม-Money Coach เรียกว่าหนี้แบบโคม่า
สิ่งแรกที่ต้องทำคือยอมรับความจริงก่อนว่าตอนนี้คุณมีปัญหา รู้ตัวว่าตกอยู่ใน "หลุม" ก็ควรหยุดขุดหลุมนั้นก่อนเลย
[ตรงนี้ที่จริงอาจจะฟังดูไม่ยากนะ แต่เวลาคนเป็นหนี้แล้วถึงทางตัน คิดอะไรไม่ออก คำถามในหัวที่หลายคนอาจจะคิดคือ ‘ไปยืมใครได้อีก’ แทนที่จะเป็นการเผชิญหน้าแล้วถามว่า ‘จะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไงดี?’ ซึ่งถ้าตั้งคำถามผิด ทำให้แก้ไขลำบากมาก]
แล้วเราจะเริ่มยังไงดี? มืดแปดด้านไปหมด อยากให้ลองใช้เวลาสัก 10 นาทีอ่านบทความนี้ให้จบ บางทีอาจจะพอช่วยเป็น ‘แผนที่’ ช่วยชี้ให้เห็นช่องทางสู่ ‘ชีวิตไร้หนี้’ ได้บ้าง
แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนว่าการแก้ปัญหาไม่มีทางลัด ไม่มีอะไรที่ทำวันนี้พรุ่งนี้ปัญหาหายไปเลย แต่ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ แม้จะมาช้าหน่อยก็ตาม
มาเริ่มกันเลย
✅ 1. [ รู้ว่าเราเป็นหนี้เท่าไหร่ ]
จะแก้ปัญหาได้ ต้องรู้ว่าปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ใหญ่ขนาดไหน
เพราะฉะนั้น บันไดก้าวแรกเริ่มจากการรู้ว่า “คุณเป็นหนี้อยู่เท่าไร”
ที่จริงเรื่องที่น่าแปลกใจคือ เวลาถามคนเป็นหนี้ว่าเป็นหนี้อะไรอยู่บ้างและเท่าไหร่? หลายคนตอบไม่ได้ อาจจะเพราะไม่อยากรู้ ไม่อยากเผชิญปัญหา หรือแค่ยอมแพ้ยกธงแล้วว่าจ่ายไปยังไงก็ไม่หมด เจ้าหนี้ทวงก็แค่จ่าย ฯลฯ หรืออะไรก็ตามแต่
พอไม่เคยเห็นภาพรวมของหนี้สินทั้งหมดที่ตัวเองมี ก็ไม่รู้แล้วว่าตัวเองกำลังต้องไปทางไหน
เพราะฉะนั้นเริ่มด้วยการรวบรวมบิล ค่าใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ดอกเบี้ยต่าง ๆ ลงในแหล่งเดียว เช่น สมุดโน้ต สเปรดชีต หรือแอปจัดการการเงิน
ก้าวแรกของการแก้หนี้คือหยุดหลอกตัวเอง หยุดหลบหน้า แล้วเริ่มวางแผนอย่างจริงจัง
✅ 2. [ เลือกกลยุทธ์แก้หนี้ ]
เมื่อรู้ยอดหนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดเรียง “ดอกเบี้ย” จากสูงไปต่ำ
หนี้ดอกเบี้ยสูง เช่น บัตรเครดิตบางใบ อาจกินเงินเราไปปีละหลายหมื่น แม้ยอดเงินจะดูไม่มาก แต่ค่าดอกเบี้ยที่สะสมทำให้การชำระหนี้กลายเป็นการไล่จับเงา ยิ่งจ่ายยิ่งไม่มีวันหมด หากคุณต้องเลือกจ่ายหนี้แบบมีลำดับขั้นตอน นี่คือข้อมูลที่คุณต้องมี
จากนั้นคือการเลือกวิธีชำระหนี้ให้เหมาะกับตัวเอง สองกลยุทธ์หลักที่อยากแนะนำคือ
- หิมะถล่ม (Avalance) คือการจัดลำดับชำระหนี้โดยเริ่มจากหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน วิธีนี้จะช่วยให้คุณจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงในระยะยาว เพราะจะลดภาระจากหนี้ที่แพงที่สุดได้เร็วที่สุด เหมาะอย่างยิ่งหากคุณมีหนี้เพียง 1–2 ก้อนที่ดอกเบี้ยสูงกว่าก้อนอื่นมาก การจัดการกับหนี้เหล่านี้ก่อนจะช่วยลดยอดหนี้รวมได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ก้อนหิมะกลิ้งลงเขา (Snowball) กลับกัน จะเน้นที่การชำระหนี้จากยอดที่น้อยที่สุดไปหายอดที่มากที่สุด แนวคิดคือการสร้าง “ชัยชนะเล็ก ๆ” ด้วยการปลดหนี้ก้อนเล็กได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เดินหน้าต่อไป ข้อดีหลักของวิธีนี้คือผลทางจิตวิทยา — ความรู้สึกว่าเราทำได้จริง ๆ จากการปลดหนี้ออกจากรายการทีละก้อน เหมาะอย่างยิ่งหากคุณมีหนี้หลายก้อนที่แม้จะไม่มาก แต่ก็รู้สึกรับไม่ไหว เยอะเกินไป การปลดหนี้เหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะช่วยสร้างโมเมนตัมในการไปต่อกับหนี้ก้อนใหญ่ได้ในที่สุด
✅ 3. [ อย่าผิดนัดชำระหนี้ ]
ไม่ว่าคุณจะเลือกกลยุทธ์อันไหน สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำอย่างไม่ขาดคือ “อย่าผิดนัดชำระหนี้” แม้แต่ครั้งเดียว
การล่าช้าเพียงวันเดียวอาจทำให้คุณถูกเรียกเก็บค่าปรับ และดอกเบี้ยพุ่งไปขึ้นไปอีก ซึ่งอาจล้างผลลัพธ์ของแผนที่วางเอาไว้ทั้งหมดในพริบตา
ตั้งระบบตัดบัญชีอัตโนมัติสำหรับยอดขั้นต่ำไว้ก่อน แล้วค่อยเพิ่มยอดเมื่อมีเงินพิเศษเข้ามา หรือมีรายได้เพิ่ม วิธีนี้อาจฟังดูธรรมดา แต่ช่วยป้องกันหายนะทางการเงินได้อย่างมาก
จำไว้เสมอว่าการแก้หนี้เป็นเรื่องชั่วคราว เมื่อผ่านตรงนี้ไปได้ คุณภาพชีวิตคุณจะดีขึ้นและไม่ต้องกังวลกับเจ้าหนี้ที่โทรมาหาเป็นประจำทุกวัน
✅ 4. [ รวมยอดหนี้ ]
อีกทางเลือกที่หลายคนมองข้ามคือการ “รวมยอดหนี้” หรือ “โอนยอดไปยังบัตรดอกเบี้ย 0% ชั่วคราว” หากคุณรู้สึกว่าจ่ายหนี้ไม่ไหว การรวมหลายหนี้เข้าด้วยกัน หรือย้ายหนี้จากบัตรดอกเบี้ยสูงไปยังบัตรที่มีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 12–18 เดือน อาจทำให้คุณหายใจสะดวกขึ้น (อันนี้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมกันต่อนะครับ แล้วแต่ว่าธนาคารที่เป็นลูกค้าอยู่มีบริการแบบไหนบ้าง)
แต่ความท้าทายคือคุณต้องใช้ช่วงเวลานั้นให้คุ้ม ไม่ใช่กลับไปใช้จ่ายเพิ่มอีก หรือสร้างหนี้ก้อนใหม่เพิ่ม
✅ 5. [ อย่าไปก่อหนี้เพิ่มหรือตกหลุมโปรโมชั่น ]
เน้นย้ำอีกรอบว่าในช่วงที่แก้หนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าหาปัญหาใส่ตัวเพิ่ม กู้หนี้ก้อนใหม่เพิ่มเรื่อยๆ มันจะไม่จบอย่างแน่นอน
อีกอย่างที่คุณควรหลีกเลี่ยงที่สุดในช่วงนี้คือการพยายาม “ไล่เก็บแต้ม” จากบัตรเครดิตเพื่อแลกของรางวัล การไล่ล่าคะแนนหรือส่วนลดต่าง ๆ
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ธุรกิจอยากสร้างยอดขายให้ได้เยอะๆ เทคนิคเชิงจิตวิทยาที่อยากให้เราใช้เงินมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วมันมักจบลงด้วยการใช้เงินเกินตัวมากกว่า และกลับไปติดหนี้รอบใหม่อีกครั้ง
หากคุณมีแต้มค้างอยู่ ให้เปลี่ยนเป็นเครดิตเงินสดคืนมาแทนที่จะนำไปแลกของรางวัลหรือเพิ่มเงินเพื่อซื้อของอะไรบางอย่าง (ที่คุณอาจจะไม่ได้อยากได้จริงๆ ด้วยซ้ำ แค่เสียดายแต้ม)
✅ 6. [ เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ]
แต่บางครั้ง ต่อให้วางแผนดีแค่ไหน ชีวิตก็อาจเล่นตลกใส่เรา — ตกงาน ป่วย หรือเหตุฉุกเฉินในครอบครัว
อย่ารู้สึกว่าคุณต้องจัดการทุกอย่างคนเดียว หากคุณเริ่มจ่ายไม่ไหว โทรหาผู้ให้บริการหรือเจ้าหนี้ เข้าไปคุยกับเขา เจรจาขอพักชำระหนี้ หรือการลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาเฉพาะ
นอกจากนี้ มีหลายช่องทาง (คลีนิคแก้หนี้ by SAM หรือ หมอหนี้เพื่อประชาชน (ลิงก์ในคอมเมนต์)) ที่พร้อมให้ความรู้และหาทางออกให้กับคุณ พร้อมให้คำแนะนำเชิงลึกที่เหมาะกับสถานการณ์ด้วย
✅ 7. [เผื่อใจว่าแผนจะไม่เป็นไปตามแผน]
ท้ายที่สุด เมื่อคุณเริ่มเดินบนเส้นทางนี้แล้ว อย่าลืมเผื่อใจสำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างทางด้วย
ตรวจสอบแผนหนี้ของคุณทุก 3 เดือน สอบถามตัวเองว่าอะไรเปลี่ยนแปลงไป รายรับ รายจ่าย หนี้ใหม่ หรือโอกาสที่คุณยังไม่เคยเห็น
แน่นอนว่าเราอาจจะพลาด ทำไม่ได้ตามเป้า แต่ไม่เป็นไร ลุกขึ้นมาใหม่ อย่างที่บอกว่านี่ไม่ใช่ทางลัด แต่ทางออกมีอยู่ทางเดียวคือมุ่งมั่นทำตามแผนที่วางเอาไว้
หนี้บางก้อนสำหรับหลายคนอาจจะไม่ใช่หนี้ที่ตัวเองก่อด้วยซ้ำ แต่ต้องมารับผิดชอบแทน บางอย่างก็อยู่เหนือการควบคุมของเรา
เราจะนั่งด่าว่าโลกไม่แฟร์ก็ได้ หรือ เราจะเลือกลุกขึ้นมาแก้ไขมันให้ดีขึ้นก็ได้ อันนี้อยู่ในการควบคุมของเรา
การจัดการหนี้ไม่ใช่แค่ภารกิจระยะสั้น แต่มันคือการเปลี่ยนระบบชีวิตทั้งหมดของคุณให้มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ
การปลดหนี้คือการค่อย ๆ ได้อำนาจชีวิตของคุณคืนมา ทุกครั้งที่คุณจ่ายหนี้ได้สำเร็จ มันไม่ใช่แค่ยอดเงินที่ลดลง แต่มันคือคำประกาศกับตัวเองว่า “ฉันควบคุมชีวิตนี้ได้”
เราจะรู้สึกภูมิใจและมั่นใจตัวเองมากขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีทางลัด และไม่มีใครเดินแทนคุณได้ แต่ถ้าคุณกล้าก้าวแรก และยืนหยัดกับมัน บันไดสู่ชีวิตไร้หนี้จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
ข้อมูลแก้หนี้จากธนาคารแห่งประเทศไทย ->
https://www.bot.or.th/.../256702-the-knowledge-3channels
...
รวมบทความเรื่องหนี้ ->
https://www.facebook.com/share/p/1FfxkxakbN/
อ้างอิง : หนังสือ : เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพทางการเงิน
คลีนิคแก้หนี้ by sam :
https://www.debtclinicbysam.com/
https://lifehacker.com/money/how-organize-pay-off-debt
https://www.ncb.co.th/fin.../effect-stop-pay-debt-serious/
https://www.set.or.th/.../93-tsi-making-suitable-monthly
...
https://www.thaipbs.or.th/news/content/344124
#aomMONEY #MakeRichGeneration #การเงินส่วนบุคคล #แก้หนี้
7 บันทึก
13
14
7
13
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย